Our study has limitations. First, t

Our study has limitations. First, the number of cases of individual CVD and cancer was only modest at best. Therefore, our study may not have had sufficient statistical power for detecting significant results in coronary heart disease or for detecting small increases or decreases in the risk of cancer at individual sites, as associated with green tea consumption. Second, 10.4% (during 7 years of follow-up) and 13.9% (during 11 years of follow-up) of total participants were lost to follow-up. However, this proportion did not vary across the green tea consumption categories (10.6%, 9.7%, 10.2%, and 10.8% of participants from the lowest to highest green tea consumption categories, respectively, were lost to follow-up during 7 years of follow-up, and 15.2%, 14.8%, 13.4%, and 12.4% of participants, respectively, were lost to follow-up during 11 years of follow-up). Therefore, we consider it unlikely that the association between green tea consumption and mortality was substantially distorted by the effect of loss to follow-up. Third, since green tea consumption was assessed on the basis on self-administered questionnaires, some misclassification of consumption status could arise in estimating the effect of the beverage. However, this misclassification may be nondifferential and would tend to result in underestimation of the impact of green tea consumption.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

เรามีข้อจำกัด ครั้งแรก จำนวนกรณีและปัญหาของแต่ละผิว CVD และมะเร็งได้เพียงเจียมเนื้อเจียมตัวดีที่สุด ดังนั้น เราอาจไม่มีอำนาจทางสถิติเพียงพอ สำหรับการตรวจสอบผลลัพธ์สำคัญในโรค หรือตรวจหาขนาดเล็กเพิ่มขึ้นหรือลดลงในความเสี่ยงของโรคมะเร็งในแต่ละเว็บไซต์ เกี่ยวข้องกับการบริโภคชาเขียว สอง 10.4% (ในช่วง 7 ปีของการติดตามผล) และ 13.9% (ระหว่าง 11 ปีของการติดตามผลของผู้เรียนทั้งหมดสูญหายเพื่อติดตามผล อย่างไรก็ตาม สัดส่วนนี้ก็ไม่แตกต่างกันประเภทปริมาณการใช้ชาเขียว (10.6%, 9.7%, 10.2% และ 10.8% ของผู้เข้าร่วมจากต่ำไปหาสูงสุดชาเขียวปริมาณประเภท ตามลำดับ สูญหายให้ติดตามในช่วง 7 ปีของการติดตามผล และ 15.2%, 14.8%, 13.4 และ 12.4% ของผู้เข้าร่วม ตามลำดับ สูญหายให้ติดตามในช่วง 11 ปีของการติดตามผล) ดังนั้น เราพิจารณาไม่ว่า ความสัมพันธ์ระหว่างการบริโภคชาเขียวและการตายผิดเพี้ยนมาก โดยผลของการขาดทุนที่จะติดตาม ที่สาม เนื่องจากการบริโภคชาเขียวถูกประเมินตามเกณฑ์ในแบบสอบถามที่ปกครองตนเอง บาง misclassification สถานะปริมาณการใช้อาจเกิดในการประเมินผลของเครื่องดื่ม อย่างไรก็ตาม misclassification นี้อาจจะ nondifferential และจะมีแนวโน้มที่ทั้ง underestimation ผลกระทบของการบริโภคชาเขียว

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

การศึกษาของเรามีข้อ จำกัด ครั้งแรกที่จำนวนผู้ป่วยโรคหลอดเลือดหัวใจและโรคมะเร็งของแต่ละบุคคลเป็นเพียงเจียมเนื้อเจียมตัวที่ดีที่สุด ดังนั้นการศึกษาของเราอาจจะไม่ได้มีอำนาจทางสถิติที่เพียงพอสำหรับการตรวจสอบผลอย่างมีนัยสำคัญในการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจตีบหรือสำหรับการตรวจสอบการเพิ่มขึ้นของขนาดเล็กหรือการลดลงของความเสี่ยงของโรคมะเร็งที่เว็บไซต์ของแต่ละบุคคลในขณะที่เกี่ยวข้องกับการบริโภคชาเขียว ประการที่สอง 10.4% (ในช่วง 7 ปีของการติดตาม) และ 13.9% (ในช่วง 11 ปีของการติดตาม) ของผู้เข้าร่วมรวมถูกกลืนหายไปในการติดตาม อย่างไรก็ตามสัดส่วนนี้ไม่ได้แตกต่างกันในประเภทการบริโภคชาเขียว (10.6%, 9.7%, 10.2% และ 10.8% ของผู้เข้าร่วมจากต่ำสุดไปสูงสุดประเภทการบริโภคชาเขียวตามลำดับได้หายไปติดตามในช่วง 7 ปีที่ผ่านมา ติดตามและ 15.2%, 14.8%, 13.4% และ 12.4% ของผู้เข้าร่วมตามลำดับได้หายไปติดตามในช่วง 11 ปีของการติดตาม) ดังนั้นเราจึงคิดว่ามันไม่น่าที่ความสัมพันธ์ระหว่างการบริโภคชาเขียวและการเสียชีวิตถูกบิดเบือนอย่างมากจากผลกระทบของการสูญเสียที่จะติดตาม ประการที่สามเนื่องจากการบริโภคชาเขียวได้รับการประเมินบนพื้นฐานแบบสอบถามด้วยตนเองบริหารการจำแนกสถานะของการบริโภคบางคนอาจเกิดขึ้นในการประเมินผลของเครื่องดื่ม อย่างไรก็ตามจำแนกนี้อาจจะ nondifferential และจะมีแนวโน้มที่จะส่งผลให้เบาของผลกระทบของการบริโภคชาเขียว