The bear family, Ursidae, is believ

The bear family, Ursidae, is believed to have split off from other carnivorans about 38 million years ago. The Ursinae subfamily originated approximately 4.2 million years ago. The oldest known polar bear fossil is a 130,000 to 110,000-year-old jaw bone, found on Prince Charles Foreland in 2004.[15] Fossils show that between ten to twenty thousand years ago, the polar bear's molar teeth changed significantly from those of the brown bear. Polar bears are thought to have diverged from a population of brown bears that became isolated during a period of glaciation in the Pleistocene.[16]

The evidence from DNA analysis is more complex. The mitochondrial DNA (mtDNA) of the polar bear diverged from the brown bear, Ursus arctos, roughly 150,000 years ago.[15] Further, some clades of brown bear, as assessed by their mtDNA, are more closely related to polar bears than to other brown bears,[17] meaning that the polar bear would not be a true species according to some species concepts.[18] The mtDNA of Irish brown bears is particularly close to polar bears.[19] A comparison of the nuclear genome of polar bears with that of brown bears revealed a different pattern, the two forming genetically distinct clades that diverged approximately 603,000 years ago,[20] although the latest research is based on analysis of the complete genomes (rather than just the mitochondria or partial nuclear genomes) of polar, brown and black bears, and establishes the divergence of polar and brown bears at 4-5 million years ago.[21]

However, the two species have mated intermittently for all that time, most likely coming into contact with each other during warming periods, when polar bears were driven onto land and brown bears migrated northward. Most brown bears have about 2 percent genetic material from polar bears, but one population residing in the Alexander Archipelago has between 5 percent and 10 percent polar bear genes, indicating more frequent and recent mating.[22] Polar bears can breed with brown bears to produce fertile grizzly–polar bear hybrids,[16][23] rather than indicating that they have only recently diverged, the new evidence suggests more frequent mating has continued over a longer period of time, and thus the two bears remain genetically similar.[22] However, because neither species can survive long in the other's ecological niche, and because they have different morphology, metabolism, social and feeding behaviors, and other phenotypic characteristics, the two bears are generally classified as separate species.[24]

When the polar bear was originally documented, two subspecies were identified: Ursus maritimus maritimus by Constantine J. Phipps in 1774, and Ursus maritimus marinus by Peter Simon Pallas in 1776.[25] This distinction has since been invalidated. One fossil subspecies has been identified. Ursus maritimus tyrannus — descended from Ursus arctos — became extinct during the Pleistocene. U.m. tyrannus was significantly larger than the living subspecies

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ครอบครัวหมี Ursidae เชื่อว่ามีแยกออกจาก carnivorans อื่น ๆ ประมาณ 38 ล้านปีที่ผ่านมา Subfamily Ursinae ที่มาประมาณ 4.2 ล้านปีที่ผ่านมา ซากดึกดำบรรพ์หมีขั้วโลกชื่อดังเก่าแก่ที่สุดคือ 130,000 กับกระดูกขากรรไกร 110,000 ปี พบกับเจ้าชายชาร์ลส์ Foreland ในปี 2004[15] ซากดึกดำบรรพ์แสดงว่าระหว่างไปยี่สิบหมื่นปีที่ผ่านมา เปลี่ยนแปลงอย่างมากจากบรรดาหมีสีน้ำตาลฟันด้วยการสบของหมีขั้วโลก หมีขั้วโลกมีความคิดมี diverged จากประชากรของหมีสีน้ำตาลกลายเป็นแยกช่วง glaciation ในการ Pleistocene[16]

หลักฐานจากการวิเคราะห์ดีเอ็นเอมีความซับซ้อนมากขึ้น Diverged mitochondrial DNA (mtDNA) ของหมีขั้วโลกจากหมีสีน้ำตาล Ursus arctos ประมาณบริการ 150000 ปี[15] เพิ่มเติม บาง clades ของหมีสีน้ำตาล เป็นประเมิน โดยของ mtDNA มากเกี่ยวข้องกับหมีขั้วโลกมากกว่าอื่น ๆ น้ำตาลหมี, [17] หมายความ ว่า หมีขั้วโลกจะมีพันธุ์แท้จริงตามแนวคิดบางชนิด[18] mtDNA ของหมีสีน้ำตาลไอริชเป็นอย่างยิ่งใกล้กับหมีขั้วโลก[19] การเปรียบเทียบกลุ่มนิวเคลียร์ของหมีขั้วโลกของหมีสีน้ำตาลที่เปิดเผยแบบรูปแบบ สอง clades แปลงพันธุกรรมทั้งหมดที่ diverged ประมาณ 603,000 ปี, [20] แต่งานวิจัยล่าสุดตามวิเคราะห์ genomes สมบูรณ์ (มากกว่าเพียง mitochondria หรือ genomes นิวเคลียร์บางส่วน) ของหมีขั้วโลก สีน้ำตาล และสีดำ ขึ้นรูป และสร้าง divergence ของขั้วโลกและหมีสีน้ำตาล 4-5 ล้านปีที่ผ่านมา[21]

