การใช้เหตุผลแนวประโยชน์นิยมความหมายแนวคิดแบบประโยชน์นิยมเกิดขึ้นในช่วง การแปล - การใช้เหตุผลแนวประโยชน์นิยมความหมายแนวคิดแบบประโยชน์นิยมเกิดขึ้นในช่วง ไทย วิธีการพูด

การใช้เหตุผลแนวประโยชน์นิยมความหมาย

การใช้เหตุผลแนวประโยชน์นิยม

ความหมาย

แนวคิดแบบประโยชน์นิยมเกิดขึ้นในช่วงคริสตศตวรรษที่ 18–19 โดยมีนักปรัชญาคนสำคัญคือ เบนแธม(Jeremy Bentham , ค.ศ. 1748-1832) และ จอห์น สจ๊วต มิลล์ (John Stuart Mill, ค.ศ.1806-1873) พจนานุกรมศัพท์ปรัชญาอังกฤษ-ไทย ฉบับราชบัณฑิตยสถาน ได้ให้นิยามแนวคิดประโยชน์นิยม(utilitarianism) ว่าคือทัศนะทางจริยศาสตร์ที่ถือเอาประโยชน์สุขเป็นเกณฑ์ตัดสินความผิดถูกชั่วดี กล่าวคือ การกระทำที่ก่อให้เกิดประโยชน์สุขมากที่สุดแก่คนจำนวนมากที่สุด ถือว่าเป็นการกระทำที่ดี (ราชบัณฑิตยสถาน, 2540: 101.)

จากนิยามดังกล่าวอธิบายได้ว่าประโยชน์นิยมเป็นหนึ่งในแนวคิดทางจริยศาสตร์ที่พิจารณาว่าอะไรคือเกณฑ์พื้นฐานที่ใช้ตัดสินการกระทำว่าควรหรือไม่ควร โดยประโยชน์นิยมเสนอว่า เกณฑ์ที่ใช้ตัดสินนั้นคือคือปริมาณความสุขที่เป็นผลจากการกระทำ ดังที่มิลล์กล่าวว่า

“ความถูกต้องของการกระทำขึ้นอยู่กับแนวโน้มที่การกระทำนั้นจะก่อให้เกิดความสุข ความผิดขึ้นอยู่กับแนวโน้มที่จะก่อให้เกิดสิ่งที่สวนทางกับความสุข” (วิทย์ วิศทเวทย์, 2532 (a): 99.)

แนวคิด

เหตุผลของประโยชน์นิยมในการสนับสนุนการใช้ปริมาณความสุขเป็นเกณฑ์ตัดสินกระทำคือ ความเห็นว่ามนุษย์นั้นมีธรรมชาติที่รักสุขเกลียดทุกข์ มนุษย์ทุกคนไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม เมื่อทำอะไรย่อมมุ่งหาความสุข หลบเลี่ยงความทุกข์ ดังนั้นประโยชน์นิยมจึงสรุปว่าความสุขเป็นสิ่งเดียวที่มีค่าสำหรับมนุษย์

ด้วยเหตุนี้ประโยชน์นิยมจึงเสนอว่า เมื่อเราต้องเลือกระหว่างการกระทำสองอย่าง วิธีเลือกก็ คือ พิจารณาว่าการกระทำแต่ละอย่างจะนำไปสู่ผลอะไรบ้าง จะก่อให้เกิดความสุขเท่าไร ความทุกข์เท่าไร เมื่อหักลบกันแล้ว การกระทำใดก่อให้เกิดความสุขมากที่สุดเราควรเลือกกระทำนั้น

