Case studies can be classified as d

Case studies can be classified as designed cases or naturalistic cases, depending on whether
the situation under investigation is manipulated in any way by the researcher. Formative
research is a designed case if the researcher instantiates the theory (or model) and then
formatively evaluates the instantiation. Alternatively, it is a naturalistic case if the researcher
(a) picks an instance (or case) that was not specifically designed according to the theory but
serves the same goals and contexts as the theory, (b) analyzes the instance to see in what ways it
is consistent with the theory, what guidelines it fails to implement, and what valuable elements it
has that are not present in the theory, and (c) formatively evaluates that instance to identify how
each consistent element might be improved, whether each absent element might represent an
improvement in the instance, and whether removing the elements unique to the instance might
be detrimental. Furthermore, for naturalistic cases, the methodology varies depending on
whether the observation is done during or after the practical application. This makes three major
types of formative research studies:
• designed cases, in which the theory is intentionally instantiated (usually by the
researcher for the research,
• in vivo naturalistic cases, in which the formative evaluation of the instantiation is done
during its application, and
• post facto naturalistic cases, in which the formative evaluation of the instantiation is done after its application.
And within each of these three types, the methodology also varies depending on whether the
study is intended to develop a new design theory (one which does not yet exist) or to improve an
existing theory. Table 1 shows these variations.
Designed Case To Improve an Existing Theory
While there is often much variation from one such case study to another, the following is a
fairly typical process for conducting this type of formative research study.
1. Select a design theory. You begin by selecting an existing design theory (or model)
that you want to improve.2. Design an instance of the theory. Then you select a situation that fits within the
general class of situations to which that design theory (or model) applies, and you design a
specific application of the design theory (called a "design instance") . This instance may be a
product or a process, or most likely both. It is important that the design instance be as pure an
instance of the design theory as possible, avoiding both of the two types of weaknesses
(omission: not faithfully including an element of the theory; and commission: including an