อย่างไรก็ตาม ชนิดสองมี mated เป็นระยะ ๆ สำหรับทั้งหมดเวลานั้น มักมาระหว่างร้อนรอบ เมื่อหมีขั้วโลกขับเคลื่อนบนที่ดิน และหมีสีน้ำตาลย้ายค่าไปยังฝั่งกัน หมีสีน้ำตาลส่วนใหญ่มีพันธุกรรมประมาณ 2 เปอร์เซ็นต์วัสดุจากหมีขั้วโลก แต่ประชากรหนึ่งในหมู่เกาะอเล็กซานเดอร์ได้ระหว่างร้อยละ 5 และ 10 เปอร์เซ็นต์ยีนหมีขั้วโลก บ่งชี้เพิ่มเติมบ่อยครั้ง และล่าสุดมีการผสมพันธุ์[22] หมีขั้วโลกสามารถแพร่พันธุ์กับหมีสีน้ำตาลเพื่อผลิตลูกผสมหมีขั้วโลก – grizzly อุดม, [16] [23] แทนที่จะบอกว่า พวกเขามีเฉพาะเพิ่ง diverged หลักฐานใหม่ชี้ให้เห็นบ่อยกว่า ผสมพันธุ์ได้อย่างต่อเนื่องเป็นระยะเวลานานกว่า และดังนั้น หมีสองยังคงคล้ายแปลงพันธุกรรม[22] อย่างไรก็ตาม เนื่อง จากสายพันธุ์ไม่สามารถอยู่รอดในระยะยาวอื่น ๆ ของระบบนิเวศเฉพาะ และมีสัณฐานวิทยาที่แตกต่างกัน เผาผลาญ พฤติกรรมทางสังคม และอาหาร และ ลักษณะอื่น ๆ ที่ไทป์ หมีสองโดยทั่วไปแบ่งออกเป็นชนิดแยกจากกัน[24]

เมื่อแรกถูกจัดหมีขั้วโลก ระบุชนิดย่อยสอง: maritimus maritimus Ursus โดยคอนสแตนติน J. Phipps ใน 1774, Ursus maritimus มารินุสที่ โดยปีเตอร์ Simon พัลลัสใน 1776[25] ความแตกต่างได้เนื่องจากถูกยกเลิกแล้ว หนึ่งมีการระบุชนิดย่อยฟอส Ursus maritimus tyrannus — สืบเชื้อสายจาก Ursus arctos — กลายเป็นสูญระหว่าง Pleistocene U.m. tyrannus มีขนาดใหญ่กว่าชนิดย่อยอยู่มาก