โดยความสุขนี้ต้องไม่ใช่แค่ความสุขของตนเองเท่านั้น แต่ต้องกระจายไปสู่คนจำนวนมากที่สุดหรือนัยหนึ่งเป็นความสุขโดยรวมของมนุษย์ทุกคนที่ได้รับจากผลของการกระทำ โดยพิจารณาอย่างเป็นกลางไม่ถือว่าความสุขของผู้กระทำสำคัญเหนือกว่าความสุขของคนอื่น ไม่ว่าจะเป็นความสุขของใครล้วนมีความสำคัญเท่ากัน แล้วพิจารณานำความสุขของทุกคนที่ได้รับจากการกระทำมารวมกัน ดังที่มิลล์เขียนไว้ว่า

“ความสุขซึ่งใช้เป็นมาตรฐานของประโยชน์นิยมที่จะตัดสินว่าการกระทำใดถูก มิใช่ความสุขส่วนตัวของผู้กระทำ แต่ของคนทุกคนที่เกี่ยวข้องระหว่างความสุขของผู้กระทำกับของผู้อื่น ประโยชน์นิยมเรียกร้องให้ผู้กระทำวางตัวเป็นกลางอย่างเข้มงวด โดยทำตัวเป็นเหมือนผู้ดูไม่เข้าข้างใด” (วิทย์ วิศทเวทย์, 2532 (b): น.159.)

ความสุขจึงมีลักษณะเป็นปริมาณ ความสุขที่มีปริมาณมากย่อมมีค่ามากกว่าความสุขที่มีปริมาณน้อย ดังนั้นการกระทำที่ถูกต้องหรือที่ควรทำคือการกระทำที่ทำให้เกิดปริมาณความสุขสูงที่สุด นั่นก็คือ เราควรเลือกการกระทำที่ก่อให้เกิดความสุขจำนวนมากกว่าการกระทำอื่นๆ หรือในกรณีที่เราอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่ว่าจะเลือกอะไรก็นำไปสู่ความทุกข์ทั้งสิ้น เราก็ควรเลือกการกระทำที่ก่อให้เกิดความทุกข์น้อยที่สุด

ในการคำนวณประโยชน์สุข ก็ต้องดูผลของการกระทำในระยะยาวเท่าที่สามารถจะคาดคะเนได้ด้วย ยกตัวอย่างเช่น ถ้าเราต้องเลือกระหว่างจะนำเงินไปซื้อของฟุ่มเฟือยเพื่อตอบสนองความพอใจของเราหรือจะนำไปทำการกุศล ประโยชน์นิยมให้เราคำนวณความสุขที่จะเกิดขึ้นจากการกระทำสองอย่าง แล้วนำมาเปรียบเทียบกัน ถ้าการนำเงินไปให้การกุศลทำให้ผู้ยากไร้มีความทุกข์น้อยลง มีโอกาสที่จะมีชีวิตที่ดีในภายภาคหน้า เทียบกันแล้วความสุขที่เกิดขึ้นมีปริมาณมากกว่าความสุขชั่วครู่ที่เกิดขึ้นกับการซื้อของฟุ่มเฟือย เราก็ควรเลือกนำเงินไปทำการกุศล หรือตัวอย่างที่เห็นได้ในการตัดสินใจของรัฐว่าจะสร้างเขื่อนหรือไม่ ถ้าใช้หลักประโยชน์นิยมก็ต้องคำนวณประโยชน์สุขว่า การที่พื้นที่ป่าจำนวนหนึ่งต้องสูญเสียไป และผู้คนจำนวนมากต้องถูกอพยพจากที่ทำกิน เมื่อเทียบกับประโยชน์ที่จะได้จากเขื่อน หักลบความสุขความทุกข์ไปแล้ว ประโยชน์สุขที่ได้จากการสร้างเขื่อนมีปริมาณมากกว่าความทุกข์ที่เกิดขึ้นหรือไม่ ถ้ามากกว่าก็ควรสร้าง

