A brief summary of major studies is

A brief summary of major studies is as follows:
Published in 2003 in the European Journal of Cancer Prevention, interviewed 437 women with breast cancer about their past and present use of deodorants. The study reported that women who applied deodorant at least twice a week and shaved their armpits at least three times a week developed breast cancer almost 15 years younger than women who did neither. Neither shaving nor applying a deodorant alone was linked with a younger age of diagnosis of the disease. The study’s methodology has been criticized by industry researchers as it did not interview non-breast cancer deodorant users or account for the age of the women being interviewed.

The World Health Organization has linked exposure to aluminum to Alzheimer’s disease, with higher frequencies of deodorant use corresponding to higher risks of developing Alzheimer’s. Abnormal accumulation of aluminum has been found in the brains of people with Alzheimer’s disease, and when aluminum is injected into the brains of laboratory animals, the animals develop a neurological disease similar to Alzheimer’s.

Another study published in 2004 in the Journal of Applied Toxicology, looked at the synthetic chemicals, parabens. The researchers looked at 20 human breast tumor samples and found that parabens were present in 18 of them. They concluded that these results suggested that parabens in deodorants could be absorbed through the skin and increase the risk of breast cancer. Again, many experts have raised concerns about the conclusions of this study. For example, the study was very small, it did not look at the level of parabens in breast tissue of women without breast cancer, nor did it establish that the parabens actually came from deodorants or that they were absorbed through the armpits.

At the moment, all the study has shown is that the body can absorb parabens and that these chemicals are found in some breast cancer tissue. It does not show that parabens can increase the risk of or cause breast cancer.
The main conflicting research results from a epidemiologic study published in 2002 that compared 813 women with breast cancer and 793 women without the disease. The researchers found no link between breast cancer risk and antiperspirant use, deodorant use, or underarm shaving

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ผู้เรียนสรุปโดยย่อเป็นดังนี้:ประกาศสัมภาษณ์ผู้หญิง 437 กับมะเร็งเต้านมเกี่ยวกับอดีต และปัจจุบันใช้ deodorants ในปี 2003 ในการยุโรปสมุดของป้องกันโรคมะเร็ง การศึกษารายงานว่า ผู้หญิงที่ใช้ยาดับกลิ่นน้อยสองสัปดาห์ และ shaved armpits ของ น้อยสามครั้งต่อสัปดาห์พัฒนามะเร็งเต้านมเกือบ 15 ปีที่อายุน้อยกว่าผู้หญิงที่ไม่ใช่ ไม่โกนหรือใช้ยาดับกลิ่นตัวคนเดียวเชื่อมโยงกับอายุน้อยของการวินิจฉัยโรค การศึกษาวิธีการวิพากษ์วิจารณ์ โดยนักวิจัยอุตสาหกรรมก็ไม่ได้สัมภาษณ์ผู้ใช้ระงับกลิ่นกายเต้านมไม่ใช่มะเร็ง หรือบัญชีสำหรับอายุของผู้หญิงที่ถูกสัมภาษณ์องค์การอนามัยโลกได้เชื่อมโยงสัมผัสกับอลูมิเนียมกับโรคอัลไซเมอร์ ความถี่สูงของดิออใช้ที่สอดคล้องกับความเสี่ยงของการพัฒนาของไซเมอร์ ผิดปกติสะสมมิเนียมพบในสมองของคนที่มีโรคอัลไซเมอร์ และเมื่ออลูมิเนียมถูกฉีดเข้าไปในสมองของห้องปฏิบัติการสัตว์ สัตว์พัฒนาโรคระบบประสาทคล้ายกับของเสื่อมอีกการศึกษาเผยแพร่ในปี 2004 ในการสมุดรายวันของใช้พิษวิทยา ดูที่สารเคมีสังเคราะห์ parabens นักวิจัยมองดูที่ตัวอย่างเนื้องอกเต้านมมนุษย์ 20 และพบว่า parabens มีใน 18 คน พวกเขาสรุปว่า ผลเหล่านี้แนะนำว่า parabens ใน deodorants สามารถถูกดูดซึมผ่านผิวหนัง และเพิ่มความเสี่ยงของมะเร็งเต้านม อีกครั้ง ผู้เชี่ยวชาญจำนวนมากได้ยกความกังวลเกี่ยวกับบทสรุปของการศึกษานี้ ตัวอย่าง ศึกษาเล็กมาก มันไม่ได้ดูที่ระดับ parabens ในเนื้อเยื่อเต้านมของผู้หญิงโดยไม่มีมะเร็งเต้านม หรือไม่ก็สร้างว่า parabens ที่จริงมาจาก deodorants หรือว่า พวกดูดซึมผ่าน armpitsในขณะนี้ ทุกการศึกษาได้แสดงให้เห็นได้ว่า ร่างกายสามารถดูดซับ parabens และที่สารเคมีเหล่านี้จะพบในเนื้อเยื่อมะเร็งเต้านมบาง มันไม่แสดงว่า parabens สามารถเพิ่มความเสี่ยง หรือทำให้เกิดมะเร็งเต้านมการวิจัยความขัดแย้งหลักผลลัพธ์จากการศึกษา epidemiologic ที่เผยแพร่ในปี 2002 ที่เปรียบเทียบผู้หญิง 813 กับมะเร็งเต้านมและหญิง 793 โดยโรค นักวิจัยพบการเชื่อมโยงระหว่างมะเร็ง และใช้ antiperspirant ใช้ระงับกลิ่นกาย หรือโกนเหงื่อใต้วงแขน

