5. Summary and conclusionsThis spec

5. Summary and conclusions
This special issue presents a collection of papers that explore the complexity of supply chain management in health services. Clearly, much research work needs to be done. All authors in this special issue emphasize the fact that supply chain management in a health care setting is characterized by some unique features, which make it difficult to transfer knowledge from the industrial sector to a health care sector in a direct way. At the same time however, it can be concluded that existing concepts, models and supply chain practices can be extended to supply chain management in health services and existing research underpins the assumption that the health sector can benefit from the lessons learned in the industrial sector.
Starting from the research classification matrix depicted in Figure 2, many issues that need to be explored further, can be addressed. Based on the papers in this special issue, at least five main research areas with respect to supply chain management in a health care setting can be defined.
First of all, it seems to be important to further explore the role information technology can play in supporting the management and control of supply chain practices. Additionally, more research seems to be necessary to address the enablers and barriers when implementing information technology in a health service context. Second, the influence of different stakeholders on establishing supply chain management relationships both within as well as between different health service providers still is rather unknown. It seems to be worthwhile therefore, to study into more depth the influence of power and interest relationships between the stakeholders during the process of adopting, shaping and implementing supply chain management relationships. Third, it seems to be of importance to study into more depth the strengths and weakness of management philosophies like lean and agile manufacturing, business process management and Lean Six Sigma in the context of health services. Many of these philosophies are often used together with supply chain management practices. Little is known however, about how these philosophies are applied by health care providers and to what extent health care providers can benefit from these practices. A fourth main field of research which can be associated with supply chain management in health services relates to performance metrics and the results being achieved by health care organisations when implementing supply chain practices. Clearly, performance measurements in a health care setting seems to be more complicated compared to industrial companies due to the complexity of concepts like “quality of care” and the rather tacit character of some performance metrics. There seems to be a general consensus about the added value supply chain management practices can have for health care organisations. Making this added value more explicit by performance metrics as well as the conditions under which this added value emerges without doubt is one of the main challenges research on supply chain management in a health service context is facing. Finally, applying supply chain management concepts to patient flows requires special attention to the specifics of services. Being inseparable multiactor delivery processes in which the patient himself participates as both object and co-creator in the interaction with various healthcare professionals (customer-supplier duality) supply chain management in a service setting is far from simple. New developed concepts of disease management for chronic diseases show that supply chains get longer with combinations of different care providers in which the patient himself often is in the lead. How this interacts with and influences the supply chain definitely is an important and challenging issue in future research on healthcare Supply Chain Management.