การประยุกต์

แนวคิดแบบประโยชน์นิยมสอดคล้องกับสามัญสำนึกของคนทั่วไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการดำเนินนโยบายทางเศรษฐกิจและสังคมของรัฐบาล มักจะใช้วิธีคำนวณประโยชน์สุขเช่นนี้ หรือแม้แต่ในการตัดสินใจของบุคคล คนที่มีศีลธรรมย่อมเลือกการกระทำที่ไม่เห็นแก่ตัว แต่คำนึงถึงความสุขของผู้อื่นด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งประโยชน์ของคนส่วนใหญ่

อย่างไรก็ตาม แนวคิดนี้ได้รับการวิจารณ์จากหลายแง่มุม เช่นมีผู้วิจารณ์ว่า ไม่เป็นความจริงที่ความสุขเป็นสิ่งเดียวที่มนุษย์แสวงหา มนุษย์บางคนแสวงหาความรู้ คุณธรรม ฯลฯ โดยไม่สนใจความสุข นอกนี้การที่ประโยชน์นิยมถือเอาปริมาณความสุขเป็นเกณฑ์ตัดสินการกระทำนั้นมีปัญหาว่าแท้จริงแล้วเราสามารถคำนวณความสุขเป็นปริมาณหรือหน่วยวัดที่แน่นอนได้หรือไม่ และการเสนอให้พิจารณาความสุขของแต่ละคนอย่างสำคัญเท่าเทียมกันนั้นไม่สามารถใช้ได้ในบางกรณี เช่น สมมติว่ามีคนสองคนกำลังจะจมน้ำตายในแม่น้ำ คนหนึ่งในนั้นเป็นพ่อของคุณ อีกคนหนึ่งคุณรู้ว่าเป็นนายแพทย์ผู้ยิ่งใหญ่ที่คิดค้นวิธีการรักษาโรคร้ายต่าง ๆ มามากมาย คุณว่ายน้ำไม่เป็นและกำลังอยู่บนฝั่งเห็นเหตุการณ์ ถ้าแถวนั้นไม่มีอะไรเลยที่พอจะโยนให้คนทั้งสองเกาะนอกจากไม้ขอนเดียวซึ่งสามารถรับน้ำหนักได้คนเดียว ตามหลักประโยชน์นิยมในสถานการณ์เช่นนี้คุณต้องเลือกโยนขอนไม้ให้คนที่เป็นนายแพทย์ผู้ยิ่งใหญ่ เพราะเมื่อคำนวณประโยชน์สุขในระยะยาว ชีวิตที่ดำรงอยู่ต่อไปของนายแพทย์ผู้ยิ่งใหญ่ย่อมสร้างประโยชน์สุขแก่คนโดยรวมมากกว่าชีวิตของพ่อคุณ แต่จริง ๆ แล้วคุณจะทำเช่นนั้นหรือไม่

