The Reign of OralityBefore the spok

The Reign of Orality
Before the spoken word appeared, human beings communicated with each other using gestures,
mixtures of sounds and tones of voice, facial expressions and bodily movements.
This type of communication known as proto-language, may have lasted for as long as
3,500,000 years. At the time of Homo Erectus, however, when the velar closure in the throat began
to develop, the spoken word gradually became possible. Slowly the spoken word emerged
sometime between 75,000 and 200,000 years ago. These dates are offered by Dr. Keith Devlin,
Senior Researcher at the Center for Study of Language and Information at Stanford University in
his book The Math Gene. For a long period of time our ancestors used the spoken word as their
primary means of communication. They kept important information stored in their brains, i.e.,
their memories, from where they could “re-member” by “bringing it up” or “recalling it” as
needed. For this purpose poetry, song, and dance helped them to remember the words because
they were spoken in a certain rhythm, rhymed with each other at the end of phrases, or were spoken
or sung with an accompanying movement of the body known as dance. Jean-Jacques Rousseau
(1712-1778), the Swiss-French philosopher in his Essay on the Origin of Languages came
to the conclusion that language began as musical imitation. For many hundreds of thousands of
years human beings lived in cultures all over our world totally untouched by any knowledge of
writing. All communication was conducted orally using the mouth and tongue to speak and the
ears to hear. Orality is still alive and functioning in many cultures today where researchers can
visit to discover and to learn about its nature and characteristics. Orality is an important and
growing field for research.
The Rise of the Written Word: The Shift from Orality to Literacy Begins
It was back in the time of Ancient Greece that this long period of orality was interrupted by
the appearance of the first and most important technological invention in history, the written
word, ushered in and made possible by the invention of the alphabet. In order to know the
meaning of the written word, it was necessary, of course, to know how to read. After a long period
of time of the spoken word that used the mouth and ear to communicate, there was a shift to
using the eyes for both reading and writing.
Tracing the origin and evolution of the spoken word (orality) and the location and the
date when it first emerged is a most difficult task since the spoken word evaporates into the air
(or possibly into the collective consciousness), once it is spoken, and is remembered only in the
memories of the people who heard the words as they were spoken. For this reason it is almost
impossible to say when the spoken word or language began. There is more concrete evidence
available concerning the origin and evolution of the written word (literacy), the location and the
