เรื่องของเงินถุงแดง เป็นส่วนหนึ่งประวัติศาสตร์ที่มีการเล่าสืบต่อกันมาแต่ไม่ปรากฏหรือมีการบันทึกไว้ในเอกสารประวัติศาสตร์หรือพงศาวดารฉบับใดอย่างชัดเจน โดยมีการเล่าต่อกันมาว่า เงินถุงแดงเป็นเงินที่พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๓ ได้จากกำไรการค้าสำเภา ทั้งสำเภาหลวงและสำเภาส่วนพระองค์ เงินที่ได้จากการค้าสำเภาส่วนพระองค์ก็จะทรงเก็บสะสมไว้นำใส่ถุงผ้าสีแดงแยกเป็นถุง ปิดปากถุงเก็บเข้าในหีบกำปั่นข้างพระแท่นบรรทม ทรงเก็บสะสมไว้จนมีจำนวนมากขึ้นทุกปี นับเป็นพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์นอกเหนือจากเงินในท้องพระคลังหลวง (พระคลังมหาสมบัติ) ทรงพระราชทานเป็นทุนสำรองให้แก่แผ่นดินสำหรับใช้ในยามบ้านเมืองอยู่ในภาวะคับขัน
ในเอกสารพระราชพงศาวดารกรุงรัตนโกสินทร์ รัชกาลที่ ๓ โดยเจ้าพระยาทิพากรวงศามหาโกษาธิบดี ได้กล่าวถึงพระบรมราโชวาทของพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๓ ที่สำคัญเมื่อใกล้สวรรคตพระราชทานแก่ขุนนาง ข้าราชบริพารที่เข้าเฝ้าฯ ไว้ว่า "การศึกสงครามข้างญวน ข้างพม่า ก็เห็นจะไม่มีแล้ว จะมีอยู่ก็แต่ข้างพวกฝรั่ง ให้ระวังให้ดี อย่าให้เสียทีแก่เขาได้ การงานสิ่งใดของเขาที่คิด ควรจะเรียนเอาไว้ก็ให้เอาอย่างเขา แต่อย่าให้นับถือเลื่อมใสไปเสียทีเดียว ทุกวันนี้คิดสละห่วงใยได้หมด อาลัยแต่วัดวา สร้างไว้ใหญ่โตหลายวัด ที่ยังค้างอยู่ก็มี ถ้าชำรุดทรุดโทรมไปจะไม่มีผู้ช่วยทำนุบำรุง เงินในพระคลังที่เหลือจับจ่ายในราชการแผ่นดินมีอยู่ ๔๐,๐๐๐ ชั่งนี้ ขอสัก ๑๐,๐๐๐ ชั่งเถิดให้ไว้บำรุงวัดวาที่ยังค้างอยู่" 1
จากพระราชดำรัสดังกล่าวแสดงถึงพระวิสัยทัศน์ที่ยาวไกลของรัชกาลที่ ๓ ทรงเห็นภัยคุกคามเอกราชสยามจากชาติตะวันตกในยุคนั้น ทรงห่วงใยบ้านเมืองและวัดวาอารามที่ทรงสร้างขึ้นไว้ให้เป็นศรีสง่าแก่บ้านเมืองพระราชดำรัสของรัชกาลที่ ๓ ข้างต้นนั้นจึงน่าจะเกี่ยวข้องสัมพันธ์กับการเก็บเงินถุงแดงของพระองค์ด้วย แต่ในพระราชดำรัสจำนวนเงิน ๔ หมื่นชั่ง ที่ทรงขอไว้ ๑ หมื่นชั่ง เป็นเงินในพระคลัง และต่อมาในสมัยรัชกาลที่ ๔ ทรงซ่อม พระอารามจากเงินในพระคลังที่รัชกาลที่ ๓ โดยใช้เงินที่ทรงขอไว้2 ดังนั้นเงินจำนวนนี้จึงไม่ใช่เงินถุงแดง เพราะในพงศาวดารระบุชัดเจนว่าเป็นเงินในพระคลังไม่ใช่เงินส่วนพระองค์ที่ทรงเก็บไว้ (ถ้าหากเป็นเงินถุงแดงจะมีเงินที่เหลือจากซ่อมอาราม ๓ หมื่นชั่ง คิดเป็นเงินฝรั่งเศสเป็นเงิน ๔ ล้านห้าแสนฟรังก์ซึ่งมีจำนวนมากกว่าเงินค่าปรับ๓ ล้านฟรังก์ที่ฝรั่งเศสเรียกร้องในสมัยรัชกาลที่ ๕ โดยไม่ต้องนำไปสมทบกับเงินในพระคลังและเงินบริจาคของเจ้านาย) ในสมัยนี้ลัทธิล่าอาณานิคมได้แผ่ขยายเข้ามาในภูมิภาคเอเชียมากขึ้น ประเทศไทยได้รับผลกระทบจากลัทธิดังกล่าวโดยเริ่มเสียดินแดนบางส่วนให้กับชาติตะวันตกที่เข้ามาล่าอาณานิคม จนถึงสมัยรัชกาลที่ ๕ เมื่อลัทธิล่าอาณานิคมทวีความรุนแรงขึ้น เงินถุงแดงจึงมีส่วนช่วยรักษาเอกราชของสยามประเทศไว้ได้ในเหตุการณ์วิกฤตการณ์ ร.ศ.๑๑๒ เรื่องราวของเงินถุงแดงจึงเป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์สมัยรัตนโกสินทร์ที่น่าสนใจ