คุณอิทธิพัทธ์ กุลพงษ์วณิชย์บอกว่าเขาเป็นคนแปลกตั้งแต่เด็ก มีโลกของตัวเอง ตั้งแต่จำความได้ ชอบอยู่คนเดียว สังคมน้อย เกิดจากความที่ไม่มีเพื่อนในละแวกบ้าน และพี่น้องมีอายุห่างกับเขา เขามีโลกส่วนตัวสูง ตอนเด็กๆ พ่อชอบซื้อตุ๊กตามาให้ แล้วเขาตั้งชืึ่อให้ตุ๊กตาทุกตัว และแบ่งตุ๊กตาเป็นสองกลุ่ม พวกดีกับพวกร้าย แล้วเขาเล่นโดยใช้จินตนาการ สร้างเรื่องราวขึ้นมาเอง คุณอิทธิพัทธ์เล่าว่าการที่เขาเอาตุ๊กตามาเล่นกันมันเหมือนกับหนัง Toy story อย่างไงอย่างนั้นเลย ความที่เป็นคนชอบอยู่คนเดียว ยังทำให้เขาชอบคุยกับตัวเอง ตั้งคำถามเอง แล้วตอบด้วยตัวเอง
ประเด็นที่ผมอยากจะสื่อสารคือคุณอิทธิพัทธ์หรือที่มีชืึ่อเล่นว่าคุณต๊อบเป็นคนที่มีจินตนาการและความคิดสร้างสรรค์ตั้งแต่เด็ก เขาพัฒนาคุณสมบัติพิเศษนี้ขึ้นมาเองด้วยตัวเอง ซึึ่งความคิดสร้างสรรค์นี้ส่งผลทำให้เขาประสบความสำเร็จในชีวิตในเวลาต่อมา
ในช่วงเรียนหนังสือ เขาเรียนแบบกระท่อนกระแท่น แต่เขามีความพิเศษอยู่อย่างหนึ่งคือเป็นคนที่เล่นเกมคอมพิวเตอร์เก่งมาก เก่งขนาดเขานำสินค้าที่ได้จากการเล่นเกมนำออกมาขาย สินค้าตัวแรกที่เขานำออกมาขายคือรองเท้า ขายได้เงินมาแปดพันบาท นี่เป็นจุดหักเหสำคัญที่สุดของชีวิต ทำให้เขารู้จักตัวเองตั้งแต่อายุยังน้อย เขาบอกว่า “ผมโชคดี ผมรู้ว่าการทำธุรกิจไม่เหมือนกับที่เราเคยคิด ต้องจบปริญญา จริง ๆ ไม่ใช่ แค่รู้ในสิ่งที่คนอื่นไม่รู้ มันเป็นแรงผลักดัน ทำให้เรารู้ว่าเราต้องการอะไร รู้ว่าเราต้องสร้างอะไรขึ้นมาเอง ต้องหาอะไรทำเอง ไม่ไปเป็นลูกจ้าง”
ตอนเรียนอยู่มหาวิทยาลัยฐานะทางบ้านของคุณอิทธิพัทธ์เริ่มขัดสนอันเป็นผลมาจากพิษเศรษฐกิจปี 2540 คุณพ่อถูกโกงเป็นเงิน 30 ล้านบาท ทำให้คุณอิทธิพัทธ์ต้องหาหนทางในการทำธุรกิจเพื่อมาช่วยทางบ้าน มีอยู่วันหนึ่งเขาไปงานแสดงสินค้าที่เมืองทองธานี เขาเดินผ่านบูธบูธหนึ่งและสังเกตุเห็นตู้แสตนเลสขนาดใหญ่เป็นเครื่องคั่วเกาลัด คนที่คั่วเกาลัดที่ร้านนี้เป็น Pretty แทนที่จะเป็นคนแก่ๆ จากภาพที่เขาเห็นทำให้เขาตั้งคำถามขึ้นมาว่า ทำไมซี้อเกาลัดต้องไปที่เยาวราช และเขาตอบคำถามนั้นด้วยตัวเองว่า ถ้าเขามีเครื่องคั่วเกาลัดอย่างที่เขาเห็นนี้ เขาสามารถขายเกาลัดที่ไหนก็ได้ เพราะมันไม่ต้องคั่วด้วยมือ มันคั่วด้วยเครื่องจักร
