In April 2004, an inquest was held

In April 2004, an inquest was held into the unexpected death of an eight-year-old girl in an NHS hospital in England. She had required intubation and ventilation due to respiratory failure and was temporarily unable to eat or drink. A nasogastric tube was passed to administer enterai feed. The position of the tube was checked with the whoosh test (auscultating the epigastrium for bubbling as air is injected down the tube) and litmus testing of the aspirate. The whoosh test was positive while the aspirate from the tube turned blue litmus paper pink, suggesting gastric acidity. The tip had in fact punctured the pleura to lie in the pleural cavity. When enterai feed was administered through the tube her respiratory function worsened. The whoosh and litmus paper test were repeated. Again, they appeared to confirm the positioning of the tube in the stomach. Feeding continued and the girl died. At post mortem a large quantity of feed was found in her pleural cavity. Following the inquest, the coroner, under his statutory powers, issued a notice to the NHS. He sought to avoid a recurrence and drew attention to hazards in routine clinical practice.'

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ในเดือน 2004 เมษายน inquest ถูกจัดเป็นที่ตายของสาวอายุ 8 ปีในโรงพยาบาลในอังกฤษ NHS อัน เธอก็ต้องใช้ท่อช่วยหายใจและระบายอากาศเนื่องจากการหายใจล้มเหลว และไม่ชั่วคราวกิน ท่อ nasogastric ถูกส่งผ่านไปจัดการอาหาร enterai ตรวจสอบตำแหน่งของท่อพร้อมทดสอบเสียงหวือ (auscultating epigastrium สำหรับพัทยาเป็นราชลงท่ออากาศ) และสารสีน้ำเงิน aspirate ทดสอบ ทดสอบผ่านหวือไปเป็นบวกขณะ aspirate จากท่อเปิดกระดาษสารสีน้ำเงินสีฟ้าสีชมพู แนะนำว่า ในกระเพาะอาหาร คำแนะนำได้ในความเป็นจริง punctured pleura นอนในโพรง pleural เมื่อ enterai ตัวดึงข้อมูลถูกจัดการผ่านทางท่อหายใจของเธอ worsened มีซ้ำเสียงหวือและทดสอบสารสีน้ำเงินกระดาษ อีกครั้ง พวกเขาปรากฏขึ้นเพื่อยืนยันตำแหน่งของท่อในท้อง อาหารอย่างต่อเนื่อง และการเสียชีวิตของหญิงสาว ที่ mortem ไปรษณีย์จำนวนมากของอาหารพบในโพรงของเธอ pleural ต่อ inquest, coroner ภายใต้อำนาจของเขาตามกฎหมาย ออกหนังสือกับ NHS เขาพยายามที่จะหลีกเลี่ยงการเกิดซ้ำ และดึงความสนใจไปที่อันตรายในวัตรคลินิกด้วย '

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ในเดือนเมษายนปี 2004 ที่จัดขึ้นพิจารณาคดีเข้าสู่การเสียชีวิตที่ไม่คาดคิดของหญิงสาวแปดปีในโรงพยาบาลพลุกพล่านในอังกฤษ เธอต้องใส่ท่อช่วยหายใจและการระบายอากาศเนื่องจากการหายใจล้มเหลวและไม่สามารถชั่วคราวเพื่อกินหรือดื่ม หลอด nasogastric ก็ผ่านไปได้ในการจัดการอาหาร enterai ตำแหน่งของท่อถูกตรวจสอบกับการทดสอบหวือ (auscultating epigastrium สำหรับฟองอากาศจะถูกฉีดลงหลอด) และการทดสอบสารสีน้ำเงินของดูด ทดสอบหวือเป็นบวกในขณะที่ดูดจากหลอดหันสารสีน้ำเงินสีชมพูสีฟ้ากระดาษบอกความเป็นกรดในกระเพาะอาหาร เคล็ดลับที่ได้ในความเป็นจริงการเจาะทะลุเยื่อหุ้มปอดที่จะอยู่ในช่องเยื่อหุ้มปอด เมื่ออาหารเป็นยา enterai ผ่านท่อระบบทางเดินหายใจของเธอแย่ลง การทดสอบหวือและกระดาษกระดาษลิตมัสซ้ำ อีกครั้งที่พวกเขาปรากฏตัวเพื่อยืนยันตำแหน่งของท่อในกระเพาะอาหาร การให้อาหารอย่างต่อเนื่องและหญิงสาวที่เสียชีวิต ที่โพสต์ชันสูตรปริมาณมากของอาหารที่พบในโพรงเยื่อหุ้มปอดของเธอ ต่อไปนี้การพิจารณาคดีที่เจ้าหน้าที่ชันสูตรศพภายใต้อำนาจตามกฎหมายของเขาออกประกาศไปพลุกพล่าน เขาพยายามที่จะหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดขึ้นอีกและดึงความสนใจไปอันตรายในการปฏิบัติทางคลินิกประจำ.

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ในเดือนเมษายน ปี พ.ศ. 2547 มีการสอบสวนถูกจัดขึ้นในความตายที่ไม่คาดคิดของเด็กผู้หญิงอายุ 8 ขวบในโรงพยาบาล NHS ในอังกฤษ เธอต้องใส่ท่อช่วยหายใจและระบายอากาศเนื่องจากระบบหายใจล้มเหลวและไม่สามารถที่จะกินหรือดื่ม เป็นท่อที่ถูกส่งผ่านให้ enterai ฟีดตำแหน่งของหลอดก็ถูกตรวจสอบด้วยวู้ทดสอบ ( auscultating ที่ epigastrium สำหรับฟองอากาศจะถูกฉีดลงท่อ ) และการทดสอบกระดาษลิตมัสจากสำลัก ที่ทดสอบเป็นบวก . ในขณะที่สูบจากท่อ กลายเป็นสีฟ้าเหมือนกระดาษสีชมพู แนะนำความเป็นกรดในกระเพาะอาหาร . ปลายได้ในความเป็นจริงที่แทงทะลุเยื่อหุ้มปอดนอนในโพรงเยื่อหุ้มปอด .เมื่อ enterai ฟีดใช้ผ่านท่อทางเดินหายใจของเธอทำงานแย่ลง การเดือดและการทดสอบกระดาษลิตมัสมีซ้ำ อีกครั้งที่พวกเขาปรากฏเพื่อยืนยันตำแหน่งของท่อในกระเพาะอาหาร ให้อาหารอย่างต่อเนื่องและเด็กผู้หญิงคนนั้นตาย ที่หลังจากฆ่าในปริมาณมากของอาหารที่พบในโพรงเยื่อหุ้มปอดของเธอ หลังการสอบสวน เจ้าหน้าที่ชันสูตรศพ ภายใต้อำนาจตามกฎหมายของเขาออกประกาศให้พลุกพล่าน . เขาพยายามที่จะหลีกเลี่ยงการดึงดูดความสนใจกับสิ่งอันตรายในเวชปฏิบัติ .