อีกประการหนึ่งถ้านำแนวคิดนี้ไปเป็นเกณฑ์ในการตัดสินการกระทำ บางครั้งจะนำไปสู่การเลือกการกระทำที่ชั่วร้าย ตัวอย่างเช่น สมมติว่าในหมู่บ้านเล็กๆแห่งหนึ่งซึ่งมีความเชื่อในเรื่องผีปอบ เกิดมีคนตายโดยไม่ทราบสาเหตุขึ้นหลายคน ชาวบ้านเชื่อว่าคนเหล่านี้ถูกผีปอบฆ่าจึงได้เชิญหมอผีมาทำพิธีไล่ผี หมอผีได้ระบุถึงผู้หนึ่งในหมู่บ้านว่าเป็นผีปอบ และต้องนำผู้นี้มาทำพิธีไล่ผีซึ่งเป็นพิธีที่ต้องทรมานหรือทำร้ายคนผู้นั้นจนกว่าจะเชื่อได้ว่าผีปอบได้ไปจากหมู่บ้านนี้แล้ว ผู้ที่ถูกเช
0/5000
จาก: -
เป็น: -
ผลลัพธ์ (ไทย) 1: [สำเนา]
คัดลอก!
การใช้เหตุผลแนวประโยชน์นิยมความหมายแนวคิดแบบประโยชน์นิยมเกิดขึ้นในช่วงคริสตศตวรรษที่ 18–19 โดยมีนักปรัชญาคนสำคัญคือ เบนแธม(Jeremy Bentham , ค.ศ. 1748-1832) และ จอห์น สจ๊วต มิลล์ (John Stuart Mill, ค.ศ.1806-1873) พจนานุกรมศัพท์ปรัชญาอังกฤษ-ไทย ฉบับราชบัณฑิตยสถาน ได้ให้นิยามแนวคิดประโยชน์นิยม(utilitarianism) ว่าคือทัศนะทางจริยศาสตร์ที่ถือเอาประโยชน์สุขเป็นเกณฑ์ตัดสินความผิดถูกชั่วดี กล่าวคือ การกระทำที่ก่อให้เกิดประโยชน์สุขมากที่สุดแก่คนจำนวนมากที่สุด ถือว่าเป็นการกระทำที่ดี (ราชบัณฑิตยสถาน, 2540: 101.)จากนิยามดังกล่าวอธิบายได้ว่าประโยชน์นิยมเป็นหนึ่งในแนวคิดทางจริยศาสตร์ที่พิจารณาว่าอะไรคือเกณฑ์พื้นฐานที่ใช้ตัดสินการกระทำว่าควรหรือไม่ควร โดยประโยชน์นิยมเสนอว่า เกณฑ์ที่ใช้ตัดสินนั้นคือคือปริมาณความสุขที่เป็นผลจากการกระทำ ดังที่มิลล์กล่าวว่า“ความถูกต้องของการกระทำขึ้นอยู่กับแนวโน้มที่การกระทำนั้นจะก่อให้เกิดความสุข ความผิดขึ้นอยู่กับแนวโน้มที่จะก่อให้เกิดสิ่งที่สวนทางกับความสุข” (วิทย์ วิศทเวทย์, 2532 (a): 99.)แนวคิดเหตุผลของประโยชน์นิยมในการสนับสนุนการใช้ปริมาณความสุขเป็นเกณฑ์ตัดสินกระทำคือ ความเห็นว่ามนุษย์นั้นมีธรรมชาติที่รักสุขเกลียดทุกข์ มนุษย์ทุกคนไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม เมื่อทำอะไรย่อมมุ่งหาความสุข หลบเลี่ยงความทุกข์ ดังนั้นประโยชน์นิยมจึงสรุปว่าความสุขเป็นสิ่งเดียวที่มีค่าสำหรับมนุษย์ด้วยเหตุนี้ประโยชน์นิยมจึงเสนอว่า เมื่อเราต้องเลือกระหว่างการกระทำสองอย่าง วิธีเลือกก็ คือ พิจารณาว่าการกระทำแต่ละอย่างจะนำไปสู่ผลอะไรบ้าง จะก่อให้เกิดความสุขเท่าไร ความทุกข์เท่าไร เมื่อหักลบกันแล้ว การกระทำใดก่อให้เกิดความสุขมากที่สุดเราควรเลือกกระทำนั้นโดยความสุขนี้ต้องไม่ใช่แค่ความสุขของตนเองเท่านั้น แต่ต้องกระจายไปสู่คนจำนวนมากที่สุดหรือนัยหนึ่งเป็นความสุขโดยรวมของมนุษย์ทุกคนที่ได้รับจากผลของการกระทำ โดยพิจารณาอย่างเป็นกลางไม่ถือว่าความสุขของผู้กระทำสำคัญเหนือกว่าความสุขของคนอื่น