จากการตั้งคำถามและหาคำตอบด้วยตัวเอง คุณต๊อบบอกว่านี่คือโอกาสทางธุรกิจ เขาจึงเช่าเครื่องคั่วเกาลัดมาเก็บไว้ที่บ้าน คำถามต่อมาคือทำอย่างไรถึงจะคั่วเกาลัดให้มีรสชาติอร่อย คุณอิทธิพัทธ์ไปที่เยาวราช เดินตั้งแต่ต้นซอยมังกรจนถึงท้ายซอย แล้วตั้งคำถามเพื่อหาความรู้จากคนขายเกาลัดว่าทำอย่างไรถึงจะคั่วเกาลัดให้หอมอร่อยถูกใจลูกค้า เขาถามแบบทะลุปรุโปร่ง จนได้ความรู้ว่ากระบวนการในการคั่วเกาลัดตั้งแต่ต้นจนจบต้องทำอะไรบ้าง
จากนั้นเป็นการลงภาคสนาม เขาหาที่ขายได้สองที่ The Mall รามคำแหง กับ Big C บางใหญ่ ปรากฏว่ายอดขายต่ำมากจนคุณต๊อบถอดใจ คิดว่าต้องปิดกิจการ ความพลิกผันเกิดขึ้นเมื่อมีเจ้าหน้าที่จาก Lotus มาติดต่อให้คุณต๊อบเอาเครื่องคั่วเกาลัดไปขายในช่วงเทศกาลเจ คราวนี้มันเป็นหนังคนละม้วนเลย เกาลัดยี่ห้อเถ้าแก่น้อยขายดีเป็นเทน้ำเทท่าในช่วงทั้งหมด 14 วัน คุณต๊อบตั้งคำถามว่าทำไมยอดขายสองที่แรกกับที่ Lotus แจ้งวัฒนะมันถึงต่างกันราวฟ้ากับดิน ตั้งคำถามเสร็จก็ตอบกับตัวเองว่า มันเป็นเพราะทำเลไม่เหมือนกัน ในสองที่แรกทำเลใกล้กับที่จอดรถ ทำให้ลูกค้าไม่มีความสนใจที่จะซื้อของ ส่วนทำเลที่ Lotus แจ้งวัฒนะตั้งอยู่ตรงทางออกของ Check out counter ของห้าง ความหมายคือตรงนี้คือทำเลทอง เพราะตอนคนเดินเข้า คนไม่อยากซื้อของเพราะมันเป็นภาระ แต่ตอนขาออกนี่คือโอกาสทอง อีกประการหนึ่งคนที่เดินออกมาแล้วซื้อเป็นพวกคน จีนที่รู้จักเกาลัดเป็นอย่างดี
เมื่อเข้าใจความหมายของคำว่า “ทำเล” และ “กลุ่มเป้าหมาย” แล้ว คุณต๊อบขยายสาขาของเกาลัดเถ้าแก่น้อย จนสุดท้ายมีทั้งหมด 30 สาขา ขายได้เดือนละ 2 ล้านบาท มาถึงตอนนี้คุณต๊อบตัดสินใจลาออกจากการเรียนมาทำธุรกิจเต็มตัว ผมถามว่าทำไมถึงต้องลาออก เขาบอกว่าเกิดจากเหตุผล 3 ประการ
