Besides antimicrobial function, org

Besides antimicrobial function, organic acids
and their salts have a beneficial effect on digestibility,
nutrient resorption (Roth and Kirchgessner,
1998; De Freitas et al., 2006) and performance of
weaned and growing piglets (Kirchgessner et al.,1995; Roth and Kirchgessner, 1998; Partanen and
Mroz, 1999; De Freitas et al., 2006). Antimicrobial
effects can be explained by two mechanisms: First,
by a pH fall below 6 in the stomach, which inhibits
the growth of pathogenic microorganisms and,
second, the ability of organic acids to penetrate
in their non-dissociated form through the bacterial
wall and destroy some specific microorganisms
(Eidelsburger et al., 1992; Roth et al., 1992a;
Hansen et al., 2007). Bactericidal or bacteriostatic
effects of organic acids consist above all in a direct
effect of the organic acid anions on bacterial
cell walls. This ability is primarily characteristic of
acids with low numbers of carbon atoms in their
molecules, such as formic, acetic, propionic and
lactic acids (Kirchgessner et al., 1992; Roth et al.,
1998; Partanen et al., 2001).
According to their effects, organic acids can be
categorized into two groups. The first group comprises
lactic, fumaric and citric acids and is characterized
by an indirect effect in reducing bacterial
populations by decreasing pH in the stomach. The
second group comprises formic, acetic, propionic
and sorbic acids, and are characterized by a direct
effect of lower pH in the digestive tract on the cell
wall of gram-negative bacteria thereby preventing
their deoxyribonucleic acid replication (Roth et al.,
1992a; Hansen et al., 1997; Castro, 2005).
Furthermore, organic acids contribute to the
stabilization of intestinal microflora due to their
effective biocidal qualities and their ability to improve
enzymatic digestion (Kirchgessner et al.,
1995; Roth and Kirchgessner, 1998; Marinho et
al., 2007). The digestion of proteins by pepsin in
the stomach begins when pH is low, while high pH
values reduce enzyme activity. This is associated
with the utilizability of feed minerals because solubility
of minerals increases with a decrease in pH
(Kirchgessner et al., 1995; Hansen et al., 2007). For
these reasons, the use of organic acids in piglets is
important because in the first days they suffer from
a post-weaning syndrome associated with a typical
starvation period which is followed by ingestion of
excessive amounts of feed, resulting in mild acidification
of the stomach chyme. Consequently, higher
pH values cause weakening of the protective barrier
function of the stomach against ingested bacteria
and leads to intensive bacterial propagation in the
small and large intestine (Castro 2005; De Freitas
et al., 2006; Marinho et al., 2007).
Organic acids cause a decline in the number
of pathogenic microorganisms such as E. coli in the stomach and small intestine (Kluge et al.,
2006; Hansen et al., 2007). After application of
organic acids in previous studies, a significant decrease
in the number of microorganisms (E. coli,
Bacteroidaceae, Eubacterium, Lactobacillus sp. and
Bifidobacterium sp.) occurred in the duodenum, jejunum
and ileum (Gedek et al., 1992b; Kirchgessner
et al., 1992), whilst in the caecum and colon, the
microflora was not greatly affected by the ingested
organic acids (Gedek et al., 1992b). In vitro studies
have shown that formic acid can inhibit the growth
of pathogenic bacteria. Lactic acid was most effective
in this regard, whereas the effect of acetic acid
and propionic acid was low (Gedek et al., 1992b;
Kirchgessner et al., 1992).
The effect of organic acids is initiated by their
addition to the feed. Antibacterial and antifungal
effects are elicited by a decrease in the feed
pH (Eidelsburger et al., 1992; Castro 2005), which
contributes to feed preservation. Acids in powder
form are most suitable for preservation of feeds
(Overland et al., 2008).
Feed acidifiers commonly used in animal nutrition,
usually based on formic acid, are effective
even when their proportion in a diet is low (less
than 10 grams per kilogram; Eidelsburger et al.,
1992; Gedek et al., 1992a; Partanen et al., 2002,
2007). Even though formic acid alone is an efficient
acidifier; it is often combined with other organic
acids such as sorbic acid (Kirchgessner et al., 1995),
fumaric acid (Gedek et al., 1992b), citric, propionic
and benzoic acids (Partanen and Mroz, 1999) so
as to increase its effect. The antimicrobial effects
of different organic acids vary greatly and depend
on their concentration and pH. Specific effects of
different organic acids towards different bacteria
have been observed. It is necessary to note that an
increased intake of organic acids can cause a reduction
in feed intake, body weight gain and general
efficiency of young pigs (Roth and Kirchgessner,
1998; Partanen et al., 2007).