date when it first emerged, and its effect on the spoken word.
From 1960 to 1980, especially in England, France, Canada, and the United States, a
number of researchers published books on this important subject, which had been overlooked
until that time. It was quite an exciting revelation that aroused a great deal of interest. Two extremely
important researchers spent their lives studying and writing about the time and place in
history when the spoken word was challenged by the emergence of the written word and the implications
of this evolution.
Eric A. Havelock (1903-1988), a British born classicist who spent most of his life in the
US and Canada, placed the emergence of the written word (literacy) in Greece between 700 and
400 BCE. He became deeply interested in this shift and the impact of this profound innovation

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

สมัย Orality
ก่อนคำพูดปรากฏ มนุษย์สื่อสารกันโดยใช้รูปแบบลายเส้น,
ผสมเสียงและโทนเสียง หน้านิพจน์ และการเคลื่อนไหวร่างกายได้
ชนิดนี้เรียกว่าโปรโตภาษา การสื่อสารอาจมีกินเวลาสำหรับตราบ
3, 500, 000 ปีได้ ในขณะโฮโม Erectus อย่างไรก็ตาม เมื่อปิดเพดานอ่อนคอเริ่ม
พัฒนา คำพูดค่อย ๆ เป็นไปได้ ช้าเกิดคำพูด
ระหว่าง 75000 และ 200000 ปีบางครั้ง วันที่เหล่านี้จะนำเสนอ โดย Dr. Keith รับ,
นักวิจัยอาวุโสที่ศูนย์ศึกษาภาษาและข้อมูลที่มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด
ยีนคณิตศาสตร์หนังสือของเขา เวลานานบรรพบุรุษของเราใช้คำพูดเป็นนัก
หมายถึงหลักของการสื่อสาร พวกเขาเก็บข้อมูลสำคัญที่เก็บอยู่ในสมองของพวกเขา ความทรงจำ i.e.,
their จากที่พวกเขาสามารถ "สมาชิกใหม่" โดย "นำมันขึ้น" หรือ "เรียกว่า" เป็น
จำ สำหรับวัตถุประสงค์นี้ บทกวี เพลง และเต้นรำช่วยให้จำคำเพราะ
จะได้พูดในเป็นบางจังหวะ rhymed กันท้ายวลี หรือถูกพูด
หรือสูง ด้วยการย้ายมาของร่างกายที่เรียกว่าเต้น Jean-Jacques Rousseau
(1712-1778) นักปราชญ์ฝรั่งเศสสวิสในเรียงความของเขาในจุดเริ่มต้นของภาษามา
สรุปว่าภาษาเริ่มเป็นดนตรีเทียม หลายร้อยหลายพัน
ปีมนุษย์อาศัยอยู่ในวัฒนธรรมทั่วโลกของเราสมบูรณ์ ด้วยความรู้ใด ๆ ทั้งสิ้น
เขียน สื่อสารทั้งหมดถูกดำเนินเนื้อหาโดยใช้ปากและลิ้นที่พูดและ
หูฟัง Orality จะยังคงมีชีวิตอยู่ และทำงานในวันนี้ซึ่งนักวิจัยสามารถหลายวัฒนธรรม
เยี่ยมเยือน และเรียนรู้เกี่ยวกับธรรมชาติและลักษณะของการ Orality จะมีความสำคัญ และ
เติบโตสำหรับการวิจัย.
เพิ่มขึ้นของคำเขียน: กะเดอะ Orality จะสามารถเริ่มต้น
ก็กลับมาในเวลาของกรีซโบราณที่นานนี้ orality ถูกขัดจังหวะโดย
ลักษณะที่ปรากฏของผู้ประดิษฐ์เทคโนโลยีแรก และสำคัญที่สุดในประวัติศาสตร์ การเขียน
word, ushered ใน และทำไป โดยการประดิษฐ์ตัวอักษร เพื่อทราบการ
ความหมายของคำเขียน มันจำเป็น แน่นอน รู้วิธีการอ่าน หลังจากระยะยาว
เวลาของคำพูดที่ใช้ปากและหูเพื่อการสื่อสาร มีกะการ
ใช้ตาทั้งอ่านและเขียน
ติดตามมาและวิวัฒนาการของคำพูด (orality) และตำแหน่งที่ตั้งและ
วันเมื่อนั้นแรกเกิดเป็นงานยากที่สุดเนื่องจากคำพูดที่ระเหยไปในอากาศ
(หรืออาจจะ ในสำนึกรวม)เมื่อมันพูด และเป็นที่จดจำเท่านั้นในการ
ความทรงจำของคนที่ได้ยินคำพวกเขาได้พูด ด้วยเหตุนี้จึงเกือบ
ไปเมื่อการเริ่มต้นของคำพูดหรือภาษาพูด มีหลักฐานเพิ่มเติมคอนกรีต
เกี่ยวกับกำเนิดและวิวัฒนาการของลายลักษณ์อักษร (สามารถ), ตำแหน่งว่างและ
เมื่อมันก่อนเกิด และวันมีผลในการพูดคำ.