ไม่ว่าจะเป็นความสุขของใครล้วนมีความสำคัญเท่ากัน แล้วพิจารณานำความสุขของทุกคนที่ได้รับจากการกระทำมารวมกัน ดังที่มิลล์เขียนไว้ว่า“ความสุขซึ่งใช้เป็นมาตรฐานของประโยชน์นิยมที่จะตัดสินว่าการกระทำใดถูก มิใช่ความสุขส่วนตัวของผู้กระทำ แต่ของคนทุกคนที่เกี่ยวข้องระหว่างความสุขของผู้กระทำกับของผู้อื่น ประโยชน์นิยมเรียกร้องให้ผู้กระทำวางตัวเป็นกลางอย่างเข้มงวด โดยทำตัวเป็นเหมือนผู้ดูไม่เข้าข้างใด” (วิทย์ วิศทเวทย์, 2532 (b): น.159.)ความสุขจึงมีลักษณะเป็นปริมาณ ความสุขที่มีปริมาณมากย่อมมีค่ามากกว่าความสุขที่มีปริมาณน้อย ดังนั้นการกระทำที่ถูกต้องหรือที่ควรทำคือการกระทำที่ทำให้เกิดปริมาณความสุขสูงที่สุด นั่นก็คือ เราควรเลือกการกระทำที่ก่อให้เกิดความสุขจำนวนมากกว่าการกระทำอื่นๆ หรือในกรณีที่เราอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่ว่าจะเลือกอะไรก็นำไปสู่ความทุกข์ทั้งสิ้น เราก็ควรเลือกการกระทำที่ก่อให้เกิดความทุกข์น้อยที่สุดในการคำนวณประโยชน์สุข ก็ต้องดูผลของการกระทำในระยะยาวเท่าที่สามารถจะคาดคะเนได้ด้วย ยกตัวอย่างเช่น ถ้าเราต้องเลือกระหว่างจะนำเงินไปซื้อของฟุ่มเฟือยเพื่อตอบสนองความพอใจของเราหรือจะนำไปทำการกุศล ประโยชน์นิยมให้เราคำนวณความสุขที่จะเกิดขึ้นจากการกระทำสองอย่าง แล้วนำมาเปรียบเทียบกัน ถ้าการนำเงินไปให้การกุศลทำให้ผู้ยากไร้มีความทุกข์น้อยลง มีโอกาสที่จะมีชีวิตที่ดีในภายภาคหน้า เทียบกันแล้วความสุขที่เกิดขึ้นมีปริมาณมากกว่าความสุขชั่วครู่ที่เกิดขึ้นกับการซื้อของฟุ่มเฟือย เราก็ควรเลือกนำเงินไปทำการกุศล หรือตัวอย่างที่เห็นได้ในการตัดสินใจของรัฐว่าจะสร้างเขื่อนหรือไม่ ถ้าใช้หลักประโยชน์นิยมก็ต้องคำนวณประโยชน์สุขว่า การที่พื้นที่ป่าจำนวนหนึ่งต้องสูญเสียไป และผู้คนจำนวนมากต้องถูกอพยพจากที่ทำกิน เมื่อเทียบกับประโยชน์ที่จะได้จากเขื่อน หักลบความสุขความทุกข์ไปแล้ว ประโยชน์สุขที่ได้จากการสร้างเขื่อนมีปริมาณมากกว่าความทุกข์ที่เกิดขึ้นหรือไม่ ถ้ามากกว่าก็ควรสร้างการประยุกต์แนวคิดแบบประโยชน์นิยมสอดคล้องกับสามัญสำนึกของคนทั่วไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการดำเนินนโยบายทางเศรษฐกิจและสังคมของรัฐบาล มักจะใช้วิธีคำนวณประโยชน์สุขเช่นนี้ หรือแม้แต่ในการตัดสินใจของบุคคล คนที่มีศีลธรรมย่อมเลือกการกระทำที่ไม่เห็นแก่ตัว แต่คำนึงถึงความสุขของผู้อื่นด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งประโยชน์ของคนส่วนใหญ่อย่างไรก็ตาม แนวคิดนี้ได้รับการวิจารณ์จากหลายแง่มุม เช่นมีผู้วิจารณ์ว่า ไม่เป็นความจริงที่ความสุขเป็นสิ่งเดียวที่มนุษย์แสวงหา มนุษย์บางคนแสวงหาความรู้ คุณธรรม ฯลฯ โดยไม่สนใจความสุข นอกนี้การที่ประโยชน์นิยมถือเอาปริมาณความสุขเป็นเกณฑ์ตัดสินการกระทำนั้นมีปัญหาว่าแท้จริงแล้วเราสามารถคำนวณความสุขเป็นปริมาณหรือหน่วยวัดที่แน่นอนได้หรือไม่ และการเสนอให้พิจารณาความสุขของแต่ละคนอย่างสำคัญเท่าเทียมกันนั้นไม่สามารถใช้ได้ในบางกรณี เช่น สมมติว่ามีคนสองคนกำลังจะจมน้ำตายในแม่น้ำ คนหนึ่งในนั้นเป็นพ่อของคุณ อีกคนหนึ่งคุณรู้ว่าเป็นนายแพทย์ผู้ยิ่งใหญ่ที่คิดค้นวิธีการรักษาโรคร้ายต่าง ๆ มามากมาย คุณว่ายน้ำไม่เป็นและกำลังอยู่บนฝั่งเห็นเหตุการณ์ ถ้าแถวนั้นไม่มีอะไรเลยที่พอจะโยนให้คนทั้งสองเกาะนอกจากไม้ขอนเดียวซึ่งสามารถรับน้ำหนักได้คนเดียว ตามหลักประโยชน์นิยมในสถานการณ์เช่นนี้คุณต้องเลือกโยนขอนไม้ให้คนที่เป็นนายแพทย์ผู้ยิ่งใหญ่ เพราะเมื่อคำนวณประโยชน์สุขในระยะยาว ชีวิตที่ดำรงอยู่ต่อไปของนายแพทย์ผู้ยิ่งใหญ่ย่อมสร้างประโยชน์สุขแก่คนโดยรวมมากกว่าชีวิตของพ่อคุณ แต่จริง ๆ แล้วคุณจะทำเช่นนั้นหรือไม่
อีกประการหนึ่งถ้านำแนวคิดนี้ไปเป็นเกณฑ์ในการตัดสินการกระทำ บางครั้งจะนำไปสู่การเลือกการกระทำที่ชั่วร้าย ตัวอย่างเช่น สมมติว่าในหมู่บ้านเล็กๆแห่งหนึ่งซึ่งมีความเชื่อในเรื่องผีปอบ เกิดมีคนตายโดยไม่ทราบสาเหตุขึ้นหลายคน ชาวบ้านเชื่อว่าคนเหล่านี้ถูกผีปอบฆ่าจึงได้เชิญหมอผีมาทำพิธีไล่ผี หมอผีได้ระบุถึงผู้หนึ่งในหมู่บ้านว่าเป็นผีปอบ และต้องนำผู้นี้มาทำพิธีไล่ผีซึ่งเป็นพิธีที่ต้องทรมานหรือทำร้ายคนผู้นั้นจนกว่าจะเชื่อได้ว่าผีปอบได้ไปจากหมู่บ้านนี้แล้ว ผู้ที่ถูกเช
การแปล กรุณารอสักครู่..
ผลลัพธ์ (ไทย) 2:[สำเนา]
คัดลอก!
วันที่ 18-19 โดยมีนักปรัชญาคนสำคัญคือเบนแธม (เจเรมีแทม, ค.ศ. 1748-1832) และจอห์นสจ๊วตมิลล์ (จอห์นสจ็วร์, ค.ศ. 1806-1873) พจนานุกรมศัพท์ปรัชญาอังกฤษ - ไทยฉบับราชบัณฑิตยสถาน กล่าวคือ ถือว่าเป็นการกระทำที่ดี (ราชบัณฑิตยสถาน, 2540: โดยประโยชน์นิยมเสนอว่า (วิทย์วิศทเวทย์, 2532 (ก): มนุษย์ทุกคนไม่ว่าจะเป็นใครก็ตามเมื่อทำอะไรย่อมมุ่งหาความสุขหลบเลี่ยงความทุกข์ วิธีเลือกก็คือ จะก่อให้เกิดความสุขเท่าไรความทุกข์เท่าไรเมื่อหักลบกันแล้ว มิใช่ความสุขส่วนตัวของผู้กระทำ (วิทย์วิศทเวทย์, 2532 (ข). น 159) ความสุขจึงมีลักษณะเป็นปริมาณ นั่นก็คือ ยกตัวอย่างเช่น แล้วนำมาเปรียบเทียบกัน เราก็ควรเลือกนำเงินไปทำการกุศล หักลบความสุขความทุกข์ไปแล้ว หรือแม้แต่ในการตัดสินใจของบุคคล แต่คำนึงถึงความสุขของผู้อื่นด้วย เช่นมีผู้วิจารณ์ว่า มนุษย์บางคนแสวงหาความรู้คุณธรรม ฯลฯ โดยไม่สนใจความสุข เช่น คนหนึ่งในนั้นเป็นพ่อของคุณ ๆ มามากมาย แต่จริง ๆ ตัวอย่างเช่น ผู้ที่ถูกเช





