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ครอบครัวหมี Ursidae, เชื่อว่าจะต้องแยกออกจาก carnivorans อื่น ๆ เกี่ยวกับ 38 ล้านปีที่ผ่านมา Ursinae อนุวงศ์มาประมาณ 4,200,000 ปีที่ผ่านมา ที่เก่าแก่ที่สุดที่รู้จักกันฟอสซิลหมีขั้วโลกเป็นกระดูกขากรรไกร 130,000 110,000 ปีพบในเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์แหลมในปี 2004 [15] ฟอสซิลแสดงให้เห็นว่าระหว่าง 10-20,000 ปีที่แล้วฟันกรามหมีขั้วโลกเปลี่ยนอย่างมีนัยสำคัญจากที่ของ หมีสีน้ำตาล หมีขั้วโลกกำลังคิดว่าจะต้องแยกออกจากประชากรของหมีสีน้ำตาลที่กลายเป็นโดดเดี่ยวในช่วงเย็นใน Pleistocene. [16] หลักฐานจากการวิเคราะห์ดีเอ็นเอที่มีความซับซ้อนมากขึ้น ยลดีเอ็นเอ (mtDNA) ของหมีขั้วโลกแยกออกจากหมีสีน้ำตาลทฤษฎีหมีประมาณ 150,000 ปีที่ผ่านมา. [15] นอกจากนี้ clades ของหมีสีน้ำตาลบางอย่างประเมินโดย mtDNA ของพวกเขามีความสัมพันธ์อย่างใกล้ชิดกับหมีขั้วโลกกว่า หมีสีน้ำตาลอื่น ๆ [17] ซึ่งหมายความว่าหมีขั้วโลกจะไม่เป็นสายพันธุ์ที่แท้จริงตามแนวคิดบางชนิด. [18] mtDNA ของหมีสีน้ำตาลเป็นชาวไอริชโดยเฉพาะอย่างยิ่งใกล้กับหมีขั้วโลก. [19] การเปรียบเทียบของจีโนมนิวเคลียร์ หมีขั้วโลกกับที่ของหมีสีน้ำตาลเผยให้เห็นรูปแบบที่แตกต่างกันสองรูป clades แตกต่างทางพันธุกรรมที่แยกประมาณ 603,000 ปีที่ผ่านมา [20] ถึงแม้ว่าการวิจัยล่าสุดจะขึ้นอยู่กับการวิเคราะห์จีโนมที่สมบูรณ์ (มากกว่าแค่ mitochondria หรือจีโนมนิวเคลียร์บางส่วน ) ของขั้วโลก, สีน้ำตาลและสีดำหมีและสร้างความแตกต่างของหมีขั้วโลกและสีน้ำตาล 4-5 ล้านปีมาแล้ว. [21] อย่างไรก็ตามทั้งสองชนิดได้แต่งงานเป็นช่วง ๆ ตลอดเวลาที่มีโอกาสมากที่สุดที่เข้ามาในการติดต่อกับคนอื่น ๆ ในช่วงเวลาที่ร้อนเมื่อหมีขั้วโลกกำลังขับรถบนที่ดินและหมีสีน้ำตาลอพยพไปทางทิศเหนือ หมีสีน้ำตาลส่วนใหญ่จะมีประมาณร้อยละ 2 สารพันธุกรรมจากหมีขั้วโลก แต่ประชากรหนึ่งที่อาศัยอยู่ในอเล็กซานเดมีหมู่เกาะระหว่างร้อยละ 5 และร้อยละ 10 ยีนหมีขั้วโลกแสดงการผสมพันธุ์บ่อยขึ้นและเมื่อเร็ว ๆ นี้. [22] หมีขั้วโลกสามารถผสมพันธุ์กับหมีสีน้ำตาล ผลิตที่อุดมสมบูรณ์เจียวหมีขั้วโลก, [16] [23] มากกว่าการแสดงให้เห็นว่าพวกเขาได้แยกออกเท่านั้นเมื่อเร็ว ๆ นี้หลักฐานใหม่ที่แสดงให้เห็นการผสมพันธุ์บ่อยมากขึ้นได้อย่างต่อเนื่องเป็นระยะเวลานานของเวลาและทำให้ทั้งสองหมียังคงอยู่ที่คล้ายกันทางพันธุกรรม. [ 22] แต่เนื่องจากไม่ได้สายพันธุ์ที่สามารถอยู่รอดได้นานในช่องทางนิเวศวิทยาอื่นและเพราะพวกเขามีรูปร่างที่แตกต่างกัน, การเผาผลาญอาหารพฤติกรรมทางสังคมและการให้อาหารและลักษณะฟีโนไทป์อื่น ๆ ที่สองหมีโดยทั่วไปว่าเป็นสายพันธุ์ที่แยกจากกัน. [24] เมื่อ หมีขั้วโลกเป็นเอกสารเดิมสองชนิดย่อยถูกระบุ: ขั้วโลกหมีขั้วโลกโดยคอนสแตนติเจฟิบส์ใน 1774 และหมีขั้วโลก Marinus โดยปีเตอร์ไซมอนพาลาใน 1776 [25] ความแตกต่างนี้นับ แต่นั้นมาไม่ถูกต้อง หนึ่งจำพวกฟอสซิลได้รับการยืนยัน หมีขั้วโลก tyrannus - สืบเชื้อสายมาจากทฤษฎีหมี - กลายเป็นสูญพันธุ์ในช่วง Pleistocene um tyrannus อย่างมีนัยสำคัญมีขนาดใหญ่กว่าชนิดย่อยที่อาศัยอยู่

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

หมีครอบครัว , หมี , เชื่อว่ามีการแยกตัวออกจาก carnivorans อื่นประมาณ 38 ล้านปีก่อน การ ursinae subfamily ที่มาประมาณ 4.2 ล้านปีมาแล้ว ที่เก่าแก่ที่สุดที่รู้จักของหมีขั้วโลก ฟอสซิล เป็น 130 , 000 ถึง 110 , 000 กระดูกกรามของปีเก่า พบบนแหลมเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ในปี 2004 . [ 15 ] ฟอสซิลแสดงให้เห็นว่าระหว่างสิบถึงยี่สิบพันปีก่อนหมีขั้วโลกเป็นฟันเปลี่ยนไปอย่างมากจากบรรดาหมีสีน้ำตาล หมีขั้วโลกกำลังคิดจะแยกออกจากกลุ่มประชากรที่เป็นสีน้ำตาล หมีที่แยกได้ในช่วงระยะเวลา glaciation ใน Pleistocene [ 16 ]