element that is not called for by the theory). This is an issue of construct validity, and its
counterpart in experimental design is ensuring that each of the treatments is a faithful
representation of its corresponding independent-variable concept.
The design of the instance can be done either by the researcher (as participant) or by an
expert in the theory (with the researcher as observer), preferably with the help of a subjectmatter
expert (usually the teacher for the course used in the instance). In either event, it is wise
to get one or more additional experts in the theory to review the instance and ensure that it is a
faithful instance of the theory. If you find yourself or the expert in the theory having to make
decisions about which the theory offers no guidance, make special note of all such occurrences,as areas of guidance that should be added to the design theory later. It is also wise to get one, or
preferably several, additional subject-matter experts to review the instance for content accuracy.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

กรณีศึกษาสามารถแบ่งได้เป็นแบบกรณีหรือกรณีที่เป็นธรรมชาติหรือในเชิง ขึ้นอยู่กับว่าสถานการณ์ภายใต้การสอบสวนเป็นจัดการในทางใด โดยนักวิจัย ก่อสร้างวิจัยเป็นกรณีที่ออกถ้านักวิจัย instantiates ทฤษฎี (หรือรุ่น) แล้วformatively ประเมิน instantiation การ อีกวิธีหนึ่งคือ มันเป็นเป็นธรรมชาติหรือในเชิงกรณีถ้านักวิจัย(ก) รับของอินสแตนซ์ (หรือกรณี) ที่แก้ไขไม่ได้ออกแบบตามทฤษฎี แต่เป็นเป้าหมายและบริบทเดียวกันทฤษฎี, (ข) วิเคราะห์อินสแตนซ์ที่จะดูด้วยวิธีใดสอดคล้องกับทฤษฎี แนวมันไม่สามารถใช้ และองค์ประกอบสิ่งมีคุณค่ามันมีที่ไม่มีอยู่ในทฤษฎี และ (c) formatively ประเมินอินสแตนซ์ที่ระบุว่าแต่ละองค์ประกอบที่สอดคล้องกันอาจจะดีขึ้น ว่าขาดองค์ประกอบแต่ละอาจแสดงถึงการการปรับปรุงในอินสแตนซ์ และว่าเอาองค์ประกอบเฉพาะกับอินสแตนซ์อาจเป็นอันตรายต่อ นอกจากนี้ สำหรับกรณีที่เป็นธรรมชาติหรือในเชิง วิธีการแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับไม่ว่าจะทำการสังเกตระหว่าง หรือหลัง จากโปรแกรมการปฏิบัติ ทำให้สามหลักประเภทของการศึกษาวิจัยก่อสร้าง:•ออกแบบกรณี ซึ่งทฤษฎีมีเจตนาที่จะสร้างอินสแตนซ์ (มักจะโดยการวิจัย นักวิจัย•ในกรณีที่เป็นธรรมชาติหรือในเชิง vivo ที่ทำการประเมิน instantiation การก่อสร้างในระหว่างการใช้งาน และ•โพสต์ดีแฟ็คโตเป็นธรรมชาติหรือในเชิงกรณี การประเมิน instantiation การก่อสร้างจะทำหลังจากการประยุกต์ใช้และภายในแต่ละเหล่านี้สามชนิด วิธีการยังแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับว่าการการศึกษามีวัตถุประสงค์ใน การพัฒนาทฤษฎีการออกแบบใหม่ (หนึ่งซึ่งยังมีอยู่) หรือ เพื่อปรับปรุงการทฤษฎีที่มีอยู่ ตารางที่ 1 แสดงการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้กรณีปรับปรุงเป็นทฤษฎีที่มีอยู่ในการออกแบบในขณะที่มักจะมีการเปลี่ยนแปลงมากจากกรณีศึกษาดังกล่าวไปยังอีก