There are several reports of clinic

There are several reports of clinical trials of aspirin in sporadic colon cancer. However, only one double-blind trial of aspirin in patients with familial adenomatous polyposis (FAP) has been reported to date. This double-blind, randomized, placebo-controlled clinical trial was therefore performed to evaluate the influence of low-dose aspirin enteric-coated tablets (100 mg/day for 6-10 months) in 34 subjects with FAP (17 each in the aspirin and placebo groups). The increase in mean diameter of colorectal polyps tended to be greater in the placebo group compared with the aspirin group, which showed a response ratio, that is, aspirin response rate (number of subjects with reduced polyps/total)/placebo response rate (number of subjects with reduced polyps/total), of 2.33 (95% confidence interval: 0.72-7.55). Subgroup analysis revealed that the number of subjects with a mean baseline polyp diameter of ≤2 mm, and the diameter and number of polyps after intervention showed a significant reduction in the aspirin group. Adverse effects of aspirin, such as anastomotic ulcer, aphtha in the large intestine, and progression of anemia, occurred in three subjects. Moreover, none of the subjects developed colorectal cancer. The results thus indicated a potential for aspirin to reduce colorectal adenoma development in patients with FAP, but careful follow-up is needed to avoid or rapidly counter severe adverse effects.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ยังมีหลายรายงานการทดลองทางคลินิกของแอสไพรินในมะเร็งลำไส้ใหญ่มี อย่างไรก็ตาม ทดลองตาบอดคู่เดียวของแอสไพรินในผู้ป่วยที่มีภาวะ adenomatous polyposis (FAP) มีการรายงานวันที่ ดังนั้นคู่คนตาบอด randomized ควบคุม ด้วยยาหลอกทดลองทางคลินิกที่ดำเนินการประเมินอิทธิพลของแอสไพรินยาต่ำเคลือบ enteric เม็ด (100 มิลลิกรัมต่อวัน 6-10 เดือน) ในหัวข้อที่ 34 กับ FAP (17 แต่ละในกลุ่มแอสไพรินและยาหลอก) เพิ่มเส้นผ่าศูนย์กลางเฉลี่ยของ polyps ลำไส้มีแนวโน้มจะมากขึ้นในกลุ่มยาหลอกเมื่อเทียบกับกลุ่มแอสไพริน ซึ่งแสดงให้เห็นอัตราการตอบสนอง คือ อัตราการตอบสนองของแอสไพริน (จำนวนเรื่องรวมลด polyps) / ตอบสนองต่อยาหลอกอัตรา (จำนวนเรื่องรวมลด polyps), ของ 2.33 (95% ช่วงความเชื่อมั่น: 0.72 7.55) วิเคราะห์กลุ่มย่อยเปิดเผยว่า จำนวนหัวเรื่อง มีความหมายถึงพื้นฐานโปลิเส้นผ่าศูนย์กลาง ≤2 มม. และเส้นผ่าศูนย์กลางและหมายเลขของ polyps หลังจากแทรกแซงพบการลดลงอย่างมีนัยสำคัญในกลุ่มแอสไพริน ผลข้างเคียงของแอสไพริน เข้า ๆ anastomotic, aphtha ในลำไส้ใหญ่ และความก้าวหน้าของโรคโลหิตจาง เกิดขึ้นในสามเรื่อง นอกจากนี้ ไม่มีเรื่องการพัฒนาโรคมะเร็งลำไส้ ผลลัพธ์จึงระบุศักยภาพสำหรับแอสไพรินเพื่อลดการพัฒนาเนื้องอกลำไส้ต่อมในผู้ป่วย FAP แต่ต้องติดตามระมัดระวังเพื่อหลีกเลี่ยง หรือตอบโต้อย่างรุนแรงส่งผลอย่างรวดเร็ว