หลักฐานจากการวิเคราะห์ดีเอ็นเอที่ซับซ้อนมากขึ้น mitochondrial DNA ( แสดง ) ของหมีขั้วโลกที่แยกออกจากหมีสีน้ำตาล ursus arctos ประมาณ 150 , 000 ปีมาแล้ว[ 15 ] เพิ่มเติม บาง clades ของหมีสีน้ำตาล เท่าที่ประเมิน โดยแสดงตน มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับหมีขั้วโลกมากกว่าหมีสีน้ำตาล อื่น ๆ , [ 17 ] แปลว่าหมีจะไม่เป็นจริงชนิดตามแนวคิดชนิด [ 18 ] แสดงโดยไอริชหมีสีน้ำตาลใกล้ขั้วโลกหมี[ 19 ] การเปรียบเทียบจีโนมนิวเคลียร์ของหมีขั้วโลกกับของหมีสีน้ำตาลเปิดเผยรูปแบบแตกต่างกันสองเป็นพันธุกรรมที่แตกต่างกัน clades ออกไปประมาณ 603000 ปีมาแล้ว [ 20 ] แม้ว่าการวิจัยล่าสุดขึ้นอยู่กับการวิเคราะห์ของจีโนมที่สมบูรณ์ ( มากกว่าแค่บางส่วน ) หรือนิวเคลียร์ จีโนมของขั้วโลก สีน้ำตาลและดำหมีและสร้างความแตกต่างของขั้วโลกและหมีสีน้ำตาลที่ 4-5 ล้านปีก่อน [ 21 ]

แต่ทั้งสองชนิดมีคู่กันเป็นระยะ ๆตลอดช่วงเวลานั้น ส่วนใหญ่ที่เข้ามาในการติดต่อกับแต่ละอื่น ๆในช่วงร้อน เมื่อหมีขั้วโลกกำลังขับเคลื่อนเข้าสู่แผ่นดิน และหมีสีน้ำตาลอพยพไปทางเหนือ หมีสีน้ำตาลส่วนใหญ่มีประมาณ 2 เปอร์เซ็นต์ สารพันธุกรรมจากขั้วโลกหมีแต่หนึ่งในประชากรที่อาศัยอยู่ในหมู่เกาะอเล็กซานเดอร์ได้ระหว่างร้อยละ 5 และร้อยละ 10 หมีขั้วโลกยีนแสดงบ่อยขึ้นและมากล่าสุด หมีขั้วโลก [ 22 ] สามารถผสมพันธุ์กับหมีสีน้ำตาลผลิตอุดมสมบูรณ์สีเทา–หมีขั้วโลกลูกผสม [ 16 ] [ 23 ] แทนที่จะแสดงให้เห็นว่าพวกเขามีความแตกต่างเพียงเมื่อเร็ว ๆนี้ ,หลักฐานใหม่แสดงให้ผสมพันธุ์บ่อยต่อเนื่องในระยะเวลานานของเวลาและดังนั้นหมีสองยังคงคล้ายกันพันธุกรรม [ 22 ] อย่างไรก็ตาม เนื่องจากทั้งชนิดสามารถอยู่รอดได้นานในอื่น ๆทางนิเวศ และเพราะพวกเขามีลักษณะที่แตกต่างกัน , การเผาผลาญอาหาร , พฤติกรรมทางสังคมและการให้อาหาร และลักษณะที่ใกล้เคียงอื่น ๆหมีสองโดยทั่วไปจะแบ่งเป็น แยกชนิด [ 24 ]

เมื่อหมีขั้วโลกถูกบันทึกสองชนิดย่อยที่พบ : หมีขั้วโลก มาริไทมัส โดย ฟิปส์ คอนสแตนติน เจ ใน 1745 และหมีขั้วโลกมารินัสโดยปีเตอร์ไซมอนพัลลัสใน 1776 [ 25 ] ความแตกต่างนี้ได้ถูกยกเลิก หนึ่งในฟอสซิลชนิดย่อยที่ได้รับการระบุ .หมีขาว tyrannus - สืบเชื้อสายมาจาก ursus arctos - กลายเป็นสูญพันธุ์ในช่วงไพลสโตซีน . u.m. tyrannus อย่างมีนัยสำคัญมีขนาดใหญ่กว่าชีวิตชนิดย่อย