จาก 1960 ถึง 1980 โดยเฉพาะอย่างยิ่งในอังกฤษ ฝรั่งเศส แคนาดา สหรัฐ อเมริกา และการ
จำนวนนักวิจัยเผยแพร่หนังสือเรื่องสำคัญนี้ ซึ่งได้ถูกมองข้าม
จนกว่าเวลานั้น ก็ค่อนข้างเปิดเผยตื่นเต้นที่ aroused มากน่าสนใจ สองแสน
นักวิจัยสำคัญใช้ชีวิตเรียนและเขียนเกี่ยวกับเวลาและสถานที่ในการ
ประวัติเมื่อคำพูดถูกท้าทาย ด้วยการเกิดขึ้นของลายลักษณ์อักษรและผลกระทบ
ของวิวัฒนาการนี้
Eric A. เฮฟล็อค (1903-1988), classicist เกิดอังกฤษที่ใช้มากที่สุดของชีวิต
สหรัฐอเมริกาและแคนาดา วางลายลักษณ์อักษร (สามารถ) มักเกิดขึ้นในกรีซระหว่าง 700 และ
400 ปีก่อนคริสต์ศักราช เขากลายเป็นที่สนใจอย่างลึกซึ้งในการเปลี่ยนแปลงนี้และผลของนวัตกรรมนี้ลึกซึ้ง

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ในรัชกาลของ orality
ก่อนที่คำพูดที่ดูเหมือนมนุษย์สื่อสารกับแต่ละอื่น ๆ โดยใช้ท่าทางการ
ผสมของเสียงและเสียงของเสียงของการแสดงออกทางสีหน้าและการเคลื่อนไหวของร่างกาย
ชนิดนี้ของการสื่อสารที่เรียกว่าโปรโตภาษาอาจจะกินเวลานานที่สุดเท่าที่
3,500,000 ปี ในช่วงเวลาแห่งตุ๊ด Erectus แต่เมื่อปิด velar ในลำคอเริ่ม
ที่จะพัฒนาคำพูดค่อย ๆ กลายเป็นที่เป็นไปได้ ช้าคำพูดออกมา
ในช่วงระหว่าง 75,000 และ 200,000 ปีที่ผ่านมา วันที่เหล่านี้จะถูกนำเสนอโดย ดร. คี ธ เดฟลิน
นักวิจัยอาวุโสที่ศูนย์การศึกษาภาษาและข้อมูลที่ Stanford University ใน
หนังสือของเขาคณิตศาสตร์ยีน เป็นระยะเวลานานของเวลาที่บรรพบุรุษของเราที่ใช้คำพูดของพวกเขาเป็น
วิธีการหลักในการติดต่อสื่อสาร พวกเขาเก็บข้อมูลที่สำคัญเก็บไว้ในสมองของพวกเขาคือ
ความทรงจำของพวกเขาจากที่พวกเขาจะทำได้อีกครั้ง "สมาชิก" โดย "นำมันขึ้น" หรือ "นึกถึงมัน" เป็น
สิ่งที่จำเป็น สำหรับบทกวีนี้วัตถุประสงค์เพลงและการเต้นรำช่วยให้พวกเขาจำคำพูดเพราะ
พวกเขาพูดในบางจังหวะ, บทกวีกับคนอื่น ๆ ที่ส่วนท้ายของวลีหรือได้พูด
หรือร้องเพลงที่มีการเคลื่อนไหวประกอบของร่างกายที่เรียกว่าการเต้นรำ ฌองฌาคส์รูสโซ
(1712-1778), นักปรัชญาชาวสวิสฝรั่งเศสในเรียงความของเขาเกี่ยวกับต้นกำเนิดของภาษามา
ถึงบทสรุปภาษาที่เริ่มเลียนแบบดนตรี หลายร้อยหลายพันของ
ปีที่มนุษย์อาศัยอยู่ในทุกวัฒนธรรมทั่วโลกของเรามิได้ถูกแตะต้องโดยสิ้นเชิงโดยความรู้ของ
การเขียน การสื่อสารทั้งหมดได้ดำเนินการปากเปล่าโดยใช้ปากและลิ้นที่จะพูดและ
หูฟัง orality ยังมีชีวิตอยู่และทำงานในหลายวัฒนธรรมวันนี้ที่นักวิจัยสามารถ
เยี่ยมชมการค้นพบและเรียนรู้เกี่ยวกับธรรมชาติและลักษณะของ orality เป็นสำคัญและ
ด้านการเจริญเติบโตสำหรับการวิจัย
การเพิ่มขึ้นของการเขียนคำ: กะจาก orality ให้ความรู้เริ่มต้น
มันก็กลับมาอยู่ในช่วงเวลาของกรีกโบราณที่ระยะเวลานานนี้ orality ถูกขัดจังหวะด้วย
การปรากฏตัวของแรกและสำคัญที่สุด สิ่งประดิษฐ์ทางเทคโนโลยีในประวัติศาสตร์ที่เขียน
คำ ushered ในและทำไปโดยสิ่งประดิษฐ์ของตัวอักษร เพื่อที่จะทราบ
ความหมายของคำที่เขียนมันก็จำเป็นที่แน่นอนที่จะทราบวิธีการอ่าน หลังจากระยะเวลาที่ยาวนาน
ของเวลาของคำพูดที่ใช้ปากและหูในการสื่อสารมีการเปลี่ยนแปลงการ
ใช้ดวงตาทั้งสองสำหรับการอ่านและการเขียน