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

มีรายงานหลายของการทดลองทางคลินิกของยาแอสไพรินในมะเร็งลำไส้ใหญ่เป็นระยะ ๆ อย่างไรก็ตามหนึ่งเดียวทดลองแบบ double-blind ยาแอสไพรินในผู้ป่วยที่มี polyposis adenomatous ครอบครัว (FAP) ได้รับรายงานถึงวันที่ นี้แบบ double-blind, สุ่ม, placebo-controlled ทดลองทางคลินิกจึงได้ดำเนินการในการประเมินอิทธิพลของยาแอสไพรินขนาดต่ำยาเม็ดเคลือบลำไส้ (100 มก. / วันเป็นเวลา 6-10 เดือน) ใน 34 วิชาที่มีสภาวิชาชีพบัญชี (17 ในแต่ละแอสไพริน และกลุ่มที่ได้รับยาหลอก) การเพิ่มขึ้นของขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางเฉลี่ยของติ่งลำไส้ใหญ่มีแนวโน้มที่จะมากขึ้นในกลุ่มยาหลอกเมื่อเทียบกับกลุ่มยาแอสไพรินซึ่งแสดงให้เห็นอัตราการตอบสนอง, ที่อยู่, อัตราการตอบสนองยาแอสไพริน (จำนวนวิชาที่มีติ่งลดลง / รวม) / อัตราการตอบสนองยาหลอก (หมายเลข ของวิชาที่มีติ่งลดลง / ทั้งหมด) 2.33 (95% ช่วงความเชื่อมั่น: 0.72-7.55) การวิเคราะห์กลุ่มย่อยเปิดเผยว่าจำนวนของวิชาที่มีค่าเฉลี่ยเส้นผ่าศูนย์กลางปะการังพื้นฐานของ≤2มิลลิเมตรและมีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางและจำนวนติ่งหลังการแสดงให้เห็นว่าการลดความสำคัญในกลุ่มแอสไพริน ผลกระทบของยาแอสไพรินเช่นแผล anastomotic, aphtha ในลำไส้ใหญ่และการลุกลามของโรคโลหิตจางที่เกิดขึ้นในสามวิชา นอกจากนี้ยังไม่มีเรื่องการพัฒนาโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ จึงชี้ให้เห็นผลที่มีศักยภาพสำหรับยาแอสไพรินเพื่อลดการพัฒนา adenoma ลำไส้ใหญ่ในผู้ป่วยที่มีสภาวิชาชีพบัญชี แต่ระวังติดตามเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อหลีกเลี่ยงหรืออย่างรวดเร็วผลกระทบอย่างรุนแรงเคาน์เตอร์

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

มีหลายรายงานของการทดลองทางคลินิกของแอสไพรินในผู้ป่วยมะเร็งลําไส้ใหญ่ระยะ . อย่างไรก็ตาม มีเพียงหนึ่งตัวอย่างของแอสไพรินในผู้ป่วยเป็นกรรมพันธุ์ adenomatous polyposis ( FAP ) มีรายงานว่า วันที่ นี้แบบ randomized ,และการทดลองทางคลินิกจึงได้ดำเนินการเพื่อประเมินอิทธิพลของแอสไพริน ยาเม็ดเคลือบที่มีขนาดยาต่ำ ( 100 มิลลิกรัม / วัน 6-10 เดือน ) 34 คน กับสภาวิชาชีพบัญชี ( 17 แต่ละในแอสไพรินและกลุ่มยาหลอก ) เพิ่มหมายถึงเส้นผ่าศูนย์กลางของลำไส้ใหญ่ polyps มีแนวโน้มที่จะมากขึ้นในกลุ่มยาหลอก เมื่อเทียบกับ กลุ่มแอสไพริน ซึ่งพบว่ามีการตอบสนองต่อ นั่นคืออัตราการตอบสนองแอสไพริน ( จำนวนคนลดลง polyps / รวม ) / อัตราการตอบสนอง ) ( จำนวนคนลดลง polyps / รวม ) , 2.33 ( ช่วงความเชื่อมั่น 95% : 0.72-7.55 ) การวิเคราะห์กลุ่มย่อย พบว่า จำนวนคนด้วยหมายความว่าพื้นฐานขนาด≤ polyp 2 มม. และ ขนาด และจำนวน polyps หลังการทดลองพบลดลงอย่างมีนัยสำคัญในกลุ่มแอสไพรินผลข้างเคียงของแอสไพริน เช่น anastomotic ฝี , aphtha ในลำไส้ใหญ่ และความก้าวหน้าของภาวะโลหิตจางที่เกิดขึ้นใน 3 วิชา นอกจากนี้ ไม่มีใครอาสาพัฒนา มะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารหนัก . ผลจึงพบว่าแอสไพรินเพื่อลดศักยภาพในการพัฒนาปอสาลำไส้ใหญ่ผู้ป่วย FAP แต่ระวังติดตามเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อหลีกเลี่ยงหรือเคาน์เตอร์อย่างรวดเร็วรุนแรงผลข้างเคียง .