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

สรุปสั้น ๆ ของการศึกษาที่สำคัญดังต่อไปนี้
ตีพิมพ์ในปี 2003 ในวารสารยุโรปป้องกันมะเร็งสัมภาษณ์ 437 ผู้หญิงที่เป็นมะเร็งเต้านมที่เกี่ยวกับการใช้ในอดีตและปัจจุบันของพวกเขาระงับกลิ่นกาย การศึกษารายงานว่าผู้หญิงที่ใช้ระงับกลิ่นกายอย่างน้อยสัปดาห์ละสองครั้งและโกนรักแร้ของพวกเขาอย่างน้อยสามครั้งต่อสัปดาห์พัฒนามะเร็งเต้านมเกือบ 15 ปีที่อายุน้อยกว่าผู้หญิงที่ไม่ไม่ ทั้งโกนหนวดหรือใช้ระงับกลิ่นกายเพียงอย่างเดียวได้รับการเชื่อมโยงกับอายุของการวินิจฉัยของโรค วิธีการศึกษาที่ได้รับการวิพากษ์วิจารณ์จากนักวิจัยอุตสาหกรรมในขณะที่มันไม่ได้สัมภาษณ์มะเร็งที่ไม่ใช่เต้านมผู้ใช้ระงับกลิ่นกายหรือบัญชีสำหรับอายุของผู้หญิงที่ถูกสัมภาษณ์. องค์การอนามัยโลกมีการเชื่อมโยงการสัมผัสกับอลูมิเนียมที่จะเกิดโรคอัลไซเมที่มีความถี่สูงในการใช้ระงับกลิ่นกาย ที่สอดคล้องกับความเสี่ยงสูงในการพัฒนาอัลไซเม การสะสมที่ผิดปกติของอลูมิเนียมได้รับการพบในสมองของคนที่เป็นโรคอัลไซเมและเมื่ออลูมิเนียมถูกฉีดเข้าไปในสมองของสัตว์ทดลองสัตว์ที่พัฒนาเป็นโรคทางระบบประสาทคล้ายกับ. อัลไซเมศึกษาอื่นที่ตีพิมพ์ในปี 2004 ในวารสาร Journal of Applied พิษวิทยา มองไปที่สารเคมีสังเคราะห์, พาราเบน นักวิจัยมองที่ 20 ตัวอย่างเนื้องอกเต้านมของมนุษย์และพบว่า parabens มีอยู่ใน 18 ของพวกเขา พวกเขาสรุปว่าผลลัพธ์เหล่านี้ชี้ให้เห็นว่าในพาราเบน deodorants สามารถถูกดูดซึมผ่านผิวและเพิ่มความเสี่ยงของโรคมะเร็งเต้านม อีกครั้งที่ผู้เชี่ยวชาญหลายคนได้ยกความกังวลเกี่ยวกับข้อสรุปของการศึกษาครั้งนี้ ยกตัวอย่างเช่นการศึกษามีขนาดเล็กมากก็ไม่ได้ดูที่ระดับของพาราเบนในเนื้อเยื่อเต้านมของผู้หญิงที่เป็นมะเร็งเต้านมโดยไม่ต้อง, หรือไม่ก็สร้างที่พาราเบนจริงมาจากการดับกลิ่นหรือว่าพวกเขาถูกดูดซึมผ่านรักแร้. ในขณะที่ ทั้งหมดการศึกษาได้แสดงให้เห็นว่าร่างกายสามารถดูดซึมและพาราเบนสารเคมีเหล่านี้จะพบในเนื้อเยื่อมะเร็งเต้านมบางส่วน มันไม่ได้แสดงให้เห็นว่า parabens สามารถเพิ่มความเสี่ยงของหรือก่อให้เกิดโรคมะเร็งเต้านม. ผลการวิจัยที่ขัดแย้งหลักจากการศึกษาทางระบาดวิทยาที่ตีพิมพ์ในปี 2002 ว่าเมื่อเทียบ 813 ผู้หญิงที่เป็นมะเร็งเต้านมและ 793 ผู้หญิงที่ไม่มีโรค นักวิจัยพบการเชื่อมโยงระหว่างความเสี่ยงมะเร็งเต้านมและการใช้เหงื่อใช้ระงับกลิ่นกายใต้วงแขนหรือโกนหนวด

