Therefore, maternal monitoring may

Therefore, maternal monitoring may not involve prominent verbal
interactions with the child during mealtime that the sibling is able
to observe and imitate.
Results from this study are consistent with prior work showing
significant associations between the mother's behavior and the
behavior of other family members during mealtimes. Maternal
feeding behavior has been associated with the child's own eating
behavior (Birch & Fisher, 1998; Fisher & Birch, 2002), as well as
paternal feeding behavior (Blissett, Meyer, & Haycraft, 2006). Our
findings further highlight the role of mothers in shaping mealtime
behaviors by showing a positive association with sibling behavior.
Since siblings develop their caregiving skills by observing and
imitating the behavior of their mothers (Zukow-Goldring, 2008),
our study suggests that maternal use of controlling feeding behaviors,
such as restriction and pressure to eat, might lead children
to use similar behaviors when interacting with their siblings.
Although some suggest that restricting food or pressuring the
child to eat may be a reaction to the child's weight status (Powers,
Chamberlin, Schaick, Sherman, & Whitaker, 2006; Webber, Cooke,
Hill, & Wardle, 2010), others have found that controlling feeding
behaviors may lead to increased risk of child overweight and
obesity (Birch & Fisher, 1998; Hughes, Shewchuk, Baskin, Nicklas, &
Qu, 2008; Klesges et al., 1983). One underlying mechanism is the
child's self-regulation of energy intake, such that children become
less responsive to satiety cues when they experience overly controlling
feeding behaviors (Fisher & Birch, 1999; 2002; Johnson &
Birch, 1994). Future studies are needed in order to examine the
compounded effect of experiencing controlling feeding behaviors
from both mothers and siblings. Furthermore, research that considers
the effect of including both mothers and siblings in interventions
involving mealtime recommendations may be
beneficial.
Strengths of this study include our use of an observational
assessment of sibling behavior during a naturalistic mealtime.
Limitations include the small sample size, which might have
affected our ability to detect statistically significant associations,
and to control for potential confounders and intermediate variables.
In addition, the cross-sectional design of our study limits our
ability to infer causality. Finally, our study only included lowincome
families recruited from Head Start, and thus our findings
may not be generalizable to families without these characteristics

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ดังนั้น ตรวจสอบแม่อาจไม่เกี่ยวข้องกับคำพูดที่โดดเด่นปฏิสัมพันธ์กับเด็กระหว่างการกินที่พี่น้องสามารถการสังเกต และเลียนแบบผลจากการศึกษามีความสอดคล้องกับการทำงานก่อนแสดงสำคัญความสัมพันธ์ระหว่างลักษณะการทำงานของแม่และพฤติกรรมของสมาชิกในครอบครัวระหว่างอาหาร มารดาอาหารทำงานได้เชื่อมโยงกับตัวเองกินของเด็กลักษณะการทำงาน (เบิร์ช & Fisher, 1998 ฟิชเชอร์และเบิร์ช 2002), เป็นพ่อให้อาหารลักษณะการทำงาน (Blissett เครื่องครัว และ Haycraft, 2006) ของเราผลการวิจัยเพิ่มเติมเน้นบทบาทของแม่ในการสร้างการกินพฤติกรรม โดยแสดงความสัมพันธ์ในเชิงบวกกับลักษณะการทำงานของพี่น้องตั้งแต่พี่น้องพัฒนาทักษะ caregiving โดยการสังเกต และเลียนแบบพฤติกรรมของแม่ (Zukow-Goldring, 2008),แนะนำการศึกษาของเราที่ใช้ควบคุมพฤติกรรมการกิน แม่ข้อจำกัดและความดันกิน อาจนำไปสู่เด็กการใช้พฤติกรรมที่คล้ายกันเมื่อโต้ตอบกับพี่น้องของพวกเขาแม้ว่าบางแนะนำให้จำกัดอาหารหรือ pressuring การเด็กกินอาจมีปฏิกิริยาของเด็กน้ำหนักสถานะ (อำนาจChamberlin, Schaick เชอร์แมน และวิทเท เกอร์ 2006 ประจำ Cookeฮิลล์ & Wardle, 2010), อื่น ๆ พบว่าควบคุมอาหารลักษณะการทำงานอาจจะเพิ่มความเสี่ยงของเด็กที่มีน้ำหนักเกิน และโรคอ้วน (เบิร์ช & Fisher, 1998 ฮิวจ์ส รอบ Shewchuk, Nicklas, &Qu, 2008 Klesges et al. 1983) เป็นต้นกลไกการเด็กควบคุมตนเองของ การบริโภคพลังงานเช่นที่กลายเป็นเด็กน้อยตอบสนองสัญญาณความเต็มอิ่มเมื่อพวกเขาพบการควบคุมมากเกินไปพฤติกรรมการให้อาหาร (Fisher & เบิร์ช 1999; 2002 Johnson &ไม้เบิร์ช 1994) การศึกษาในอนาคตมีความจำเป็นเพื่อตรวจสอบการเพิ่มผลของการควบคุมพฤติกรรมการกินจากทั้งแม่และพี่น้อง นอกจากนี้ วิจัยที่พิจารณาผลรวมทั้งแม่และพี่น้องในการแทรกแซงเกี่ยวข้องกับคำแนะนำของกินอาจจะประโยชน์จุดแข็งของการศึกษานี้ได้แก่การใช้ตัวเชิงสังเกตการณ์การประเมินของลักษณะการทำงานของพี่น้องในระหว่างกินสรรค์ข้อจำกัดมีขนาดตัวอย่างขนาดเล็ก ซึ่งอาจมีผลกระทบความสามารถในการตรวจสอบความสัมพันธ์ของสำคัญทางสถิติและ การควบคุมสำหรับ confounders อาจเกิดขึ้นและตัวแปรระดับกลางนอกจากนี้ การออกแบบภาคตัดขวางการศึกษาของเราจำกัดของเราความสามารถในการสรุปอำนาจ ในที่สุด การศึกษาของเราเท่านั้นรวม lowincomeครอบครัวรับเริ่มต้นหัว และดังนั้นผลการวิจัยของเราไม่ generalizable กับครอบครัวโดยลักษณะเหล่านี้