Partanen et al. (2001) documented that formic
acid tended to decrease bacterial nitrogen in different
parts of t

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

นอกจากการทำงานของยาต้านจุลชีพ กรดอินทรีย์และเกลือของพวกเขามีผลประโยชน์ในการย่อยสารอาหารสลายตาม (Roth และ Kirchgessner1998 De Freitas et al. 2006) และประสิทธิภาพของหย่านม และเติบโตทรูด (Kirchgessner et al. 1995 รอดและ Kirchgessner, 1998 Partanen และMroz, 1999 De Freitas et al. 2006) สารต้านจุลชีพผลสามารถอธิบายได้ โดยสองกลไก: ครั้งแรกจากค่า pH ตกลงด้านล่าง 6 ในกระเพาะอาหาร ซึ่งยับยั้งการเติบโตของเชื้อจุลินทรีย์ และวินาที ความสามารถของกรดอินทรีย์ในการเจาะในรูปแบบไม่ใช่ไม่ผ่านแบคทีเรียผนัง และทำลายจุลินทรีย์เฉพาะบาง(Eidelsburger et al. 1992 Roth et al. 1992aแฮนเซน et al. 2007) จากแบคทีเรีย หรือ bacteriostaticผลกระทบของกรดอินทรีย์ประกอบตรงเครื่องข้างต้นทั้งหมดผลของการนไอออนกรดอินทรีย์แบคทีเรียผนังเซลล์ ความสามารถนี้คือลักษณะของกรดที่ มีหมายเลขต่ำของคาร์บอนอะตอมในของพวกเขาโมเลกุล เช่นปลวก อะซิ ติก โพรพิโอนิ และกรดแลคติก (Kirchgessner et al. 1992 Roth et al.,1998 Partanen et al. 2001)ตามผล กรดอินทรีย์ได้แบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มแรกประกอบด้วยคติ fumaric และกรดซิตริก และโดดเด่นโดยผลกระทบทางอ้อมในการลดเชื้อแบคทีเรียประชากร โดยการลดค่า pH ในกระเพาะอาหาร การกลุ่มที่สองประกอบด้วยปลวก อะซิ ติก โพรพิโอนิและกรด sorbic และมีลักษณะ โดยตรงผลของการลดค่า pH ในทางเดินอาหารในเซลล์ผนังของแบคทีเรียแกรมลบเพื่อป้องกันการจำลองแบบส่วนประกอบของพวกเขา (Roth et al.,1992a แฮนเซน et al. 1997 คาสโตร 2005)นอกจากนี้ กรดอินทรีย์ที่นำไปสู่การเสถียรภาพของจุลินทรีย์ในลำไส้เนื่องจากของพวกเขาคุณภาพ biocidal ที่มีประสิทธิภาพและความสามารถในการปรับปรุงเอนไซม์ย่อยอาหาร (Kirchgessner et al.,1995 รอดและ Kirchgessner, 1998 Marinho ร้อยเอ็ดal., 2007) การย่อยอาหารโปรตีนโดยธาตุเพพซินในกระเพาะอาหารเริ่มเมื่อ pH ต่ำ ในขณะที่ค่า pH สูงค่าลดเอนไซม์ นี้มีความสัมพันธ์กับ utilizability ของอาหารแร่ธาตุเนื่องจากละลายแร่ธาตุที่เพิ่มกับการลดลงของค่า pH(Kirchgessner et al. 1995 แฮนเซน et al. 2007) สำหรับเหตุผลเหล่านี้ จะใช้กรดอินทรีย์ในทรูดสำคัญเนื่องจากในวันแรก ที่พวกเขาทุกข์ทรมานจากมีอาการหลังถอดที่เกี่ยวข้องกับแบบทั่วไประยะเวลาการอดอาหารซึ่งตาม ด้วยการกินจำนวนฟีด ผลอ่อนเป็นกรดมากเกินไปของ chyme กระเพาะอาหาร ดังนั้น สูงกว่าทำให้ค่า pH