การแปล กรุณารอสักครู่..
ผลลัพธ์ (ไทย) 3:[สำเนา]
คัดลอก!
การใช้เหตุผลแนวประโยชน์นิยม

ความหมาย

แนวคิดแบบประโยชน์นิยมเกิดขึ้นในช่วงคริสตศตวรรษที่ 18 – 19 โดยมีนักปรัชญาคนสำคัญคือเบนแธม ( เจเรมี่ เบนแธม , ค . ศ . 1748-1832 ) และจอห์นสจ๊วตมิลล์ ( จอห์นสจ๊วตมิลล์ , ค . ศ .1806-1873 ) พจนานุกรมศัพท์ปรัชญาอังกฤษ - ไทยฉบับราชบัณฑิตยสถานได้ให้นิยามแนวคิดประโยชน์นิยม ( นิยม ) ว่าคือทัศนะทางจริยศาสตร์ที่ถือเอาประโยชน์สุขเป็นเกณฑ์ตัดสินความผิดถูกชั่วดีกล่าวคือ( ราชบัณฑิตยสถานถือว่าเป็นการกระทำที่ดี ,2540 )

: 101จากนิยามดังกล่าวอธิบายได้ว่าประโยชน์นิยมเป็นหนึ่งในแนวคิดทางจริยศาสตร์ที่พิจารณาว่าอะไรคือเกณฑ์พื้นฐานที่ใช้ตัดสินการกระทำว่าควรหรือไม่ควรโดยประโยชน์นิยมเสนอว่าดังที่มิลล์กล่าวว่า

" ความถูกต้องของการกระทำขึ้นอยู่กับแนวโน้มที่การกระทำนั้นจะก่อให้เกิดความสุขความผิดขึ้นอยู่กับแนวโน้มที่จะก่อให้เกิดสิ่งที่สวนทางกับความสุข " ( วิทย์วิศทเวทย์ ( 2532 ( ) : 99 )



แนวคิดเหตุผลของประโยชน์นิยมในการสนับสนุนการใช้ปริมาณความสุขเป็นเกณฑ์ตัดสินกระทำคือความเห็นว่ามนุษย์นั้นมีธรรมชาติที่รักสุขเกลียดทุกข์มนุษย์ทุกคนไม่ว่าจะเป็นใครก็ตามเมื่อทำอะไรย่อมมุ่งหาความสุขดังนั้นประโยชน์นิยมจึงสรุปว่าความสุขเป็นสิ่งเดียวที่มีค่าสำหรับมนุษย์