ต่อไปนี้เป็นการกระบวนการที่ค่อนข้างทั่วไปสำหรับดำเนินการศึกษาวิจัยก่อสร้างชนิดนี้1. เลือกทฤษฎีการออกแบบ คุณเริ่มต้น โดยการเลือกทฤษฎีที่มีอยู่ในการออกแบบ (หรือรูปแบบ)ว่า ต้องการ improve.2 อินสแตนซ์ของทฤษฎีการออกแบบ จาก นั้นคุณเลือกสถานการณ์ที่เหมาะสมกับการเกี่ยวข้องในระดับทั่วไปของสถานการณ์ที่ซึ่งการออกแบบทฤษฎี (หรือรูปแบบ) และออกแบบการโปรแกรมประยุกต์ที่เฉพาะของทฤษฎีการออกแบบ (เรียกว่าเป็น "แบบอินสแตนซ์") กรณีนี้อาจจะเป็นผลิตภัณฑ์หรือกระบวนการ หรือมากที่สุดทั้งนี้ มันเป็นสิ่งสำคัญที่จะมีอินสแตนซ์ของการออกแบบที่บริสุทธิ์อินสแตนซ์ของทฤษฎีการออกแบบเป็นไปได้ หลีกเลี่ยงทั้งสองชนิดของจุดอ่อน(งด: ไม่สมจริงรวมถึงองค์ประกอบของทฤษฎี และคอมมิชชั่น: รวมทั้งการองค์ประกอบที่ไม่เรียกว่าสำหรับทฤษฎี) นี่เป็นประเด็นมีผลบังคับใช้โครงสร้าง และคู่สัญญาในการออกแบบการทดลองเป็นคุณค่าให้แต่ละบริการซื่อสัตย์เป็นตัวแทนของแนวคิดตัวแปรอิสระที่สอดคล้องกันการออกแบบของอินสแตนซ์สามารถทำได้ โดยนักวิจัย (เป็นคน) หรือโดยการผู้เชี่ยวชาญในทฤษฎี (กับนักวิจัยเป็นผู้สังเกตการณ์), ด้วยความช่วยเหลือของ subjectmatter ควรผู้เชี่ยวชาญ (โดยปกติครูสำหรับหลักสูตรที่ใช้ในอินสแตนซ์) ในกรณีอย่างใดอย่างหนึ่ง ก็ควรจะได้รับอย่าง น้อยหนึ่งรายการเพิ่มเติมผู้เชี่ยวชาญในทฤษฎีอินสแตนซ์ และให้แน่ใจว่า มันเป็นอินสแตนซ์ที่ซื่อสัตย์ของทฤษฎี หากคุณพบตัวเองหรือผู้เชี่ยวชาญในทฤษฎีการทำให้การตัดสินใจเกี่ยวกับการที่ทฤษฎีมีไม่มีคำแนะนำ ทำหมายเหตุของเหตุการณ์ทั้งหมดดังกล่าว เป็นพื้นที่ของคำแนะนำที่ควรจะเพิ่มการออกแบบทฤษฎีในภายหลัง ก็ยังควรที่จะได้รับหนึ่ง หรือโดยเฉพาะอย่างยิ่งหลาย เพิ่มเติมผู้เชี่ยวชาญเพื่อตรวจสอบอินสแตนซ์สำหรับเนื้อหาความถูกต้อง

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

กรณีศึกษาสามารถจัดเป็นกรณีที่ได้รับการออกแบบหรือกรณีที่เป็นธรรมชาติขึ้นอยู่กับว่า
สถานการณ์ภายใต้การตรวจสอบข้อเท็จจริงที่มีการจัดการในทางใดทางหนึ่งโดยผู้วิจัย Formative
วิจัยเป็นกรณีที่ได้รับการออกแบบถ้านักวิจัย instantiates ทฤษฎี (หรือรุ่น) แล้ว
formatively ประเมิน instantiation ผลัดกันมันเป็นกรณียึดถ้านักวิจัย
(ก) หยิบอินสแตนซ์ (หรือกรณี) ที่ไม่ได้ออกแบบมาโดยเฉพาะตามทฤษฎี แต่
ทำหน้าที่เป้าหมายเดียวกันและบริบทเป็นทฤษฎี (ข) การวิเคราะห์ตัวอย่างที่จะเห็นในสิ่งที่ วิธีก็
มีความสอดคล้องกับทฤษฎีสิ่งแนวทางมันล้มเหลวในการดำเนินการและสิ่งที่องค์ประกอบที่มีคุณค่ามัน
มีที่ไม่ได้อยู่ในทฤษฎี
และ (ค) formatively ประเมินว่าตัวอย่างเช่นในการระบุวิธีการที่ แต่ละองค์ประกอบที่สอดคล้องกันอาจจะมีการปรับตัวดีขึ้นไม่ว่าจะเป็นแต่ละองค์ประกอบขาดอาจเป็นตัวแทนของ
การปรับปรุงในอินสแตนซ์และไม่ว่าการลบองค์ประกอบที่ไม่ซ้ำกันเช่นอาจ
จะเป็นอันตราย นอกจากนี้สำหรับกรณียึดวิธีการที่แตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับ
ว่าการสังเกตจะกระทำในระหว่างหรือหลังจากการประยุกต์ใช้ในทางปฏิบัติ นี้จะทำให้หลักสาม
ประเภทของการศึกษาวิจัยการก่อสร้าง:
•กรณีที่ได้รับการออกแบบซึ่งในทางทฤษฎีจะ instantiated จงใจ (ปกติโดย