In line with the conclusions of Croom et al. (2000), it can be concluded therefore that next to studies with a monodisciplinary focus, an interdisciplinary focus on supply chain management issues in health services seems to be necessary. The complexity of the questions as well as the multidimensional scope of the problems requires knowledge from different disciplines. Hopefully, this special issue is going to be a small step towards gaining a more thorough understanding of supply chain management in health care services.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

5. สรุปและบทสรุปปัญหาพิเศษนำเสนอชุดของเอกสารที่สำรวจความซับซ้อนของการจัดการห่วงโซ่อุปทานในบริการสุขภาพ เห็นได้ชัด งานวิจัยมากต้องทำ ผู้เขียนในฉบับพิเศษนี้เน้นความจริงที่ว่า การจัดการโซ่อุปทานในการดูแลสุขภาพเป็นลักษณะคุณลักษณะเฉพาะบางอย่าง ซึ่งทำให้ยากที่จะถ่ายโอนความรู้จากภาคอุตสาหกรรมภาคการดูแลสุขภาพในลักษณะตรง ในเวลาเดียวกัน อย่างไรก็ตาม มันสามารถสรุปได้ว่า สามารถขยายแนวคิดที่มีอยู่ รูปแบบ และแนวทางห่วงโซ่อุปทานในการจัดหาในบริการสุขภาพ และงานวิจัยที่มีอยู่ underpins อัสสัมชัญที่ภาคสุขภาพสามารถได้รับประโยชน์จากการเรียนรู้ในภาคอุตสาหกรรมเริ่มต้นจากเมตริกซ์ประเภทวิจัยแสดงในรูปที่ 2 ปัญหาต่าง ๆ ที่ต้องสำรวจต่อไป จะ ขึ้นอยู่กับเอกสารในฉบับพิเศษนี้ น้อยห้าหลักงานวิจัยเกี่ยวกับการบริหารห่วงโซ่อุปทานในการดูแลสุขภาพสามารถแก้ไขประการแรก มันดูเหมือนจะต้องสำรวจบทบาทสารสนเทศสามารถเล่นในการสนับสนุนการจัดการและการควบคุมแนวทางปฏิบัติของห่วงโซ่อุปทาน นอกจากนี้ วิจัยเพิ่มเติมน่าจะจำเป็นต้อง enablers และอุปสรรคการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในบริบทการบริการสุขภาพ สอง อิทธิพลของเสียต่าง ๆ ในซัพพลายเชนการจัดการสัมพันธ์ทั้งภายใน และ ระหว่างผู้ให้บริการสุขภาพที่แตกต่างกันในการสร้างยังคงไม่เป็นรู้จัก ดูเหมือนจะคุ้มค่าดังนั้น เพื่อศึกษาอิทธิพลของพลังงานลงลึกมากขึ้น และสนใจความสัมพันธ์ระหว่างการมีส่วนได้เสียในการใช้ สร้างรูปร่าง และใช้ความสัมพันธ์การจัดการห่วงโซ่อุปทาน สาม มันดูเหมือนจะสำคัญเพื่อศึกษาลงลึกมากขึ้นจุดแข็งและจุดอ่อนของปรัชญาการจัดการเช่นการผลิตแบบ lean และคล่องตัว การจัดการกระบวนการธุรกิจ และแบบ Lean ซิกส์ซิกมาในบริบทของบริการสุขภาพ ของปรัชญาเหล่านี้มักใช้ร่วมกับวิธีการบริหารจัดการห่วงโซ่อุปทาน เล็กน้อยเป็นที่รู้จักกันอย่างไรก็ตาม เกี่ยวกับปรัชญาวิธีเหล่านี้จะใช้ผู้ให้บริการสุขภาพ และขอบเขตผู้ให้บริการสุขภาพได้รับประโยชน์จากแนวทางปฏิบัติเหล่านี้ เขตหลักสี่งานวิจัยซึ่งสามารถเชื่อมโยงกับการบริหารห่วงโซ่อุปทานในการบริการสุขภาพ ที่เกี่ยวข้องกับเครื่องมือวัดประสิทธิภาพและผลองค์กรดูแลสุขภาพจะได้นำปฏิบัติของโซ่อุปทาน ชัดเจน วัดประสิทธิภาพในการดูแลสุขภาพน่าจะซับซ้อนมากขึ้นเมื่อเทียบกับบริษัทอุตสาหกรรมเนื่องจากความซับซ้อนของแนวคิด "คุณภาพของ" และอักขระเป็น tacit ของการวัดประสิทธิภาพการทำงานบางอย่าง มีดูเหมือนจะ สามารถมีฉันทามติทั่วไปเกี่ยวกับวิธีบริหารจัดการโซ่อุปทานที่เพิ่มมูลค่าองค์กรดูแลสุขภาพ ทำให้ค่านี้เพิ่มขึ้นชัดเจน โดยการวัดประสิทธิภาพการทำงานเช่นเป็นเงื่อนไขที่ค่านี้เพิ่มขึ้นโดยไม่ต้องสงสัยเป็นหนึ่งในความท้าทายหลักงานวิจัยด้านการจัดการโซ่อุปทานในบริบทบริการสุขภาพจะหัน สุดท้าย การใช้แนวคิดการจัดการโซ่อุปทานกับขั้นตอนที่ผู้ป่วยต้องใส่ใจในทุกประเภทของบริการ มีกระบวนการ multiactor ส่งต่อผู้ป่วยเองร่วมเป็นทั้งวัตถุและผู้ร่วมในการโต้ตอบกับต่าง ๆ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านบริหารห่วงโซ่อุปทาน (ซัพพลายเออร์ลูกค้าทวิภาวะ) ในการตั้งค่าบริการได้จากเรื่อง แนวคิดที่พัฒนาใหม่ของโรคการจัดการโรคเรื้อรังแสดงว่า ห่วงโซ่อุปทานได้รับอีกต่อไปกับชุดของผู้ดูแลที่แตกต่างกันซึ่งผู้ป่วยเองมักจะเป็นลูกค้าเป้าหมาย วิธีนี้โต้ตอบกับ และมีผลต่อห่วงโซ่อุปทานแน่นอนเป็นประเด็นสำคัญ และความท้าทายในอนาคตงานวิจัยด้านสุขภาพซัพพลายเชนการจัดการกับบทสรุปของ Croom et al. (2000), มันสามารถสรุปได้ดังนั้นที่ อยู่ศึกษาความ monodisciplinary เน้นปัญหาการจัดการห่วงโซ่อุปทานในการบริการสุขภาพที่อาศัยน่าจะจำ ความซับซ้อนของคำถามรวมทั้งขอบเขตหลายปัญหาต้องการความรู้จากสาขาวิชาต่าง ๆ หวังว่า ปัญหาพิเศษนี้เป็นไปได้เล็กก้าวได้รับความเข้าใจอย่างละเอียดมากของการบริหารห่วงโซ่อุปทานในการบริการสุขภาพ

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

5.