1. ความกลัว เขาเล่าว่าตอนเด็กเขาไม่ชอบเรียนวิชาว่ายน้ำ วันไหนมีเรียนวิชานี้จะแกล้งป่วย จนวันหนึ่งหนีไม่พ้น ครูให้เขากระโดดจากขอบสระลงไปในน้ำชึึ่งลึก 3 เมตร เขาไม่กระโดดเพราะว่ายน้ำไม่เป็น ปรากฏว่าครูถีบลงไป ตอนนั้นเกือบจมน้ำตาย เลยมาคิดว่าทำไมถึงต้องหนีการเรียนว่ายน้ำ มาคิดดูอีกทีเขาต้องกล้าเผชิญกับมัน หลังจากนั้นเขาขอคุณแม่ไปเรียนว่ายน้ำด้วยความสมัครใจ ความกลัวสร้างแรงบันดาลใจให้ต่อสู้กับชีวิต อย่าหนีปัญหา
ประเด็นของคุณต๊อบคือตอนนั้นฐานะของทางบ้านเข้าขั้นวิกฤต บ้านถูกยึดแล้ว เขาถึงตัดสินใจเผชิญกับปัญหา ด้วยการลาออกมาทำธุรกิจขายเกาลัดเต็มตัว
2. ความที่เป็นคนรู้จักตัวตนตั้งแต่เด็ก ทำให้เขารู้ว่าตัวเองรักในการทำธุรกิจ เรียนหนังสือไปเรียนตอนไหนก็ได้
3. เขาเป็นคนรักแม่มาก กลัวแม่ลำบาก
โชคไม่เข้าข้าง ปรากฏว่า Lotus เปลี่ยนผู้บริหาร แล้วผู้บริหารคนนั้นสั่งย้ายทำเลของเครื่องคั่วเกาลัดของคุณต๊อบ เพราะการคั่วเกาลัดมีกล่ินควันในบริเวณห้าง ทำให้ยอดขายลดลงครึ่งหนึ่ง แต่ด้วยความเป็นคนสู้ไม่ถอย มีอยู่วันหนึ่งเขาเห็นร้าน Dairy Queen ซึ่งขายไอสครีม ปรากฏว่ามีไส้กรอกวางขายด้วย เขาเกิดคำถามในใจ ร้านขายไอสครีมยังขายไส้กรอกได้ ทำไมเขาต้องขายเกาลัดอย่างเดียว
คุณต๊อบเริ่มนำสินค้าอย่างอื่นมาขายในร้านเกาลัด เริ่มแรกเป็นลูกพลับจีนตากแห้งซึ่งก็พอช่วยยอดขายได้บ้าง แต่ก็ยังไม่สามารถชดเชยกับยอดขายที่หายไป จนวันหนึ่งเขาไปรับแฟน พอแฟนขึ้นรถก็หยิบขนมมากินในรถ คุณต๊อบขอแบ่งมากินบ้าง ปรากฏว่ารสชาติอร่อยมาก เขาถามแฟนว่ามันเป็นขนมอะไร คำตอบคือ “สาหร่ายทอด” แล้วคุณต๊อบก็ฝากให้แฟนซื้อมาฝากคนที่บ้าน ซึึ่งทุกคนชอบกินกันมาก ฝากซื้อมากขนาดว่าแฟนโกรธว่านี่เป็นภาระของเขา แต่เขาคุณต๊อบไม่ได้โกรธตอบ กลับตั้งเป็นคำถามว่าถ้าคนชอบกินขนาดนี้ น่าจะเป็นสินค้าที่ไปขายที่ร้านเกาลัดเถ้าแก่น้อยได้
เมื่อนำไปขาย ปรากฏว่าขายดีเกิดคาด ขายดีขนาดที่ว่าพนักงานขายต้องนำสาหร่ายทอดกรอบซ่อนไว้ไม่นำมาตั้งโชว์เพื่อเก็บให้ลูกค้าประจำ ผมเคยเกริ่นนำว่าคุณต๊อบเป็นคนที่มีความคิดสร้างสรรค์ตั้งแต่เด