ลดลงของการปกป้องการทำงานของกระเพาะอาหารกับเชื้อแบคทีเรียที่ติดเครื่องและนำไปสู่การเผยแพร่เชื้อแบคทีเรียแบบเข้มข้นในการลำไส้เล็ก และใหญ่ (Castro 2005 De Freitaset al. 2006 Marinho et al. 2007)กรดอินทรีย์ทำให้มีการลดจำนวนของจุลินทรีย์ทำให้เกิดโรคเช่น E. coli ในกระเพาะอาหารและลำไส้เล็ก (Kluge et al.,2006 แฮนเซน et al. 2007) หลังจากการประยุกต์ของกรดอินทรีย์ในการศึกษาก่อนหน้านี้ การลดลงอย่างมีนัยสำคัญในจำนวนของจุลินทรีย์ (E. coliBacteroidaceae, Eubacterium, Lactobacillus sp. และBifidobacterium sp) เกิดขึ้นใน duodenum, jejunumและ ileum (Gedek et al. 1992b Kirchgessneret al. 1992), ในขณะที่ ใน caecum และลำไส้ใหญ่ การจุลินทรีย์ไม่ถูกผลกระทบอย่างมาก โดยการติดเครื่องกรดอินทรีย์ (Gedek et al. 1992b) การศึกษาในหลอดทดลองแสดงให้เห็นว่า กรดฟอร์มิกสามารถยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรียที่ก่อโรค กรดแลคติกมีประสิทธิภาพมากที่สุดในเรื่องนี้ ในขณะที่ผลของกรดซิตริกและกรดโพรพิโอนิได้ต่ำ (Gedek et al. 1992bKirchgessner et al. 1992)ผลของกรดอินทรีย์เริ่มต้นโดยการเพิ่มตัวดึงข้อมูล ต้านเชื้อแบคทีเรีย และเชื้อราผลกระทบที่เกิด โดยการลดลงในอาหารสัตว์ค่า pH (Eidelsburger et al. 1992 คาสโตร 2005), ซึ่งก่อให้เกิดการเก็บรักษาอาหาร กรดในผงแบบฟอร์มเหมาะสมที่สุดสำหรับการเก็บรักษาอาหาร(บก et al. 2008)ฟีด acidifiers ที่นิยมใช้ในอาหารสัตว์ปกติตามกรดฟอร์มิก มีประสิทธิภาพแม้ว่าสัดส่วนของพวกเขาในการรับประทานอาหารจะต่ำ (น้อยกว่ากว่า 10 กรัมต่อกิโลกรัม Eidelsburger et al.,1992 Gedek et al. 1992a Partanen et al. 20022007) . แม้ว่ากรดฟอร์มิกเพียงอย่างเดียวจะมีประสิทธิภาพacidifier มันมักจะรวมกับอินทรีย์อื่น ๆกรดเช่นกรด sorbic (Kirchgessner et al. 1995),กรด fumaric (Gedek et al. 1992b), มะนาว โพรพิโอนิและกรดเบนโซอิก (Partanen และ Mroz, 1999) ดังนั้นเพื่อเพิ่มผล ผลต้านจุลชีพกรดอินทรีย์ที่แตกต่างกันแตกต่างกันมาก และขึ้นอยู่กับความเข้มข้นและค่า pH ลักษณะเฉพาะของกรดอินทรีย์ต่าง ๆ ต่อเชื้อแบคทีเรียที่แตกต่างกันได้รับการปฏิบัติ จำเป็นต้องทราบว่า การบริโภคที่เพิ่มขึ้นของกรดอินทรีย์อาจทำให้เกิดการลดลงในการกินอาหาร น้ำหนัก และทั่วไปประสิทธิภาพของสุกรหนุ่ม (Roth และ Kirchgessner1998 Partanen et al. 2007)Partanen et al. (2001) ได้รับการบันทึกว่าปลวกแนวโน้มที่จะ ลดแบคทีเรียไนโตรเจนในกรดส่วนของ t

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

นอกจากฟังก์ชั่นต้านจุลชีพกรดอินทรีย์
และเกลือของพวกเขามีผลประโยชน์ในการย่อย,
การสลายสารอาหาร (Roth และ KIRCHGESSNER,