ติดตามการกำเนิดและวิวัฒนาการของคำพูด (orality) และสถานที่และ
วันที่เมื่อมันเป็นครั้งแรกที่โผล่ออกมาเป็นงานที่ยากมากที่สุดนับตั้งแต่คำพูดระเหยไปในอากาศ
(หรืออาจจะเป็นสติ) เมื่อมันเป็นภาษาพูดและจำได้เฉพาะใน
ความทรงจำของผู้คนที่ได้ยินคำพูดที่พวกเขาพูด . ด้วยเหตุนี้มันเกือบจะ
เป็นไปไม่ได้ที่จะบอกว่าเมื่อคำพูดหรือภาษาที่เริ่ม มีหลักฐานที่เป็นรูปธรรมมากขึ้นคือการ
ที่มีเกี่ยวกับการกำเนิดและวิวัฒนาการของการเขียนคำ (ความรู้), สถานที่และ
วันที่เมื่อแรกเกิดและผลกระทบที่มีต่อคำพูด
จาก 1960-1980, โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศอังกฤษ, ฝรั่งเศส, แคนาดา, และสหรัฐอเมริกา
จำนวนของนักวิจัยที่ตีพิมพ์หนังสือเกี่ยวกับเรื่องนี้มีความสำคัญซึ่งได้รับการมองข้าม
จนกว่าจะถึงเวลาที่ มันก็ค่อนข้างเปิดเผยที่น่าตื่นเต้นที่กระตุ้นความสนใจอย่างมากของ สองมาก
นักวิจัยที่สำคัญการใช้จ่ายชีวิตของพวกเขาการศึกษาและการเขียนเกี่ยวกับเวลาและสถานที่ใน
ประวัติศาสตร์เมื่อคำพูดถูกท้าทายโดยการเกิดขึ้นของคำที่เขียนและผลกระทบ
ของการวิวัฒนาการนี้
เอริคกแฮฟล็อค (1903-1988), อังกฤษเกิด ข้ที่ใช้เวลาส่วนใหญ่ของชีวิตของเขาใน
สหรัฐอเมริกาและแคนาดาที่วางไว้เกิดขึ้นของการเขียนคำ (ความรู้) ในกรีซระหว่าง 700 และ
400 คริสตศักราช เขากลายเป็นที่สนใจอย่างมากในการเปลี่ยนแปลงนี้และผลกระทบของนวัตกรรมที่ลึกซึ้งนี้

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

รัชสมัยของปากเปล่า
ก่อนคำพูดที่ปรากฏ มนุษย์สื่อสารกับแต่ละอื่น ๆที่ใช้ท่าทาง
ผสมเสียงและโทนเสียง สีหน้า และร่างกายเคลื่อนไหว .
ของการสื่อสารที่เรียกว่า โปรโตภาษาประเภทนี้อาจจะกินเวลานาน
3500000 ปี ในเวลาของมนุษย์โบราณ แต่เมื่อเพดานอ่อนปิดในลำคอเริ่ม
เพื่อพัฒนาคำพูดที่ค่อยๆกลายเป็นที่เป็นไปได้ คำพูดที่ออกมาอย่างช้าๆ และ 200000
บางครั้งระหว่าง 75 , 000 ปีมาแล้ว วันที่มีการเสนอโดย ดร. คีธ มอ
, นักวิจัยอาวุโสที่ศูนย์การศึกษาภาษาและข้อมูลที่ Stanford University ใน
หนังสือคณิตศาสตร์จีน เป็นระยะเวลานานของเวลาที่บรรพบุรุษของเราใช้คำพูดเป็นวิธีการหลักของพวกเขา
ของการสื่อสารพวกเขาเก็บข้อมูลสำคัญที่เก็บไว้ในสมองของตนเอง เช่น
ความทรงจำ ตั้งแต่ที่พวกเขากำลังสมาชิก " โดย " นำขึ้น " หรือ " ร้าน "
ต้องการ สำหรับวัตถุประสงค์นี้ บทกวี เพลง และการเต้นรำช่วยให้จดจำคำเพราะ
พวกเขาพูดในจังหวะหนึ่ง บทกวีกับแต่ละอื่น ๆที่สิ้นสุดของวลีหรือพูด
หรือซองด้วย ประกอบกับการเคลื่อนไหวของร่างกาย เรียกว่าเต้น Jean Jacques Rousseau
( 1712-1778 ) , สวิสฝรั่งเศสปราชญ์ในการทดลองของเขาเกี่ยวกับต้นกำเนิดของภาษามา
ไปสรุปว่าภาษาเริ่มเลียนแบบเพลง สำหรับหลายร้อยหลายพัน
ปีมนุษย์อาศัยอยู่ในวัฒนธรรมทั่วโลกของเราทั้งหมดมิได้ถูกแตะต้องโดยมีความรู้
เขียนการสื่อสารทั้งหมด ทำการศึกษาโดยใช้ปากและลิ้นที่พูดและ
หูจะได้ยิน ปากเปล่า ยังมีชีวิตอยู่และทำงานในหลายวัฒนธรรมในวันนี้ ซึ่งนักวิจัยสามารถ
เยี่ยมชมที่จะค้นพบและเรียนรู้เกี่ยวกับธรรมชาติและลักษณะ ปากเปล่าเป็นสำคัญ และการเติบโตด้านวิจัย
.
