Schools, then, are safer than neigh

Schools, then, are safer than neighborhoods, but people still are unnerved by the perception of an alarming rise in schoolyard violence that has been generated by heavy media coverage of the recent incidents.
Some conflict theorists object to the huge outcry about recent violence in schools.
After all, they note, violence in and around inner-city schools has a long history.
It seems that only when middle-class White children are the victims does school violence become a plank on the national policy agenda.
When violence hits the middle class, the problem is viewed not as an extension of delinquency, but as a structural issue in need of legislative remedies, such as gun control.
Meanwhile, feminists observe that virtually all the offenders are male and, in some instances, such as in the case of Jonesboro, the victims are disproportionately female.
The precipitating factor for violence is often a broken-off dating relationship yet another example of violence of men against women (or, in this case, boys against girls).

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

โรงเรียน แล้ว จะปลอดภัยกว่าละแวกใกล้เคียง แต่คนยังจะ unnerved โดยการรับรู้เพิ่มขึ้นน่าเป็นห่วงในความรุนแรง schoolyard ที่ถูกสร้างขึ้น โดยครอบคลุมสื่อหนักของเหตุการณ์ล่าสุดอ็อบเจกต์ theorists ขัดแย้งกับ outcry ใหญ่เกี่ยวกับรุนแรงในโรงเรียนหลังจากที่ทุก พวกเขาทราบ ความรุนแรงใน และ รอบโรงเรียนภายในได้นานดูเหมือนว่า เฉพาะชั้นกลางสีขาวเด็กตกเป็นเหยื่อไม่รุนแรงโรงเรียนกลายเป็น แผ่นในวาระการประชุมนโยบายแห่งชาติเมื่อชนชั้นกลางคุณต้องการความรุนแรง ปัญหาเป็นดูไม่ เป็นส่วนขยายของลง แต่ เป็นปัญหาโครงสร้างความต้องการการเยียวยาสภา เช่นควบคุมปืนในขณะเดียวกัน feminists สังเกตว่า ผู้กระทำผิดแทบทุกชาย และ ในบางกรณี เช่นในกรณีของโจ เหยื่อหญิงสลายตัวตกตะกอนสำหรับความรุนแรงมักจะเสียออกหาคู่ความสัมพันธ์แต่อีกตัวอย่างหนึ่งของความรุนแรงของผู้ชาย กับผู้หญิง (หรือ ใน กรณีนี้ ชายกับหญิง)

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

โรงเรียนแล้วมีความปลอดภัยกว่าละแวกใกล้เคียง แต่คนยังคงตกใจโดยการรับรู้ของการเพิ่มขึ้นที่น่ากลัวในการใช้ความรุนแรงโรงเรียนที่ได้รับการสร้างขึ้นโดยการรายงานข่าวของสื่อหนักของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อเร็ว ๆ นี้.
ทฤษฎีความขัดแย้งบางคนคัดค้านการร้องอย่างมากเกี่ยวกับความรุนแรงที่ผ่านมาในโรงเรียน .
หลังจากพวกเขาทราบว่าการใช้ความรุนแรงในและรอบ ๆ โรงเรียนในเมืองที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนาน.
ดูเหมือนว่าเฉพาะเมื่อเด็กชนชั้นกลางสีขาวเป็นผู้ที่ตกเป็นเหยื่อไม่รุนแรงในโรงเรียนกลายเป็นไม้กระดานในวาระการประชุมนโยบายของชาติ.
เมื่อความรุนแรงฮิตกลาง ระดับปัญหาถูกมองว่าไม่เป็นส่วนขยายของการกระทำผิด แต่เป็นปัญหาโครงสร้างในความต้องการของการเยียวยาทางกฎหมายเช่นการควบคุมอาวุธปืน.
ในขณะที่สตรีสังเกตว่าแทบทุกผู้กระทำผิดที่เป็นเพศชายและในบางกรณีเช่นใน กรณีของ Jonesboro ผู้ที่ตกเป็นเหยื่อเป็นเพศหญิงเป็นสัดส่วน.
ปัจจัยที่ทำให้เกิดความวุ่นวายความรุนแรงมักจะเป็นความสัมพันธ์เดทหักออกอีกตัวอย่างหนึ่งของความรุนแรงของผู้ชายกับผู้หญิง (หรือในกรณีนี้ชายกับหญิง)

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

โรงเรียน จากนั้นจะปลอดภัยกว่าย่าน แต่คนก็ยังคงเป็นประสาทเสียโดยการรับรู้ของการเพิ่มขึ้นที่น่ากลัวในโรงเรียน ความรุนแรงที่ถูกสร้างขึ้นโดยหนักคุ้มครองสื่อของเหตุการณ์ล่าสุด .
ทฤษฎีความขัดแย้งวัตถุขนาดใหญ่โวยเรื่องความรุนแรงล่าสุดในโรงเรียน .
หลังจากทั้งหมด พวกเขาทราบว่า ความรุนแรงในเขตเมืองชั้นใน และไปรอบ ๆ โรงเรียนมีประวัติศาสตร์อันยาวนาน .
ดูเหมือนว่าเมื่อคนชั้นกลางไม่ขาวเป็นเหยื่อความรุนแรงในโรงเรียนกลายเป็นไม้กระดานในวาระการประชุมนโยบายแห่งชาติ .
เมื่อความรุนแรงฮิตระดับกลาง ปัญหาคือดูไม่เป็นส่วนขยายของบริษัท แต่เป็นปัญหาเชิงโครงสร้างต้องแก้ไขกฎหมาย เช่น ควบคุมปืน .
ส่วนอนุรักษ์สังเกตว่า เกือบทั้งหมด ผู้ชาย และในบางกรณี เช่น ในกรณีของ Jonesboro เหยื่อเป็นหญิงเกิน .
ตกตะกอนปัจจัยความรุนแรงมักเลิกคบกันอีกตัวอย่างของความรุนแรงของผู้ชายต่อผู้หญิง ( หรือ ใน กรณีนี้ ชายสู้หญิง ) .