สรุปและข้อสรุปปัญหานี้นำเสนอคอลเลกชันพิเศษของเอกสารที่สำรวจความซับซ้อนของการจัดการห่วงโซ่อุปทานในการให้บริการสุขภาพ เห็นได้ชัดว่าการทำงานวิจัยมากที่ต้องทำ ผู้เขียนทั้งหมดในเรื่องนี้เป็นพิเศษเน้นความจริงที่ว่าจัดการห่วงโซ่อุปทานในการตั้งค่าการดูแลสุขภาพที่โดดเด่นด้วยคุณสมบัติที่เป็นเอกลักษณ์บางอย่างที่ทำให้มันยากที่จะถ่ายทอดความรู้จากภาคอุตสาหกรรมภาคการดูแลสุขภาพในทางตรง ในเวลาเดียวกัน แต่ก็สามารถสรุปได้ว่าแนวความคิดที่มีอยู่และการปฏิบัติแบบห่วงโซ่อุปทานสามารถขยายไปจัดการห่วงโซ่อุปทานในการให้บริการด้านสุขภาพและงานวิจัยที่มีอยู่รมย์สมมติฐานที่ว่าภาคสาธารณสุขจะได้ประโยชน์จากบทเรียนที่ได้เรียนรู้ในภาคอุตสาหกรรม
เริ่มต้นจากการจัดหมวดหมู่การวิจัยเมทริกซ์ที่ปรากฎในรูปที่ 2 ปัญหาหลายอย่างที่จะต้องมีการสำรวจเพิ่มเติมสามารถได้รับการแก้ไข ขึ้นอยู่กับเอกสารในเรื่องนี้เป็นพิเศษอย่างน้อยห้าพื้นที่หลักของการวิจัยเกี่ยวกับการจัดการห่วงโซ่อุปทานในการตั้งค่าการดูแลสุขภาพสามารถกำหนด.
ครั้งแรกของทั้งหมดมันน่าจะเป็นสิ่งสำคัญที่จะไปสำรวจเทคโนโลยีสารสนเทศมีบทบาทสามารถเล่นในการสนับสนุน การจัดการและการควบคุมการปฏิบัติของห่วงโซ่อุปทาน นอกจากนี้การวิจัยมากขึ้นน่าจะเป็นสิ่งที่จำเป็นเพื่อที่อยู่ enablers และอุปสรรคเมื่อใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในบริบทที่ให้บริการด้านสุขภาพ ประการที่สองอิทธิพลของผู้มีส่วนได้เสียแตกต่างกันในการสร้างความสัมพันธ์จัดการห่วงโซ่อุปทานทั้งภายในเช่นเดียวกับระหว่างผู้ให้บริการสุขภาพที่แตกต่างกันยังคงค่อนข้างที่ไม่รู้จัก มันน่าจะเป็นที่คุ้มค่าดังนั้นเพื่อการศึกษาลงไปในความลึกมากขึ้นอิทธิพลของอำนาจและความสัมพันธ์ผลประโยชน์ระหว่างผู้มีส่วนได้เสียในระหว่างขั้นตอนของการใช้, การสร้างความสัมพันธ์และการดำเนินการจัดการห่วงโซ่อุปทาน ประการที่สามก็น่าจะมีความสำคัญในการศึกษาลงไปในเชิงลึกเพิ่มเติมจุดแข็งและจุดอ่อนของปรัชญาการจัดการเช่นการผลิตแบบลีนและคล่องตัวในการจัดการกระบวนการทางธุรกิจและ Lean Six Sigma ในบริบทของการบริการสุขภาพ หลายปรัชญาเหล่านี้มักจะใช้ร่วมกับการจัดการห่วงโซ่อุปทาน ไม่ค่อยมีใครรู้จัก แต่ปรัชญาเกี่ยวกับวิธีการเหล่านี้จะถูกนำไปใช้โดยผู้ให้บริการด้านการดูแลสุขภาพและสิ่งที่ขอบเขตให้บริการดูแลสุขภาพจะได้ประโยชน์จากการปฏิบัติเหล่านี้ สนามหลักที่สี่ของงานวิจัยที่สามารถเชื่อมโยงกับการจัดการห่วงโซ่อุปทานในการให้บริการด้านสุขภาพที่เกี่ยวข้องกับการวัดประสิทธิภาพและผลที่ได้รับการประสบความสำเร็จโดยองค์กรด้านการดูแลสุขภาพเมื่อการดำเนินการปฏิบัติห่วงโซ่อุปทาน เห็นได้ชัดว่าการวัดประสิทธิภาพในการตั้งค่าการดูแลสุขภาพที่ดูเหมือนว่าจะมีความซับซ้อนมากขึ้นเมื่อเทียบกับ บริษัท