Tsunamis cause damage by two mechan

Tsunamis cause damage by two mechanisms: the smashing force of a wall of water travelling at high speed, and the destructive power of a large volume of water draining off the land and carrying a large amount of debris with it, even with waves that do not appear to be large.

While everyday wind waves have a wavelength (from crest to crest) of about 100 metres (330 ft) and a height of roughly 2 metres (6.6 ft), a tsunami in the deep ocean has a much larger wavelength of up to 200 kilometres (120 mi). Such a wave travels at well over 800 kilometres per hour (500 mph), but owing to the enormous wavelength the wave oscillation at any given point takes 20 or 30 minutes to complete a cycle and has an amplitude of only about 1 metre (3.3 ft).[35] This makes tsunamis difficult to detect over deep water, where ships are unable to feel their passage.

The velocity of a tsunami can be calculated by obtaining the square root of the depth of the water in metres multiplied by the acceleration due to gravity (approximated to 10 m sec2). For example, if the Pacific Ocean is considered to have a depth of 5000 metres, the velocity of a tsunami would be the square root of √5000 x 10 = √50000 = ~224 metres per second (735 feet per second), which equates to a speed of ~806 kilometres per hour or about 500 miles per hour. This formula is the same as used for calculating the velocity of shallow waves, because a tsunami behaves like a shallow wave as it peak to peak value reaches from the floor of the ocean to the surface.

The reason for the Japanese name "harbour wave" is that sometimes a village's fishermen would sail out, and encounter no unusual waves while out at sea fishing, and come back to land to find their village devastated by a huge wave.

As the tsunami approaches the coast and the waters become shallow, wave shoaling compresses the wave and its speed decreases below 80 kilometres per hour (50 mph). Its wavelength diminishes to less than 20 kilometres (12 mi) and its amplitude grows enormously. Since the wave still has the same very long period, the tsunami may take minutes to reach full height. Except for the very largest tsunamis, the approaching wave does not break, but rather appears like a fast-moving tidal bore.[36] Open bays and coastlines adjacent to very deep water may shape the tsunami further into a step-like wave with a steep-breaking front.

When the tsunami's wave peak reaches the shore, the resulting temporary rise in sea level is termed run up. Run up is measured in metres above a reference sea level.[36] A large tsunami may feature multiple waves arriving over a period of hours, with significant time between the wave crests. The first wave to reach the shore may not have the highest run up.[37]

About 80% of tsunamis occur in the Pacific Ocean, but they are possible wherever there are large bodies of water, including lakes. They are caused by earthquakes, landslides, volcanic explosions, glacier calvings, and bolides.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

สึนามิทำให้เกิดความเสียหาย โดยสองกลไก: smashing แรงของกำแพงน้ำที่เดินทางที่ความเร็วสูง และพลังทำลายของน้ำระบายออกไปจากที่ดิน และดำเนินการจำนวนมากของเศษกับมัน แม้จะมีคลื่นที่ไม่มีขนาดใหญ่จำนวนมากในขณะที่คลื่นลมประจำวันต้องมีความยาวคลื่น (จากยอดถึงยอด) ประมาณ 100 เมตร (330 ฟุต) และสูงประมาณ 2 เมตร (6.6 ฟุต), สึนามิในทะเลลึกได้มากขนาดใหญ่กว่าความยาวคลื่นถึง 200 กิโลเมตร (120 ไมล์) คลื่นดังกล่าวเดินทางไปที่ดีกว่า 800 กิโลเมตรต่อชั่วโมง (500 ไมล์ต่อชั่วโมง), แต่เนื่องจากความยาวคลื่นใหญ่คลื่น สั่นจุดที่กำหนดใช้ 20 หรือ 30 นาทีเพื่อให้วงจร และมีการคลื่นประมาณ 1 เมตร (3.3 ฟุต) [35]ทำให้สึนามิเพื่อตรวจผ่านน้ำที่ลึก ที่เรือไม่สามารถรู้สึกผ่านของพวกเขาความเร็วของสึนามิสามารถคำนวณได้ โดยได้รับการรากที่สองของความลึกของน้ำในตารางเมตรคูณ ด้วยความเร่งเนื่องจากแรงโน้มถ่วง (ใกลเคียงกับ sec2 10 เมตร) ตัวอย่างเช่น ถ้ามหาสมุทรแปซิฟิกถือว่ามีความลึก 5000 เมตร ความเร็วของสึนามิจะรากที่สองของ √5000 x 10 = √50000 = ~ 224 เมตรต่อวินาที (735 ฟุตต่อวินาที), ซึ่งเท่ากับความเร็ว ~ 806 กิโลเมตร ต่อชั่วโมง หรือประมาณ 500 ไมล์ต่อชั่วโมง สูตรนี้จะเหมือนกับที่ใช้สำหรับการคำนวณความเร็วของคลื่นน้ำตื้น เนื่องจากสึนามิปฏิบัติเหมือนคลื่นน้ำตื้นมัน peak พีค ค่าถึงจากพื้นมหาสมุทรกับพื้นผิวเหตุผลสำหรับ "คลื่นท่าเรือ" ชื่อญี่ปุ่นคือ ว่า บางครั้งของหมู่บ้านชาวประมงจะแล่นเรือ และพบไม่ผิดปกติคลื่นขณะออกที่ตกปลาทะเล และกลับมาเพื่อแผ่นดินเพื่อค้นหาหมู่บ้านทำลาย ด้วยคลื่นขนาดใหญ่เป็นสึนามิใกล้ชายฝั่ง และน่านน้ำเขิน เพาะคลื่นบีบอัดคลื่น และความเร็วลดลงต่ำกว่า 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง (50 mph) ความยาวคลื่นลดลงให้น้อยกว่า 20 กิโลเมตร (12 ไมล์) และแอมพลิจูดความเติบโตมหาศาล ตั้งแต่คลื่นยังคงมีช่วงยาวมากเดียวกัน คลื่นสึนามิอาจใช้เวลานาทีถึงเต็มความสูง ยกเว้นสึนามิมากที่สุด คลื่นใกล้ไม่ทำลาย แต่ค่อนข้าง จะเหมือนการเคลื่อนไหวเร็วยาวกระบอกสูบ [36] อ่าวเปิด และแนวชายฝั่งที่ติดกับน้ำลึกมากอาจรูปสึนามิเพิ่มเติมเป็นคลื่นเหมือนขั้นตอนด้านการทำลายสูงเมื่อช่วงคลื่นของสึนามิถึงฝั่ง การเพิ่มขึ้นชั่วคราวส่งผลให้ระดับน้ำทะเลเรียกว่าวิ่งขึ้น เรียกค่าวัดเป็นเมตรเหนือระดับน้ำทะเลอ้างอิง [36] สึนามิขนาดใหญ่อาจมีหลายคลื่นมาถึงช่วงชั่วโมง มีเวลาที่สำคัญระหว่าง crests คลื่น คลื่นเข้าถึงฝั่งแรกอาจไม่มีการทำงานสูงขึ้น [37]ประมาณ 80% ของสึนามิที่เกิดขึ้นในมหาสมุทรแปซิฟิก แต่พวกเขาจะไปได้ทุกที่มีขนาดใหญ่พื้นน้ำ รวมทั้งทะเลสาบ พวกเขาที่เกิดจากแผ่นดินไหว แผ่นดินถล่ม ภูเขาไฟระเบิด ธารน้ำแข็ง calvings และ bolides

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ความเสียหายที่เกิดคลื่นสึนามิสาเหตุสองกลไก: แรงทุบกำแพงน้ำเดินทางด้วยความเร็วสูงและอำนาจการทำลายล้างของไดรฟ์ขนาดใหญ่ของน้ำระบายน้ำออกไปจากที่ดินและถือเป็นจำนวนมากเศษกับมันแม้จะมีคลื่นที่ทำไม่ได้ ปรากฏว่ามีขนาดใหญ่.

ในขณะที่คลื่นลมในชีวิตประจำวันมีความยาวคลื่น (จากยอดยอด) ประมาณ 100 เมตร (330 ฟุต) และความสูงประมาณ 2 เมตร (6.6 ฟุต), คลื่นสึนามิในทะเลลึกมีความยาวคลื่นที่มีขนาดใหญ่มาก ได้ถึง 200 กิโลเมตร (120 ไมล์) เช่นคลื่นเดินทางที่ดีกว่า 800 กิโลเมตรต่อชั่วโมง (500 ไมล์ต่อชั่วโมง) แต่เนื่องจากความยาวคลื่นมหาศาลสั่นคลื่นที่จุดใดก็ตามใช้เวลา 20 หรือ 30 นาทีเพื่อให้วงจรและมีความกว้างเพียงประมาณ 1 เมตร (3.3 ฟุต ). [35] นี้จะทำให้คลื่นสึนามิที่ยากในการตรวจสอบในช่วงน้ำลึกที่เรือไม่สามารถที่จะรู้สึกทางของพวกเขา.