1998. de Freitas et al, 2006) และประสิทธิภาพของ
หย่านมและลูกสุกรเจริญเติบโต (KIRCHGESSNER, et al, 1995;. โรทและ KIRCHGESSNER 1998; Partanen และ
Mroz, 1999. de Freitas et al, 2006) ยาต้านจุลชีพ
ผลกระทบที่สามารถอธิบายได้ด้วยกลไกสอง: ครั้งแรก
โดยการลดลงของค่า pH ต่ำกว่า 6 ในกระเพาะอาหารซึ่งช่วยยับยั้งการ
เจริญเติบโตของจุลินทรีย์ที่ทำให้เกิดโรคและ
ประการที่สองความสามารถของกรดอินทรีย์ที่จะเจาะ
ในรูปแบบที่ไม่ได้แยกตัวของพวกเขาผ่านแบคทีเรีย
และผนัง ทำลายเชื้อจุลินทรีย์บางอย่าง
(Eidelsburger et al, 1992;.. Roth, et ​​al, 1992a;
. แฮนเซน, et al, 2007) ฆ่าเชื้อแบคทีเรียหรือเชื้อแบคทีเรีย
ผลกระทบของกรดอินทรีย์ประกอบด้วยข้างต้นทั้งหมดในโดยตรง
ผลกระทบของแอนไอออนกรดอินทรีย์แบคทีเรีย
ผนังเซลล์ ความสามารถนี้เป็นหลักลักษณะของ
กรดที่มีตัวเลขต่ำของอะตอมคาร์บอนในของพวกเขา
โมเลกุลเช่นฟอร์มิ, อะซิติกโพรพิโอนิและ
กรดแลคติก (KIRCHGESSNER et al, 1992;. Roth, et ​​al.,
1998; Partanen et al, 2001).
ตามที่ผลของกรดอินทรีย์สามารถ
แบ่งออกเป็นสองกลุ่ม กลุ่มแรกประกอบด้วย
แลคติคริกและกรดซิตริกและโดดเด่น
โดยมีผลทางอ้อมในการลดแบคทีเรีย
ประชากรโดยการลดความเป็นกรดด่างในกระเพาะอาหาร
กลุ่มที่สองประกอบด้วยฟอร์มิ, อะซิติกโพรพิโอนิ
และกรดซอร์บิกและมีลักษณะตรง
ผลกระทบของค่า pH ต่ำกว่าในระบบทางเดินอาหารในเซลล์
ผนังของแบคทีเรียแกรมลบจึงช่วยป้องกัน
การจำลองแบบกรดของพวกเขาดีเอ็นเอ (Roth, et ​​al.,
1992a; แฮนเซน, et al, 1997;.. คาสโตร, 2005)
นอกจากนี้กรดอินทรีย์มีส่วนร่วมใน
การรักษาเสถียรภาพของจุลินทรีย์ในลำไส้เนื่องจากพวกเขา
มีคุณภาพที่มีประสิทธิภาพ biocidal และความสามารถของพวกเขาในการปรับปรุง
การย่อยของเอนไซม์ (KIRCHGESSNER, et al.,
1995; Roth และ KIRCHGESSNER 1998; ซ et
al., 2007) การย่อยของโปรตีนโดยน้ำย่อยใน
กระเพาะอาหารเริ่มต้นขึ้นเมื่อค่า pH อยู่ในระดับต่ำในขณะที่ค่า pH สูง
ค่าลดกิจกรรมของเอนไซม์ นี้มีความเกี่ยวข้อง
กับ utilizability ของแร่ธาตุอาหารสัตว์เนื่องจากการละลาย
ของแร่ธาตุที่เพิ่มขึ้นกับการลดลงของค่า pH
(KIRCHGESSNER, et al, 1995;.. แฮนเซน, et al, 2007) สำหรับ
เหตุผลเหล่านี้การใช้กรดอินทรีย์ในลูกสุกรเป็น
สิ่งสำคัญเพราะในวันแรกที่พวกเขาต้องทนทุกข์ทรมานจาก
โรคหลังหย่านมเกี่ยวข้องกับปกติ
ระยะเวลาการอดอาหารซึ่งตามมาด้วยการบริโภคของ
ปริมาณที่มากเกินไปของอาหารที่มีผลในกรดอ่อน
ของกระเพาะอาหาร chyme ดังนั้นที่สูงกว่า
ค่าพีเอชทำให้เกิดการลดลงของการป้องกัน
การทำงานของกระเพาะอาหารต่อต้านแบคทีเรียที่กินเข้าไป
และนำไปสู่การขยายพันธุ์ของเชื้อแบคทีเรียที่เข้มข้นใน