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ดังนั้นการตรวจสอบแม่อาจจะไม่เกี่ยวข้องกับคำพูดที่โดดเด่นมีปฏิสัมพันธ์กับเด็กในช่วงเวลารับประทานอาหารที่พี่น้องจะสามารถที่จะสังเกตและเลียนแบบ. ผลลัพธ์ที่ได้จากการศึกษาครั้งนี้มีความสอดคล้องกับการทำงานก่อนแสดงความสัมพันธ์อย่างมีนัยสำคัญระหว่างพฤติกรรมของแม่และพฤติกรรมของสมาชิกในครอบครัวอื่นๆ ในระหว่างรับประทานอาหาร . มารดาพฤติกรรมการกินอาหารมีความเกี่ยวข้องกับการรับประทานอาหารของตัวเองของเด็กพฤติกรรม(เบิร์ชและฟิชเชอร์, 1998; & ฟิชเชอร์เบิร์ช, 2002) เช่นเดียวกับพฤติกรรมการกินอาหารของบิดา(Blissett เมเยอร์และ Haycraft 2006) เราค้นพบต่อไปเน้นบทบาทของแม่ในการสร้างรับประทานอาหารพฤติกรรมโดยการแสดงความสัมพันธ์ทางบวกกับพฤติกรรมพี่น้อง. ตั้งแต่พี่น้องพัฒนาทักษะการดูแลของพวกเขาโดยการสังเกตและการเลียนแบบพฤติกรรมของมารดาของพวกเขา (Zukow-แหวนทองคำ, 2008) การศึกษาของเราแสดงให้เห็นว่าการใช้ของมารดา ในการควบคุมพฤติกรรมการให้อาหารเช่นข้อจำกัด และความดันที่จะกินอาจนำไปสู่เด็กในการใช้พฤติกรรมที่คล้ายกันเมื่อมีปฏิสัมพันธ์กับพี่น้องของพวกเขา. แม้ว่าบางคนชี้ให้เห็นว่าการ จำกัด อาหารหรือกดดันเด็กจะกินอาจจะมีการตอบสนองต่อสถานะน้ำหนักของเด็ก(พลังแชมเบอร์ Schaick เชอร์แมนและวิเท 2006 เว็บเบอร์ Cooke, ฮิลล์และเดิ้ล 2010) คนอื่น ๆ ได้พบว่าการควบคุมการให้อาหารพฤติกรรมอาจนำไปสู่ความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นของเด็กที่มีน้ำหนักเกินและโรคอ้วน(เบิร์ชและฟิชเชอร์, 1998; ฮิวจ์ Shewchuk , บาสกิ้น, นิคลาสและQu 2008. Klesges, et al, 1983) หนึ่งในกลไกเป็นเด็กการควบคุมตนเองของการบริโภคพลังงานเช่นกลายเป็นว่าเด็กน้อยตอบสนองการชี้นำความเต็มอิ่มเมื่อพวกเขามีประสบการณ์ในการควบคุมมากเกินไปพฤติกรรมการให้อาหาร(ฟิชเชอร์และเบิร์ช, 1999; 2002; จอห์นสันแอนด์เบิร์ช1994) การศึกษาในอนาคตที่มีความจำเป็นในการที่จะตรวจสอบผลประกอบการประสบการควบคุมพฤติกรรมการกินอาหารจากทั้งมารดาและพี่น้อง นอกจากนี้การวิจัยที่จะพิจารณาผลกระทบของทั้งมารดาและพี่น้องในการแทรกแซงที่เกี่ยวข้องกับการให้คำแนะนำเวลารับประทานอาหารอาจจะเป็นประโยชน์. จุดแข็งของการศึกษาครั้งนี้รวมถึงการใช้งานของเราของการสังเกตการณ์การประเมินพฤติกรรมของพี่น้องในระหว่างการรับประทานอาหารธรรมชาติ. ข้อ จำกัด รวมขนาดของกลุ่มตัวอย่างขนาดเล็กซึ่งอาจ ได้รับผลกระทบความสามารถของเราในการตรวจสอบความสัมพันธ์อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติและควบคุมเกี่ยวกับตัวแปรที่มีศักยภาพและตัวแปรกลาง. นอกจากนี้ยังมีการออกแบบตัดของการศึกษาของเรามีข้อ จำกัด ของเราความสามารถในการสรุปสาเหตุ ในที่สุดการศึกษาของเราเพียงรวม lowincome ครอบครัวได้รับคัดเลือกจาก Head Start และทำให้ค้นพบของเราอาจจะไม่generalizable ครอบครัวไม่มีลักษณะเหล่านี้