เพิ่มขึ้นของคําเขียน : เปลี่ยนจากปากเปล่าเพื่อการรู้หนังสือเริ่มต้น
มันกลับในเวลาของกรีกโบราณที่ระยะเวลานานของปากเปล่าถูกขัดจังหวะโดย
ลักษณะของแรกและสำคัญที่สุดสิ่งประดิษฐ์ทางเทคโนโลยีในประวัติศาสตร์ เขียน
คำ , ushered ในและทำให้เป็นไปได้โดยการประดิษฐ์ตัวอักษร เพื่อที่จะได้รู้
ความหมายของคําที่เขียน มัน เป็น แน่นอน ต้องทราบวิธีการอ่าน หลังจาก
ยาวนานเวลาของคำพูดที่ใช้ ปาก และหู เพื่อสื่อสาร มีกะ

ใช้ตาทั้งการอ่านและการเขียน
ติดตามที่มาและวิวัฒนาการของคำพูด ( ปากเปล่า ) และสถานที่และ
วันที่เมื่อแรกเกิด เป็น งานที่ยากที่สุด เพราะคำพูดที่ระเหยในอากาศ
( หรืออาจจะเข้าไปในจิตสำนึกรวมหมู่ ) เมื่อมันพูดและเป็นที่จดจำในความทรงจำ
คนที่ได้ยินคำพูดที่พวกเขาพูด ด้วยเหตุผลนี้ มันเกือบจะเป็นไปไม่ได้ที่จะพูด
เมื่อคำพูดหรือภาษาเริ่มต้น มีหลักฐานคอนกรีตมากขึ้น
ใช้ได้เกี่ยวกับที่มาและวิวัฒนาการของคำที่เขียน ( ความรู้ ) , สถานที่และวันที่เมื่อแรกเกิด
และผลกระทบต่อคําพูด .
จาก 1960 ถึง 1980โดยเฉพาะในอังกฤษ ฝรั่งเศส แคนาดา และสหรัฐอเมริกา มีจำนวนนักวิจัยได้รับการตีพิมพ์หนังสือ
ในเรื่องที่สำคัญนี้ ซึ่งได้รับการมองข้าม
จนถึงเวลานั้น มันค่อนข้างน่าตื่นเต้นที่กระตุ้นการจัดการที่ดีของความสนใจ สองนักวิจัยที่สำคัญมาก
ใช้เวลาในชีวิต การเรียน และเขียนเกี่ยวกับเวลาและสถานที่ใน
ประวัติศาสตร์เมื่อคำพูดที่ถูกท้าทายโดยการเขียนคำและความหมายของวิวัฒนาการนี้
.
Eric A . แฮฟล็อค ( 1903-1988 ) , บริติชเกิดผู้ที่ศึกษาวัฒนธรรมกรีกและโรมันโบราณ ซึ่งใช้เวลาส่วนใหญ่ของชีวิตของเขาใน
สหรัฐอเมริกาและแคนาดา วางใบคําเขียน ( ความรู้ ) ในประเทศกรีซระหว่าง 700 และ
400 ปี เขากลายเป็นที่สนใจในการเปลี่ยนแปลงอย่างลึกซึ้งและผลกระทบของนวัตกรรมที่ลึกซึ้งนี้