ด้วยเหตุนี้ประโยชน์นิยมจึงเสนอว่าเมื่อเราต้องเลือกระหว่างการกระทำสองอย่างวิธีเลือกก็ความพิจารณาว่าการกระทำแต่ละอย่างจะนำไปสู่ผลอะไรบ้างจะก่อให้เกิดความสุขเท่าไรความทุกข์เท่าไรเมื่อหักลบกันแล้ว
โดยความสุขนี้ต้องไม่ใช่แค่ความสุขของตนเองเท่านั้นแต่ต้องกระจายไปสู่คนจำนวนมากที่สุดหรือนัยหนึ่งเป็นความสุขโดยรวมของมนุษย์ทุกคนที่ได้รับจากผลของการกระทำไม่ว่าจะเป็นความสุขของใครล้วนมีความสำคัญเท่ากันแล้วพิจารณานำความสุขของทุกคนที่ได้รับจากการกระทำมารวมกันดังที่มิลล์เขียนไว้ว่า

" ความสุขซึ่งใช้เป็นมาตรฐานของประโยชน์นิยมที่จะตัดสินว่าการกระทำใดถูกมิใช่ความสุขส่วนตัวของผู้กระทำแต่ของคนทุกคนที่เกี่ยวข้องระหว่างความสุขของผู้กระทำกับของผู้อื่นโดยทำตัวเป็นเหมือนผู้ดูไม่เข้าข้างใด " ( วิศทเวทย์วิทย์ ,
การแปล กรุณารอสักครู่..
 
ภาษาอื่น ๆ
การสนับสนุนเครื่องมือแปลภาษา: กรีก, กันนาดา, กาลิเชียน, คลิงออน, คอร์สิกา, คาซัค, คาตาลัน, คินยารวันดา, คีร์กิซ, คุชราต, จอร์เจีย, จีน, จีนดั้งเดิม, ชวา, ชิเชวา, ซามัว, ซีบัวโน, ซุนดา, ซูลู, ญี่ปุ่น, ดัตช์, ตรวจหาภาษา, ตุรกี, ทมิฬ, ทาจิก, ทาทาร์, นอร์เวย์, บอสเนีย, บัลแกเรีย, บาสก์, ปัญจาป, ฝรั่งเศส, พาชตู, ฟริเชียน, ฟินแลนด์, ฟิลิปปินส์, ภาษาอินโดนีเซี, มองโกเลีย, มัลทีส, มาซีโดเนีย, มาราฐี, มาลากาซี, มาลายาลัม, มาเลย์, ม้ง, ยิดดิช, ยูเครน, รัสเซีย, ละติน, ลักเซมเบิร์ก, ลัตเวีย, ลาว, ลิทัวเนีย, สวาฮิลี, สวีเดน, สิงหล, สินธี, สเปน, สโลวัก, สโลวีเนีย, อังกฤษ, อัมฮาริก, อาร์เซอร์ไบจัน, อาร์เมเนีย, อาหรับ, อิกโบ, อิตาลี, อุยกูร์, อุสเบกิสถาน, อูรดู, ฮังการี, ฮัวซา, ฮาวาย, ฮินดี, ฮีบรู, เกลิกสกอต, เกาหลี, เขมร, เคิร์ด, เช็ก, เซอร์เบียน, เซโซโท, เดนมาร์ก, เตลูกู, เติร์กเมน, เนปาล, เบงกอล, เบลารุส, เปอร์เซีย, เมารี, เมียนมา (พม่า), เยอรมัน, เวลส์, เวียดนาม, เอสเปอแรนโต, เอสโทเนีย, เฮติครีโอล, แอฟริกา, แอลเบเนีย, โคซา, โครเอเชีย, โชนา, โซมาลี, โปรตุเกส, โปแลนด์, โยรูบา, โรมาเนีย, โอเดีย (โอริยา), ไทย, ไอซ์แลนด์, ไอร์แลนด์, การแปลภาษา.

Copyright ©2025 I Love Translation. All reserved.

E-mail: