In both theories, there is a keen f

In both theories, there is a keen focus on developing a culture which uses motivation/supportiveness to increase productivity and efficiency by squeezing out every ounce of potential from their subordinates — ultimately resulting in the highest level of success possible. One glaring difference is that path-goal theory shows the direct relationship that appointed supervisors have on subordinates motivation and overall work morale, while on the other hand, transformational leadership entails that a leaders’ motivation can have a direct effect on not just subordinates, but other levels of the organization as well.

Transactional leadership is fairly straightforward — a leader/supervisor presents subordinates with objectives that must be obeyed. One similarity between path-goal theory and transactional leadership is that leaders create comprehensible, achievable goals for their subordinates that result in rewards upon completion of the task.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ทฤษฎีทั้งสอง มีความกระตือรือร้นมุ่งพัฒนาวัฒนธรรมซึ่งใช้แรงจูง ใจ/supportiveness เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพประสิทธิผล โดยบีบออกทุกออนซ์ของศักยภาพจากผู้ใต้บังคับบัญชา ซึ่งผลในระดับสูงสุดของความสำเร็จที่เป็นไปได้ในที่สุด หนึ่งคือความแตกต่างที่เห็นได้ชัด ว่า ทฤษฎีเส้นทางเป้าหมายที่แสดงความสัมพันธ์โดยตรงที่แต่งตั้งผู้บังคับบัญชามีแรงจูงใจผู้ใต้บังคับบัญชา และขวัญกำลังใจ ในขณะที่คงที่ทำงานโดยรวม ความเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลง entails ว่า ผู้นำแรงจูงใจสามารถมีผลกระทบโดยตรงไม่เพียงผู้ใต้บังคับบัญชา แต่ระดับอื่น ๆ ขององค์กรเช่นผู้นำของทรานแซคชันจะค่อนข้างตรงไปตรงมา — ผู้นำผู้บังคับบัญชาผู้ใต้บังคับบัญชานำเสนอวัตถุประสงค์ที่ได้ หนึ่งความคล้ายคลึงกันระหว่างผู้นำของทรานแซคชันและทฤษฎีเส้นทางเป้าหมายคือ ให้ผู้นำสร้างเป้าหมายเข้าใจ ทำได้กับผู้ใต้บังคับบัญชาที่ส่งผลให้รางวัลเมื่อเสร็จสมบูรณ์ของงาน

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ในทั้งสองทฤษฎีมีความกระตือรือร้นในการมุ่งเน้นการพัฒนาวัฒนธรรมซึ่งใช้แรงจูงใจ / supportiveness เพื่อเพิ่มผลผลิตและประสิทธิภาพโดยการบีบออกออนซ์ศักยภาพทุกจากผู้ใต้บังคับบัญชาของพวกเขา - ในที่สุดส่งผลในระดับสูงสุดของความสำเร็จที่เป็นไปได้ หนึ่งความแตกต่างที่เห็นได้ชัดก็คือทฤษฎีเส้นทางเป้าหมายแสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์โดยตรงที่ได้รับการแต่งตั้งผู้บังคับบัญชาที่มีต่อแรงจูงใจของผู้ใต้บังคับบัญชาและกำลังใจในการทำงานการทำงานโดยรวมในขณะที่ในมืออื่น ๆ ภาวะผู้นำการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดว่าแรงจูงใจของผู้นำจะมีผลโดยตรงต่อการไม่ได้เป็นเพียงผู้ใต้บังคับบัญชา แต่ . ระดับอื่น ๆ ขององค์กรได้เป็นอย่างดีเป็นผู้นำในการทำธุรกรรมค่อนข้างตรงไปตรงมา - ผู้นำ / ผู้บังคับบัญชาผู้ใต้บังคับบัญชานำเสนอโดยมีวัตถุประสงค์ที่จะต้องเชื่อฟัง หนึ่งความคล้ายคลึงกันระหว่างทฤษฎีเส้นทางเป้าหมายและความเป็นผู้นำในการทำธุรกรรมเป็นผู้นำที่สร้างเข้าใจเป้าหมายทำได้สำหรับผู้ใต้บังคับบัญชาของพวกเขาที่ส่งผลให้ผลตอบแทนเมื่อเสร็จสิ้นงาน

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ทั้งสองทฤษฎีมีความกระตือรือร้นในการพัฒนาวัฒนธรรมที่ใช้แรงจูงใจ / supportiveness เพื่อเพิ่มผลผลิตและประสิทธิภาพ โดยการบีบออกทุกออนซ์ของที่อาจเกิดขึ้นจากผู้ใต้บังคับบัญชาของตน ในที่สุดผลในระดับสูงสุดของความสำเร็จที่เป็นไปได้ หนึ่งความแตกต่างคือทฤษฎีเป้าหมายเส้นทางแจ๋แสดงความสัมพันธ์โดยตรงว่า การแต่งตั้งผู้บังคับบัญชาผู้ใต้บังคับบัญชามีแรงจูงใจและขวัญในการปฏิบัติงานโดยรวม ในขณะที่ในมืออื่น ๆ , ภาวะผู้นําการเปลี่ยนแปลง ใช้ว่า แรงจูงใจเป็นผู้นำสามารถมีผลโดยตรงต่อผู้ใต้บังคับบัญชา ไม่เพียง แต่ระดับอื่น ๆขององค์กรได้เป็นอย่างดีภาวะผู้นำการแลกเปลี่ยนคือตรงไปตรงมาเป็นธรรมผู้นำ / หัวหน้างาน - เสนอผู้ใต้บังคับบัญชากับวัตถุประสงค์ที่ต้องเชื่อฟัง หนึ่งในความคล้ายคลึงกันระหว่างทฤษฎีภาวะผู้นำการแลกเปลี่ยนและเป้าหมายเส้นทางที่ผู้นำสร้างเข้าใจเป้าหมายที่เป็นไปได้สำหรับผู้ใต้บังคับบัญชาว่า ผลรางวัลเมื่อเสร็จสิ้นงาน