6.6. SingaporeSince January 2001, a

6.6. Singapore
Since January 2001, all petrol- and diesel-driven vehicles are
required to comply with the Euro 2 (European Commission (EC)
Directive 96/69/EC) exhaust emission standards in Singapore. Starting
from 1st July 2003, all motorcycles/scooters are required to
comply with the exhaust emission standard as specified in EC Directive
97/24/EC before they can be registered for use in Singapore.
From 1st October 2006, all new diesel vehicles are required to comply
with the Euro IV emission standard. All taxis will be of Euro IV
standard by 2014, while all public buses will only be so in 2023
[71].
In 2003, Singapore launched a voluntary Fuel Economy Labelling
Scheme (FELS) to provide fuel economy information for buyers of
passenger cars as presented in Fig. 12 [12,72,73]. By the end of 2007,
vehicle modes which provide fuel economy information were still
less than 20% [12]. From April 2009, it was made mandatory for car
retailers to display fuel economy labels on cars in their showrooms
[73]. In an effort to improve the scheme, fuel economy labelling was
made mandatory for passenger cars as motor vehicles (not being
second-hand goods) constructed for the carriage of [12]:
(i) Not more than 7 passengers (exclusive of the driver) and having
an unladen mass not exceeding 3000 kg.
(ii) Goods and having an unladen mass not exceeding 2500 kg were
included as “registrable goods” under the Environmental Protection
and Management Act (EPMA) which are goods which
are covered by the mandatory energy labelling.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

6.6. สิงคโปร์ตั้งแต่ 2001 มกราคม รถขับเคลื่อนเบนซิน และดีเซลทั้งหมดมีการปฏิบัติตาม 2 ยูโร (คณะกรรมาธิการยุโรป (EC)Directive 96/69/EC) ไอเสียมาตรฐานในสิงคโปร์ เริ่มต้นจาก 1 2546 กรกฎาคม รถจักรยานยนต์/สกูตเตอร์ทั้งหมดจะต้องสอดคล้องกับการปล่อยไอเสียมาตรฐานใน EC Directive97/24/EC ก่อนที่พวกเขาสามารถลงทะเบียนสำหรับใช้ในสิงคโปร์จากวันที่ 1 2549 ตุลาคม รถดีเซลใหม่ต้องปฏิบัติตามกับมลพิษ Euro IV ที่มาตรฐาน แท็กซี่ทุกคันจะเป็น Euro IVมาตรฐาน 2014 ในขณะที่รถโดยสารสาธารณะที่ทั้งหมดจะเท่านั้นใน 2023[71]ใน 2003 สิงคโปร์เปิดตัวฉลากเชื้อเพลิงประหยัดที่สมัครใจโครงร่าง (FELS) เพื่อให้ข้อมูลการประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงสำหรับผู้ซื้อรถโดยสารตามที่แสดงในรูปที่ 12 [12,72,73] โดยปี 2007โหมดรถถังซึ่งให้ข้อมูลการประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงยังคงน้อยกว่า 20% [12] ตั้งแต่ 2552 เมษายน ได้ทำการบังคับรถร้านค้าปลีกการแสดงฉลากประหยัดเชื้อเพลิงในรถยนต์ในโชว์รูมของพวกเขา[73] . ในความพยายามในการปรับปรุงโครงร่าง ฉลากประหยัดเชื้อเพลิงได้ได้บังคับสำหรับรถโดยสารเป็นยานพาหนะ (ไม่มีการสินค้ามือสอง) ที่สร้างขึ้นสำหรับการขนส่ง [12]:(i) ไม่เกิน 7 ที่นั่ง (ไม่รวมโปรแกรมควบคุม) และมีมวล unladen ที่ไม่เกิน 3000 กิโลกรัม(ii) สินค้าและมีมวล unladen ไม่เกิน 2500 กก.รวมเป็น "สินค้าต้อง" ภายใต้การป้องกันสิ่งแวดล้อมand Management Act (EPMA) which are goods whichare covered by the mandatory energy labelling.

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

6.6 สิงคโปร์
ตั้งแต่เดือนมกราคมปี 2001 ทั้งหมดยานพาหนะ petrol- และดีเซลขับเคลื่อนจะ
ต้องสอดคล้องกับยูโร 2 (คณะกรรมาธิการยุโรป (EC)
Directive 96/69 / EC) มาตรฐานการปล่อยไอเสียในสิงคโปร์ เริ่มต้น
จาก 1 กรกฎาคม 2003, รถจักรยานยนต์ทั้งหมด / สกูตเตอร์จะต้อง
สอดคล้องกับมาตรฐานการปล่อยไอเสียที่ระบุไว้ใน EC Directive
97/24 / EC ก่อนที่พวกเขาสามารถลงทะเบียนสำหรับการใช้งานในสิงคโปร์.
ตั้งแต่วันที่ 1 เดือนตุลาคม 2006 รถยนต์ดีเซลใหม่ทุกคนจะต้อง เพื่อให้สอดคล้อง
กับมาตรฐานยูโร IV รถแท็กซี่ทั้งหมดจะเป็นของยูโร IV
มาตรฐานภายในปี 2014 ในขณะที่รถโดยสารสาธารณะทั้งหมดจะเป็นเช่นนั้นใน 2023
[71].
ในปี 2003 สิงคโปร์เปิดตัวฉลากประหยัดเชื้อเพลิงความสมัครใจของ
โครงการ (FELS) เพื่อให้ข้อมูลการประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงสำหรับผู้ซื้อ
รถยนต์โดยสารเป็น นำเสนอในรูป 12 [12,72,73] โดยปลายปี 2007 ที่
โหมดรถที่ให้ข้อมูลการประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงยังคง
น้อยกว่า 20% [12] ตั้งแต่เดือนเมษายนปี 2009 ก็ถูกสร้างขึ้นมาบังคับใช้สำหรับรถ
ร้านค้าปลีกเพื่อแสดงฉลากประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงในรถยนต์ในโชว์รูมของพวกเขา
[73] ในความพยายามที่จะปรับปรุงรูปแบบการติดฉลากประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงที่ได้รับการ
ทำผลบังคับใช้สำหรับรถยนต์นั่งส่วนบุคคลเป็นยานยนต์ (ไม่เป็น
สินค้ามือสอง) สร้างขึ้นสำหรับการขนส่ง [12]:
(i) ไม่ผู้โดยสารมากกว่า 7 (ไม่รวมคนขับ ) และมี
มวลเพียบไม่เกิน 3000 กก.
(ii) สินค้าและมีมวลเพียบไม่เกิน 2,500 กิโลกรัม
รวมเป็น "สินค้าจดทะเบียน" ภายใต้การคุ้มครองสิ่งแวดล้อม
และการจัดการตามพระราชบัญญัติ (EPMA) ซึ่งเป็นสินค้าที่
ได้รับความคุ้มครองโดยได้รับคำสั่ง การติดฉลากพลังงาน