THE BAD LUCK THEORYYou invite your

THE BAD LUCK THEORY
You invite your friends over to watch an NBA basketball playoff game on TV. There are plenty of sodas in the refrigerator, the popcorn is popping, and you are all set to watch the big game. You turn on the TV set, and all you get are fuzzy images on the screen. Is this plain bad luck or is it Murphy's Law at work? Murphy's Law states: If anything can go wrong, it will.

Similar situations occur all the time. When you're in a hurry to open the door and you try several keys on the key ring , the last remaining key is usually the one that works. When you get in a line at the supermarket, you find you've chosen the slowest one, and it just doesn't move. Is this bad luck or coincidence? According to British physicist Robert Mathews, it's neither one nor the other. He explains that our Selective memories tend to remember the bad episodes more readily than the things that usually work out. Also, the law of probability is more against us than in our favor in many situations. For example, in the supermarket with five cashiers, the chances of getting the fastest lane are 20 percent, and 80 percent for a slower lane.

Mathews became a popular scientist when he proved that
a piece of toast doesn't necessarily fall on the floor on the
buttered side. BBC Television gathered 300 people to throw
pieces of buttered toast up in the air and observe on which side
they fell. Half fell on the buttered side, and half didn't.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ทฤษฎีที่โชคร้ายคุณเชิญเพื่อนของคุณผ่านการชมเกมการแข่งบาสเกตบอลเอ็นบีเอทีวี มี sodas ในตู้เย็น popping ข้าวโพดคั่ว และคุณมีการชมเกมใหญ่ คุณเปิดชุดทีวี และทั้งหมดที่คุณได้รับภาพชัดเจนบนหน้าจอ นี่ซวยธรรมดา หรือมันเป็นกฎของเมอร์ฟีที่ทำงาน กฎของเมอร์ฟีอเมริกา: ถ้าอะไรสามารถไปอย่างผิดปกติ จะสถานการณ์ที่เกิดขึ้นตลอดเวลา เมื่อคุณกำลังรีบไปเปิดประตู แล้วคุณลองแป้นต่าง ๆ บนพวงกุญแจ คีย์ที่เหลือสุดท้ายเป็นปกติการทำงาน เมื่อคุณได้รับในบรรทัดที่ซูเปอร์มาร์เก็ต คุณพบคุณเลือกได้ช้าที่สุด และมันเพียงไม่ย้าย เป็นโชคร้ายนี้หรือบังเอิญ ตาม physicist อังกฤษโรเบิร์ตแมทิวส์ จะไม่หนึ่งหรืออื่น ๆ เขาอธิบายว่า ความทรงจำของเราเลือกมักจะ จำชื่อตอนไม่ถูกต้องพร้อมกว่าสิ่งที่จะทำงานออก ยัง กฎหมายความน่าเป็นได้มากกว่าเรามากกว่าในโปรดปรานของเราในหลายสถานการณ์ ตัวอย่าง ในซูเปอร์มาร์เก็ตมีพนักงานเก็บเงิน 5 โอกาสของเลนที่เร็วที่สุดได้ 20 เปอร์เซ็นต์ และร้อยละ 80 สำหรับเลนช้าแมทิวส์กลายเป็น นักวิทยาศาสตร์ยอดนิยมเมื่อเขาพิสูจน์ที่ชิ้นขนมปังไม่จำเป็นต้องอยู่ชั้นบนด้าน buttered โทรทัศน์บีบีซีรวบรวม 300 คนโยนชิ้น buttered ขนมปังขึ้นในอากาศ และสังเกตด้านใดพวกเขาล้ม ครึ่งตกด้าน buttered และครึ่งหนึ่งไม่ได้

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

โชคร้ายทฤษฎี
ชวนเพื่อนไปดูบาสเกตบอลเอ็นบีเอเพลย์ออฟเกมบนโทรทัศน์ มีมากมายของน้ำอัดลมในตู้เย็น ข้าวโพดคั่ว popping และคุณจะถูกตั้งค่าทั้งหมดเพื่อดูเกมใหญ่ คุณเปิดทีวี และทั้งหมดที่คุณได้รับเป็นภาพเลือนบนหน้าจอ คือธรรมดานี้โชคร้ายหรือเป็นกฎของเมอร์ฟีที่งาน กฎของเมอร์ฟีสหรัฐอเมริกา : หากสิ่งที่สามารถไปผิดก็จะ

สถานการณ์ที่คล้ายกันเกิดขึ้นตลอดเวลา เมื่อคุณอยู่ในรีบเปิดประตู และ คุณลองคีย์หลายบนพวงกุญแจ เหลือคีย์มักจะเป็นคนที่ทำงาน เมื่อคุณได้รับในบรรทัดที่ซุปเปอร์มาร์เก็ต คุณพบว่า คุณได้เลือกที่ช้าที่สุด และมันก็ไม่ขยับ นี่คือโชคร้ายหรือบังเอิญ ? ตามนักฟิสิกส์อังกฤษ โรเบิร์ต โกลด์ เป็นทั้งหนึ่งหรืออื่น ๆเขาอธิบายว่า ทรงเลือกเรามักจะจำตอนไม่ดีพร้อมมากขึ้นกว่าสิ่งที่จะทำงานออก นอกจากนี้กฎหมายของความน่าจะเป็นมากขึ้นกับเรากว่าในความโปรดปรานของเราในหลายสถานการณ์ ตัวอย่างเช่น ในซุปเปอร์มาร์เก็ตกับห้าแคชเชียร์ โอกาสของการได้รับช่องทางที่เร็วที่สุดคือ ร้อยละ 20 และ 80 เปอร์เซ็นต์สำหรับเลนช้า

แมทธิวเป็นนักวิทยาศาสตร์ที่ได้รับความนิยมเมื่อเขาพิสูจน์ให้เห็นว่า
ชิ้นขนมปังปิ้ง ไม่จําเป็นต้องตกบนพื้น บน
เนยด้านข้าง โทรทัศน์บีบีซีรวม 300 คนโยน
ชิ้นของขนมปังทาเนยขึ้นในอากาศ และสังเกตที่ข้าง
พวกเขาตกลงมา ครึ่งล้มลงบนความด้านและครึ่งหนึ่งไม่ได้