ความเร็วของคลื่นสึนามิสามารถคำนวณได้โดยได้รับรากที่สองของความลึกของน้ำในหน่วยเมตรคูณด้วยความเร่งเนื่องจากแรงโน้มถ่วง (ห้วง 10 เมตร sec2) ตัวอย่างเช่นถ้ามหาสมุทรแปซิฟิกถือว่ามีความลึกของ 5000 เมตรความเร็วของคลื่นสึนามิจะเป็นรากที่สองของ√5000 x 10 = √50000 = ~ 224 เมตรต่อวินาที (735 ฟุตต่อวินาที) ซึ่งเท่ากับ กับความเร็วของ ~ 806 กิโลเมตรต่อชั่วโมงหรือประมาณ 500 ไมล์ต่อชั่วโมง สูตรนี้เป็นเช่นเดียวกับที่ใช้สำหรับการคำนวณความเร็วของคลื่นน้ำตื้นเพราะคลื่นสึนามิจะทำงานเหมือนคลื่นน้ำตื้นเป็นมันยอดค่าสูงสุดถึงจากพื้นทะเลเพื่อผิว.

เหตุผลที่ทำให้ชื่อภาษาญี่ปุ่น "คลื่นลูกที่ท่าเรือ" การ คือบางครั้งชาวประมงหมู่บ้านจะแล่นเรือออกไปและพบไม่มีคลื่นที่ผิดปกติในขณะที่ออกที่ตกปลาทะเลและกลับมาสู่ดินแดนที่จะหาหมู่บ้านของพวกเขาเสียหายจากคลื่นขนาดใหญ่.

ในฐานะที่เป็นคลื่นสึนามิเข้าใกล้ชายฝั่งและน้ำทะเลกลายเป็นตื้น shoaling คลื่น บีบอัดคลื่นและความเร็วของมันลดลงต่ำกว่า 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง (50 ไมล์ต่อชั่วโมง) ความยาวคลื่นของมันลดลงไปน้อยกว่า 20 กิโลเมตร (12 ไมล์) และความกว้างของมันเติบโตขึ้นอย่างมาก เนื่องจากคลื่นเดียวกันยังคงมีระยะเวลานานมากสึนามิอาจใช้เวลานาทีในการเข้าถึงความสูงเต็มรูปแบบ ยกเว้นสำหรับคลื่นสึนามิที่ใหญ่ที่สุดมากคลื่นใกล้ไม่ทำลาย แต่ปรากฏเหมือนคลื่นที่เคลื่อนที่เร็ว. [36] เปิดอ่าวและชายฝั่งที่อยู่ติดกับน้ำลึกมากอาจรูปร่างสึนามิต่อไปในคลื่นขั้นตอนเช่นเดียวกับที่สูงชันทำลายหน้า.

เมื่อคลื่นสึนามิที่ยอดคลื่นมาถึงฝั่งที่เพิ่มขึ้นชั่วคราวส่งผลให้ระดับน้ำทะเลที่เรียกว่าวิ่งขึ้น วิ่งขึ้นเป็นวัดในเมตรเหนือระดับน้ำทะเลอ้างอิง. [36] คลื่นสึนามิขนาดใหญ่อาจมีหลายคลื่นที่เดินทางมาถึงในช่วงชั่วโมงด้วยเวลาที่สำคัญระหว่างยอดคลื่น คลื่นลูกแรกที่ไปถึงฝั่งอาจไม่ได้วิ่งขึ้นสูงสุด. [37]

ประมาณ 80% ของคลื่นสึนามิที่เกิดขึ้นในมหาสมุทรแปซิฟิก แต่พวกเขาจะไปได้ทุกที่ที่มีองค์กรขนาดใหญ่ของน้ำรวมทั้งทะเลสาบ พวกเขาจะเกิดจากการเกิดแผ่นดินไหวแผ่นดินถล่มการระเบิดภูเขาไฟ calvings ธารน้ำแข็งและ bolides