อุตสาหกรรมเนื่องจากความซับซ้อนของแนวความคิดเช่น "คุณภาพของการดูแล" และตัวอักษรโดยปริยายแทนการวัดประสิทธิภาพบาง ดูเหมือนว่าจะมีความเห็นเป็นเอกฉันท์ทั่วไปเกี่ยวกับการปฏิบัติจัดการห่วงโซ่อุปทานมูลค่าเพิ่มสามารถมีสำหรับองค์กรด้านการดูแลสุขภาพ ทำให้มูลค่าเพิ่มอย่างชัดเจนมากขึ้นโดยการวัดประสิทธิภาพเช่นเดียวกับเงื่อนไขตามที่มูลค่าเพิ่มนี้โผล่ออกมาโดยไม่ต้องสงสัยเป็นหนึ่งในความท้าทายที่สำคัญการวิจัยเกี่ยวกับการจัดการห่วงโซ่อุปทานในบริบทที่ให้บริการด้านสุขภาพจะหัน สุดท้ายใช้แนวคิดการจัดการห่วงโซ่อุปทานเพื่อกระแสของผู้ป่วยต้องให้ความสนใจเป็นพิเศษกับรายละเอียดของการให้บริการ แยกออกเป็น multiactor กระบวนการส่งมอบซึ่งในผู้ป่วยที่ตัวเองมีส่วนร่วมเป็นทั้งวัตถุและร่วมสร้างในการปฏิสัมพันธ์กับผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพต่างๆ (คู่ลูกค้าผู้จัดจำหน่าย) การจัดการห่วงโซ่อุปทานในการตั้งค่าบริการอยู่ไกลจากที่เรียบง่าย แนวคิดการพัฒนาใหม่ของการจัดการโรคโรคเรื้อรังแสดงให้เห็นว่าห่วงโซ่อุปทานได้รับอีกต่อไปกับการรวมกันของผู้ให้บริการดูแลที่แตกต่างกันในการที่ผู้ป่วยมักจะเป็นตัวเองในการเป็นผู้นำ วิธีนี้มีการโต้ตอบกับและมีผลต่อห่วงโซ่อุปทานแน่นอนเป็นเรื่องที่สำคัญและมีความท้าทายในการวิจัยในอนาคตในการดูแลสุขภาพการจัดการซัพพลายเชน.
สอดคล้องกับข้อสรุปของ Croom et al, (2000) ก็สามารถสรุปได้ว่าต่อไปดังนั้นการศึกษาที่มีความสำคัญ monodisciplinary, โฟกัสสหวิทยาการในการจัดหาการจัดการห่วงโซ่ปัญหาในการให้บริการสุขภาพที่ดูเหมือนว่าจะเป็นสิ่งที่จำเป็น ความซับซ้อนของคำถามเช่นเดียวกับขอบเขตหลายมิติของปัญหาที่ต้องใช้ความรู้จากสาขาวิชาที่แตกต่างกัน หวังว่าเรื่องนี้เป็นพิเศษคือจะเป็นขั้นตอนเล็ก ๆ ที่มีต่อการดึงดูดความเข้าใจอย่างละเอียดมากขึ้นของการจัดการห่วงโซ่อุปทานในการให้บริการด้านการดูแลสุขภาพ

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

5 . สรุปและข้อสรุป
ฉบับพิเศษนี้นำเสนอคอลเลกชันของเอกสารที่สำรวจความซับซ้อนของการจัดการโซ่อุปทานในการบริการสุขภาพ เห็นได้ชัดว่าทำงานวิจัยมากจะต้องทำ ผู้เขียนทั้งหมดในฉบับพิเศษนี้เน้นที่การจัดการห่วงโซ่อุปทานในการตั้งค่าการดูแลสุขภาพมีลักษณะบางคุณลักษณะเฉพาะซึ่งทำให้มันยากที่จะถ่ายทอดความรู้จากภาคอุตสาหกรรมเพื่อการดูแลสุขภาพภาคในทางตรง ในเวลาเดียวกัน อย่างไรก็ตาม สามารถสรุปได้ว่า ไม่มีแนวคิดรูปแบบและแนวทางปฏิบัติที่สามารถขยายห่วงโซ่อุปทานการจัดการห่วงโซ่อุปทานในการบริการสุขภาพและงานวิจัยสนับสนุนสมมติฐานที่ว่าภาคสุขภาพจะได้รับประโยชน์จากบทเรียนที่ได้เรียนรู้ในภาคอุตสาหกรรม โดยเริ่มจากการวิจัยการจำแนก
เมทริกซ์ภาพในรูปที่ 2 หลายๆ ประเด็นที่ต้องศึกษาเพิ่มเติม สามารถ addressed