ลำไส้เล็กและลำไส้ใหญ่ (Castro 2005 de Freitas
et al, 2006;.. ซ et al, 2007)
กรดอินทรีย์ก่อให้เกิดการลดลงในจำนวนที่
ของเชื้อจุลินทรีย์ที่ทำให้เกิดโรคเช่นเชื้อ E. coli ในกระเพาะอาหารและลำไส้เล็ก (Kluge, et al.,
2006. แฮนเซน, et al, 2007) หลังจากการประยุกต์ใช้
กรดอินทรีย์ในการศึกษาก่อนหน้านี้ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ
( E. coli ในจำนวนของจุลินทรีย์
. Bacteroidaceae, Eubacterium, แลคโตบาซิลลัสและ SP
. Bifidobacterium SP) ที่เกิดขึ้นในลำไส้เล็กส่วนต้น, jejunum
และ ileum (Gedek, et al, 1992b. KIRCHGESSNER
et al., 1992) ในขณะที่ใน caecum และลำไส้ใหญ่ที่
จุลินทรีย์ที่ไม่ได้รับผลกระทบอย่างมากโดยติดเครื่อง
กรดอินทรีย์ (Gedek et al., 1992b) ในการศึกษาในหลอดทดลอง
ได้แสดงให้เห็นว่ากรดฟอร์มิสามารถยับยั้งการเจริญเติบโต
ของเชื้อแบคทีเรียที่ทำให้เกิดโรค กรดแลคติกเป็นมีประสิทธิภาพมากที่สุด
ในเรื่องนี้ในขณะที่ผลกระทบของกรดอะซิติก
และกรดโพรพิโอนิต่ำ (Gedek, et al, 1992b.
KIRCHGESSNER et al, 1992)..
ผลของกรดอินทรีย์จะเริ่มโดยพวกเขา
นอกจากฟีด ต้านเชื้อแบคทีเรียและเชื้อรา
ผลกระทบที่จะเกิดจากการลดลงของฟีด
พีเอช (Eidelsburger et al, 1992;. คาสโตร 2005) ซึ่ง
ก่อให้เกิดการเก็บรักษาอาหาร กรดในผง
รูปแบบที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการเก็บรักษาของฟีด
(โอเวอร์ et al., 2008).
acidifiers ฟีดที่นิยมใช้ในอาหารสัตว์,
มักจะขึ้นอยู่กับกรดฟอร์มิมีประสิทธิภาพ
แม้ในขณะที่สัดส่วนของพวกเขาในการรับประทานอาหารที่อยู่ในระดับต่ำ (น้อย
กว่า 10 กรัม ต่อกิโลกรัม; Eidelsburger, et al.,
1992; Gedek, et al, 1992a. Partanen et al, 2002.
2007) แม้ว่ากรดเพียงอย่างเดียวที่มีประสิทธิภาพ
กรด; มันมักจะรวมกับอินทรีย์อื่น ๆ
กรดเช่นกรดซอร์บิก (KIRCHGESSNER et al., 1995),
กรดฟูมาริก (Gedek et al., 1992b), ซิตริก, โพรพิโอนิ
และเบนโซอิกกรด (Partanen และ Mroz, 1999) ดังนั้น
เพื่อเพิ่มของ ผล ผลกระทบต่อยาต้านจุลชีพ
ของกรดอินทรีย์ที่แตกต่างกันแตกต่างกันมากและขึ้นอยู่
กับความเข้มข้นและความเป็นกรดด่างของพวกเขา ผลกระทบเฉพาะของ
กรดอินทรีย์ที่แตกต่างกันที่มีต่อแบคทีเรียที่แตกต่างกัน
ได้รับการปฏิบัติ มันเป็นสิ่งจำเป็นที่จะต้องทราบว่า
การบริโภคที่เพิ่มขึ้นของกรดอินทรีย์สามารถก่อให้เกิดการลดลง
ในปริมาณอาหารที่กินน้ำหนักร่างกายและทั่วไป
ประสิทธิภาพของสุกรสาว (Roth และ KIRCHGESSNER,
. 1998. Partanen et al, 2007)
Partanen et al, (2001) เอกสารที่ฟอร์มิ
กรดมีแนวโน้มลดลงไนโตรเจนแบคทีเรียที่แตกต่างกันใน
ส่วนของ T