แนวคิดในการเลือกซื้อเครื่องปั่นผลไม้
สิ่งที่เราควรนำมาเป็นหลักคิดในการเลือกซื้อเครื่องปั่นผลไม้ มีหลักโดยทั่วไปในการเลือกซื้อดังนี้
ลักษณะการใช้งาน: เราต้องรู้ให้แน่ชัดเสียก่อนว่า เราจะเอาเครื่องปั่นไปทำอะไร เช่น ใช้งานในครัวเรือน หรือเอาไปเป็นเครื่องมือค้าขาย ปั่นเครื่องดื่มอย่างเดียวหรือใช้ปั่นอเนกประสงค์ หรือว่าเราต้องใช้ปั่นอย่างอื่นด้วย เช่น อาหาร เครื่องแกง หากปั่นเครื่องดื่มอย่างเดียว ใช้เครื่องแบบ 2 สปีด ก็เพียงพอ เพราะใช้ง่าย จ่ายเงินน้อยกว่า หรือหากเปิดร้านแต่ไม่ได้ยืนขายเอง เปลี่ยนลูกน้องบ่อย ควรใช้แบบโปรแกรมอัตโนมัติ กดปุ่มเดียวเสร็จ ไม่ว่าจะใครปั่นก็ได้เครื่องดื่มคุณภาพเดียวกัน.
แรงม้าและความเร็วรอบของมอเตอร์: ถือได้ว่าเป็นหัวใจของเครื่องปั่นเลยทีเดียว หากไปทำมาค้าขายควรใช้เครื่องที่มีกำลังสูงกว่า 1 แรงม้าขึ้นไป ยิ่งแรงม้าเยอะยิ่งดี เพราะสามารถปั่นบดละเอียดได้อย่างรวดเร็ว เครื่องดื่มจะมีความข้นหนืด ไม่เหลวไม่แยกชั้น ดูดีมีราคากว่าน้ำปั่นทั่วไป ส่วนกำลังวัตต์ที่ระบุอยู่ที่เครื่อง.อย่าเข้าใจผิดว่าเป็นตัวบ่งบอกความแรงของเครื่อง แท้ที่จริงแล้ว หมายถึงอัตราการใช้พลังงานหรือการกินไฟฟ้า ส่วนด้านขาออก หรือผลผลิตที่มอเตอร์จะให้กำลังออกมาจะวัดเป็นหน่วยแรงม้า (HP) ยกตัวอย่างเช่น เครื่องปั่นระดับมืออาชีพราคาแพงๆ ตัวละหลายหมื่นบาท เหมือนที่ร้านกาแฟใหญ่เขาใช้กัน ระบุในป้ายติดเครื่องว่า 850 วัตต์ แต่ให้กำลังสูงถึง 2 แรงม้า หรือระบุว่า 1,500 วัตต์ แต่ให้กำลังสูงถึง 3.5 แรงม้า เป็นต้น ด้วยเทคโนโลยีมอเตอร์ที่พัฒนาขึ้นมาก ทำให้กินไฟน้อยลงแต่ให้แรงม้ามากขึ้น อย่างที่ได้ยกตัวอย่างหลอดประหยัดไฟ ยิ่งวัตต์สูงขึ้นก็กินไฟมากขึ้น เครื่องก็ร้อนเร็ว หากไม่มีระบบระบายความร้อนที่ดีพอ มอเตอร์อาจไหม้ได้ง่าย ยิ่งมอเตอร์ร้อนบ่อยๆ จะทำให้อายุการใช้งานสั้นลง ส่วนเรื่องความเร็วรอบ ยิ่งเร็วยิ่งดี ซึ่งเครื่องระดับมืออาชีพส่วนใหญ่จะมีความเร็วรอบมากกว่า 30,000 รอบ/นาที.
ขนาดของโถปั่นและวัสดุ : โถปั่นแบบรุ่นเก่าๆ มักทำจากแก้ว เพราะราคาถูก แต่ค่อนข้างหนักและแตกง่าย แต่มีข้อดีคือไม่ดูดซับกลิ่นอาหาร ส่วนโถปั่นสมัยใหม่ โดยเฉพาะประเภทมืออาชีพ ล้วนทำจากพลาสติคชนิดโพลีคาร์บอเนต ที่มีความทนทานสูงไม่แตกง่าย ด้วยความเร็วของมอเตอร์ที่สูงมาก หากมีส่วนผสมที่เป็นของแข็งมาก ถ้าเป็นโถแก้วอาจแตกได้ อย่างไรก็ตาม โถพลาสติคโพลีคาร์บอเนตบางเกรด อาจมีสารปนเปื้อนที่เรียกว่า ไบฟีนอล เอ ซึ่งเป็นสารก่อมะเร็ง ซึ่งเคยพบในอาหารที่ผ่านการปรุงด้วยไมโครเวฟในภาชนะพลาสติคเป็นเวลานาน ดังนั้น ควรเลือกใช้ยี่ห้อที่ผ่านการรับรองความปลอดภัยจากสารปนเปื้อนจะดีที่สุด หากใช้โถปั่นโพลีคาร์บอเนตควรแยกโถปั่นระหว่างเครื่องดื่มกับอาหารที่มีกลิ่นแรง เช่น เครื่องเทศ เครื่องแกง เพราะกลิ่นจะติดโถได้ง่าย.
ในการปั่นแต่ละครั้ง ควรใส่ส่วนผสมไม่เกิน 1/2 ของความจุโถปั่น ยิ่งเครื่องมีกำลังต่ำๆ ยิ่งต้องใส่ส่วนผสมให้น้อยลงไปอีก มิฉะนั้น จะไม่มีแรงดูดเข้าหาใบมีด เครื่องปั่นระดับมืออาชีพมักมีความจุ ประมาณ 1.5-2 ลิตร สามารถปั่นได้ครั้งละ 1 ลิตร หรือ 1 กิโลกรัม ส่วนเครื่องปั่นแบบไลต์ดิวตี้มักมีความจุไม่เกิน 1 ลิตร หรือ 32 ออนซ์.
ความน่าเชื่อถือของผู้ขายและการบริการหลังการขาย: เพราะว่าเครื่องปั่นไม่ว่าจะยี่ห้อไหน แพงแค่ไหน มีโอกาสชำรุดได้ตลอด ด้วยการหมุนที่ความเร็วรอบสูง หรือเกิดจากความพลั้งเผลอของผู้ใช้งาน เช่น ลืมช้อนเหล็กในโถ ทำให้ต้องปั่นเหล็กไปด้วย หรือมีน้ำเข้าเครื่อง เป็นต้น ดังนั้น การบริการหลังการขายต้องมีความเชื่อถือได้ ขายแล้วไม่ทอดทิ้งกัน.
อย่างไรก็ตาม ในที่สุดแล้วราคาของเครื่องก็เป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุด แต่ไม่จำเป็นต้องราคาต่ำที่สุด แต่ต้องมีความเหมาะสมคุ้มค่าเงิน และเหมาะสมกับการใช้งาน มีความทนทานและมีการรับประกันสินค้าบริการหลังการขายที่น่าเชื่อถือ ประหยัดพลังงาน ราคาไม่จำเป็นต้องแพงเป็นหลักหมื่นหลักแสน ก็สามารถหาเครื่องปั่นดีๆ ได้.
และถ้าคุณต้องการเครื่องปั่นผลไม้ที่ดี มีคุณภาพ ตลอดจนอุปกรณ์เกี่ยวกับเครื่องปั่น เราขอแนะนำ...