นักวิจัยสำหรับการวิจัย
•ในร่างกายกรณีธรรมชาติซึ่งในการประเมินผลการก่อสร้างของ instantiation จะทำ
ในช่วงการประยุกต์ใช้ และ
•โพสต์พฤตินัยกรณียึด ซึ่งในการประเมินผลของการเริ่มจะทำหลังจากการประยุกต์ใช้
และภายในแต่ละเหล่านี้สามประเภทวิธีการที่ยังแตกต่างกันขึ้นอยู่กับว่า
การศึกษามีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาทฤษฎีการออกแบบใหม่ (ซึ่งยังไม่มี) หรือปรับปรุง
ทฤษฎีที่มีอยู่ ตารางที่ 1 แสดงให้เห็นรูปแบบเหล่านี้
ได้รับการออกแบบกรณีการปรับปรุงทฤษฎีที่มีอยู่
ในขณะที่มีการเปลี่ยนแปลงบ่อยมากจากกรณีศึกษาดังกล่าวไปยังอีกต่อไปนี้เป็น
กระบวนการที่ค่อนข้างปกติสำหรับการดำเนินการประเภทของการศึกษาวิจัยการก่อสร้างนี้
1. เลือกทฤษฎีการออกแบบ คุณจะเริ่มต้นด้วยการเลือกทฤษฎีการออกแบบที่มีอยู่ (หรือรุ่น)
ที่คุณต้องการ improve.2 ออกแบบตัวอย่างของทฤษฎีที่
แล้วคุณเลือกที่เหมาะกับสถานการณ์ภายในที่ ระดับทั่วไปของสถานการณ์ที่ว่าทฤษฎีการออกแบบ (หรือรุ่น) มีผลบังคับใช้และคุณออกแบบ
แอพลิเคชันที่เฉพาะเจาะจงของทฤษฎีการออกแบบ (เรียกว่าเป็น "ตัวอย่างเช่นการออกแบบ") กรณีนี้อาจจะเป็น
ผลิตภัณฑ์หรือกระบวนการหรือมีแนวโน้มมากที่สุดทั้ง มันเป็นสิ่งสำคัญที่เช่นการออกแบบเป็นที่บริสุทธิ์
ตัวอย่างของทฤษฎีการออกแบบที่เป็นไปได้หลีกเลี่ยงทั้งสองของทั้งสองประเภทของจุดอ่อน
(ละเลย: ไม่นับถือรวมทั้งองค์ประกอบของทฤษฎีที่และสำนักงานคณะกรรมการกำกับ: รวมทั้ง
องค์ประกอบที่ไม่ได้เรียกร้องให้ โดยทฤษฎี) นี้เป็นเรื่องของการสร้างความถูกต้อง
และ คู่ในการออกแบบการทดลองจะมั่นใจว่าแต่ละของการรักษาคือการซื่อสัตย์
เป็นตัวแทนของแนวคิดอิสระตัวแปรที่สอดคล้องกัน
การออกแบบของอินสแตนซ์ที่สามารถทำได้ทั้งโดยการวิจัย (ในฐานะผู้เข้าร่วม) หรือเป็นการ
ผู้เชี่ยวชาญในทฤษฎี (กับนักวิจัยเป็นผู้สังเกต) โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้วยความช่วยเหลือของ subjectmatter ที่
ผู้เชี่ยวชาญ (โดยปกติครูสำหรับหลักสูตรที่ใช้ในอินสแตนซ์ ) ในกรณีอย่างใดอย่างหนึ่งก็ควร
ที่จะได้รับเพิ่มเติมอย่างน้อยหนึ่งในทฤษฎีผู้เชี่ยวชาญในการตรวจสอบตัวอย่างและให้แน่ใจว่ามันเป็น
ตัวอย่างที่ซื่อสัตย์ของทฤษฎี หากคุณพบว่าตัวเองหรือผู้เชี่ยวชาญในทางทฤษฎีมีที่จะทำให้
การตัดสินใจเกี่ยวกับการที่ทฤษฎีที่มีคำแนะนำไม่ให้ทราบพิเศษเกิดขึ้นดังกล่าวทั้งหมด เป็นพื้นที่ของการให้คำแนะนำว่าควรจะเพิ่มทฤษฎีการออกแบบในภายหลัง
นอกจากนี้ยังฉลาดที่จะได้รับอย่างใดอย่างหนึ่งหรือ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลายผู้เชี่ยวชาญเรื่องของเพิ่มเติมในการตรวจสอบเช่นเพื่อความถูกต้องของเนื้อหา

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

