Wheaten flour has a much stronger f

Wheaten flour has a much stronger flavour. It requires cooking to help remove the rawness that will otherwise ruin a sauce. This cooking means it's not necessarily suited to many sauces or as a general purpose thickener. It also makes it more difficult to add more at the end if you need more thickening.

Flour also has bigger particles, which can cause an unpleasant texture, and contains gluten and protein. It turns sauces opaque (and white) which means it's not ideal for many thickening uses.

Cornflour (what cornstarch is called in Australia), has little to no flavour. It is mostly carbohydrates with practically no protein. It doesn't require any pre-cooking, though it does need to be heated to thicken, and makes translucent sauces (you can kinda see through it) . This means you can add it to many more sauces or other foods. For example, I will add a couple of spoonfuls (dissolved in just enough water) to a stir fry to thicken the sauce so that it sticks to the food better--the time it takes to finish cooking the meat is generally enough to thicken the sauce.

A third option is to use arrowroot, which is the starch from the roots of a variety of plants. It's almost pure starch, which means it has basically no flavour, thickens at a lower temperature than either wheaten or corn flours, and unlike the others makes transparent gels (it doesn't add a white colour to the sauce). This makes ideal for things like clear sauces or soups.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

Wheaten แป้งมีกลิ่นแข็งแกร่งมาก ต้องทำอาหารเพื่อช่วยลบ rawness ที่มิฉะนั้นจะทำลายน้ำเป็น อาหารนี้หมายความว่า มันไม่จำเป็นต้องเหมาะมากซอส หรือ เป็น thickener วัตถุประสงค์ทั่วไป ยังทำให้มันยากต่อการเพิ่มเติมในตอนท้ายคุณหนาเพิ่มมากขึ้นแป้งมีอนุภาคใหญ่กว่า ซึ่งสามารถทำให้พื้นผิวการขจัด และประกอบด้วยตังและโปรตีน มันเป็นซอสทึบ (และสีขาว) ซึ่งไม่เหมาะสำหรับการใช้หนามากCornflour (แป้งข้าวโพดอะไรเรียกว่าในออสเตรเลีย), มีรสชาติไปไม่น้อย คาร์โบไฮเดรตส่วนใหญ่ มีโปรตีนจริงไม่ได้ มันไม่จำเป็นต้องใด ๆ ก่อนอาหาร แม้ว่าจะต้องมีอุณหภูมิ thicken และทำให้โปร่งใสซอส (คุณสามารถ kinda เห็นผ่านได้) ซึ่งหมายความว่า คุณสามารถเพิ่มซอสต่าง ๆ เพิ่มเติมหรืออาหารอื่น ๆ ตัวอย่าง ฉันจะเพิ่มคู่ของ spoonfuls (ละลายในน้ำพอเพียง) จะผัดให้ thicken น้ำจิ้มให้มัน sticks เพื่ออาหารดี - เวลาในการเสร็จสิ้นการทำอาหารเนื้อโดยทั่วไปจะเพียงพอที่จะ thicken น้ำจิ้มตัวที่สามคือการ ใช้ arrowroot ซึ่งเป็นแป้งจากรากของพืช เป็นแป้งเกือบบริสุทธิ์ ซึ่งหมายความว่าโดยทั่วไปมีไม่มีกลิ่น ทำที่อุณหภูมิต่ำกว่าหรือ wheaten หรือ แป้งข้าวโพด อัญเจโปร่งใส (มันไม่เพิ่มสีขาวน้ำจิ้ม) ที่ทำ นี้ทำให้เหมาะสำหรับสิ่งต่าง ๆ เช่นซอสใสหรือซุป

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

แป้งที่มีสีเหลืองอ่อนมีกลิ่นแรงมาก มันต้องมีการปรุงอาหารเพื่อช่วยขจัดความอ่อนหัดที่จะเป็นอย่างอื่นพังซอส อาหารซึ่งหมายความว่ามันไม่จำเป็นต้องเหมาะกับซอสข้นมากหรือเป็นวัตถุประสงค์ทั่วไป . นอกจากนี้ยังทำให้มันยากขึ้นที่จะเพิ่มมากขึ้นในตอนท้ายถ้าคุณต้องการความหนามากขึ้น

แป้งยังใหญ่กว่าอนุภาคซึ่งสามารถทำให้เนื้อไม่เป็นและมีโปรตีนและโปรตีน มันกลายเป็นซอสทึบแสง ( สีขาว ) ซึ่งหมายถึง มันไม่เหมาะ หลายความหนา ใช้แป้งข้าวโพด ( แป้งข้าวโพด .

สิ่งที่เรียกว่าในออสเตรเลีย ) มีเพียงเล็กน้อยไม่มีกลิ่น . ส่วนใหญ่เป็นคาร์โบไฮเดรตที่มีจริงไม่มีโปรตีน มันไม่ต้องทำอาหารก่อนใด ๆ แม้ว่ามันจะต้องมีการอุ่นให้ข้น และทำให้ซอสโปร่งแสง ( คุณสามารถทำให้มันดูออก )ซึ่งหมายความว่าคุณสามารถเพิ่มไปยังอีกหลายซอส หรืออาหารอื่น ๆ ตัวอย่างเช่นผมจะเพิ่มคู่ของช้อน ( ละลายในน้ำพอ ) ไปผัดให้ข้นซอสเพื่อให้มันเกาะติดอาหารดีกว่า -- เวลาที่จะเสร็จสิ้นการปรุงอาหารเนื้อสัตว์โดยทั่วไปพอซอสข้น

ตัวเลือกที่สามคือการใช้แป้งเท้ายายม่อม ซึ่งเป็น แป้งจากรากของพืชที่หลากหลายมันคือแป้งเกือบบริสุทธิ์ ซึ่งหมายความว่ามีจะไม่มีกลิ่นหนาที่อุณหภูมิต่ำกว่าเหมือนกันที่มีสีเหลืองอ่อนหรือข้าวโพดแป้ง , และไม่เหมือนคนอื่น ทำให้เจลใส ( มันไม่ได้เพิ่มสีขาวกับซอส ) นี้ทำให้เหมาะสำหรับสิ่งต่าง ๆ เช่น ซอส หรือซุปใส
.