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

สรุปสั้น ๆของการศึกษาที่สำคัญมีดังนี้ :
ตีพิมพ์ในปี 2003 ในยุโรปวารสารมะเร็งป้องกันสัมภาษณ์ผู้หญิงเราเป็นมะเร็งเต้านมเกี่ยวกับอดีตและปัจจุบันใช้ deodorants .ผลการศึกษาพบว่าผู้หญิงที่ใช้โรลออนอย่างน้อยอาทิตย์ละ 2 ครั้ง และโกนรักแร้ของพวกเขาอย่างน้อยสามครั้งต่อสัปดาห์พัฒนาเป็นมะเร็งเต้านมน้อยกว่าผู้หญิงที่หาได้เกือบ 15 ปี ทั้งโกนหรือใช้โรลออนคนเดียว เชื่อมโยงกับอายุวัยของการวินิจฉัยของโรควิธีการของการศึกษาได้รับการวิพากษ์วิจารณ์โดยนักวิจัยอุตสาหกรรมเป็นมันไม่ได้สัมภาษณ์ไม่ใช่มะเร็งเต้านมยาดับกลิ่นผู้ใช้หรือบัญชีสำหรับอายุของผู้หญิงที่ถูกสัมภาษณ์

องค์การอนามัยโลกได้เชื่อมโยงแสงอลูมิเนียมโรค ที่มีความถี่สูง ใช้ดับกลิ่นที่สอดคล้องกับความเสี่ยงที่สูงขึ้นของการพัฒนา อัลไซเมอร์การสะสมผิดปกติของอลูมิเนียมถูกพบในสมองของผู้ที่มีโรคและเมื่ออลูมิเนียมฉีดเข้าสู่สมองของสัตว์ทดลอง สัตว์ พัฒนาสมอง อัลไซเมอร์ โรคที่คล้ายกัน

ศึกษาอื่นที่เผยแพร่ในปี 2004 ในวารสารวิทยาประยุกต์ มองดูสังเคราะห์สารเคมี , parabens .นักวิจัยมองตัวอย่างเนื้องอกเต้านม 20 มนุษย์และพบว่า parabens อยู่ที่ 18 ของพวกเขา พวกเขาได้ข้อสรุปว่าผลลัพธ์เหล่านี้ชี้ให้เห็นว่า parabens ใน deodorants สามารถถูกดูดซึมผ่านผิวหนังและเพิ่มความเสี่ยงของมะเร็งเต้านม อีกครั้ง , ผู้เชี่ยวชาญหลายคนมีความกังวลเกี่ยวกับข้อสรุปของการศึกษานี้ ตัวอย่างเช่นการศึกษามีขนาดเล็กมากมันไม่ได้ดูที่ระดับของ parabens ในเนื้อเยื่อเต้านมของผู้หญิงโดยไม่ต้องเป็นมะเร็งเต้านม หรือมันสร้างว่า parabens ที่จริงมาจาก deodorants หรือว่าพวกเขาถูกดูดซึมผ่านรักแร้ .

ตอนนี้ทั้งหมด , การศึกษาได้แสดงว่าร่างกายสามารถดูดซึม parabens และสารเคมีเหล่านี้จะพบในเนื้อเยื่อ มะเร็งเต้านมบาง .มันไม่โชว์ว่า parabens สามารถเพิ่มความเสี่ยงของโรคมะเร็งเต้านมหรือสาเหตุหลัก .
ขัดแย้งกัน ผลการศึกษาจากผลการศึกษาที่ตีพิมพ์ในปี 2002 ที่เปรียบเทียบผู้หญิงกับมะเร็งเต้านม และผู้หญิง แต่ท่านไม่มีโรค นักวิจัยพบว่าไม่มีการเชื่อมโยงระหว่างความเสี่ยงมะเร็งเต้านมและใช้ระงับเหงื่อยาดับกลิ่นรักแร้โกนหรือใช้