กรณีศึกษาที่สามารถจัดเป็นแบบรายกรณีด ขึ้นอยู่กับว่าสถานการณ์ภายใต้การสอบสวนถูกควบคุมในทางใด โดยผู้วิจัย ย่อยการวิจัย คือ แบบกรณี ผู้วิจัย instantiates ทฤษฎี ( หรือรุ่น ) แล้วformatively ประเมิน instantiation . อีกวิธีหนึ่งคือ มันเป็นกรณีด ถ้าผู้วิจัย( ก ) เลือกอินสแตนซ์ ( หรือผู้ป่วย ) ที่ไม่ได้ออกแบบมาเฉพาะตามทฤษฎี แต่บริการเดียวกันเป้าหมายและบริบทที่เป็นทฤษฎี ( 2 ) วิเคราะห์ตัวอย่างที่จะเห็นในสิ่งที่วิธีมันสอดคล้องกับทฤษฎี แนวทางอะไรมันล้มเหลวที่จะใช้และสิ่งที่มีค่าองค์ประกอบมันมันไม่ได้อยู่ในทฤษฎี และ ( c ) formatively อินสแตนซ์เพื่อระบุวิธีการประเมินว่าแต่ละองค์ประกอบที่สอดคล้องกันอาจจะดีขึ้น ไม่ว่าแต่ละขาดองค์ประกอบอาจเป็นตัวแทนการปรับปรุงในอินสแตนซ์ และไม่ว่าการเอาองค์ประกอบเฉพาะในอินสแตนซ์ อาจจะเกิดอันตราย นอกจากนี้ สำหรับกรณีด วิธีการศึกษาจะแตกต่างกันขึ้นอยู่กับไม่ว่าการทำในระหว่างหรือหลังจากการประยุกต์ใช้ในทางปฏิบัติ นี้ทำให้สามหลักประเภทของการศึกษาวิจัยย่อย :บริการออกแบบกรณี ซึ่งในทฤษฎีนี้ตั้งใจ instantiated ( มักจะโดยนักวิจัย การวิจัย- โดยในสภาพธรรมชาติ กรณี ซึ่งในการประเมินความก้าวหน้าของการสร้างกรณีตัวอย่าง เสร็จในช่วงของโปรแกรมประยุกต์และ- กรณีโพสต์ facto ด ซึ่งในการประเมินผลความก้าวหน้าของ instantiation เสร็จหลังจากโปรแกรมประยุกต์ของและในแต่ละเหล่านี้สามชนิด และยังขึ้นอยู่กับว่าการศึกษามีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาทฤษฎีการออกแบบใหม่ ( ที่ยังไม่มี ) หรือเพื่อปรับปรุงเป็นทฤษฎีที่มีอยู่ ตารางที่ 1 แสดงการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ที่ออกแบบมาเฉพาะเพื่อปรับปรุงทฤษฎีที่มีอยู่ในขณะที่มักจะมีการเปลี่ยนแปลงมากจากกรณีอื่น เช่น ดังต่อไปนี้ คือกระบวนการโดยทั่วไปค่อนข้างสําหรับการทําวิจัยย่อยชนิดนี้1 . เลือก การออกแบบ ทฤษฎี คุณเริ่มโดยการเลือกทฤษฎีการออกแบบที่มีอยู่ ( หรือรุ่น )ที่คุณต้องการปรับปรุง 2 . ออกแบบตัวอย่างของทฤษฎี แล้วคุณเลือกสถานการณ์ที่เหมาะกับภายในทั่วไประดับของสถานการณ์ที่ว่าทฤษฎีการออกแบบ ( หรือรุ่น ) ใช้ และคุณได้รับโปรแกรมเฉพาะของทฤษฎีการออกแบบ ( เรียกว่า " การออกแบบตัวอย่าง " ) ตัวอย่างนี้อาจเป็นผลิตภัณฑ์หรือกระบวนการหรือมากที่สุดทั้ง มันเป็นสิ่งสำคัญที่อินสแตนซ์ออกแบบเป็นบริสุทธิ์เป็นตัวอย่างของทฤษฎีการออกแบบเป็นไปได้ หลีกเลี่ยงการทั้งสองประเภทของจุดอ่อน( การละเว้นไม่นับถือ รวมถึงองค์ประกอบของทฤษฎี และคณะกรรมการ : รวมทั้งองค์ประกอบที่ไม่เรียกตามทฤษฎี ) นี้เป็นปัญหา สร้างความถูกต้อง และของคู่ในการออกแบบการทดลองคือมั่นใจว่า แต่ละ การรักษา คือ ซื่อสัตย์การเป็นตัวแทนของแนวคิดของตัวแปรที่เป็นอิสระการออกแบบของอินสแตนซ์สามารถทำได้ทั้งโดยนักวิจัย ( อย่างมีส่วนร่วม ) หรือโดยผู้เชี่ยวชาญด้านทฤษฎี ( กับผู้วิจัยในฐานะผู้สังเกตการณ์ ) ด้วยความช่วยเหลือของ subjectmatterผู้เชี่ยวชาญ ( มักจะเป็นครูสำหรับหลักสูตรที่ใช้ในตัวอย่าง ) ในเหตุการณ์ มันคือปัญญาจะได้รับหนึ่งหรือมากกว่าผู้เชี่ยวชาญเพิ่มเติมในทฤษฎีการตรวจสอบตัวอย่างและให้แน่ใจว่ามันเป็นซื่อสัตย์ ตัวอย่างของทฤษฎี ถ้าคุณค้นหาด้วยตัวคุณเอง หรือผู้เชี่ยวชาญในด้านทฤษฎี ที่ต้องทำให้การตัดสินใจเกี่ยวกับทฤษฎี มีคำแนะนำ ให้หมายเหตุพิเศษเหตุการณ์ดังกล่าวทั้งหมด ขณะที่พื้นที่ของการแนะแนวว่า ควรเพิ่มทฤษฎีการออกแบบในภายหลัง นอกจากนี้ยังฉลาดที่จะได้รับหนึ่งกุญแจหลาย ผู้เชี่ยวชาญการตรวจสอบตัวอย่างสำหรับเนื้อหาเพิ่มเติมเพื่อความถูกต้อง