Reinforcement TheoriesThe reinforce

Reinforcement Theories
The reinforcement theory, popular until the 1960s, "would have us believe that motivation is not in the person, it is in the environment."4 This theory is based on the premise that behavior is determined by its consequences. It suggests that learning can be manipulated by a program of rewards and punishments.
B. F. Skinner developed a complex system called "operant conditioning" in which new behaviors were created step by step to eventually lead to complex sequences. 5 Animal trainers have used these techniques successfully in circuses and aquariums for decades, skinner's theories emphasize controlling and manipulating learners, and they attribute learning to external stimuli and extrinsic rewards. A teacher uses the reinforcement theory in the classroom by giving tangible, marketable, or commercially valued prizes, such as stickers or candies for work completed. An incentive is a reward that has no material value, but its purpose for reinforcing or motivating is the same. Incentives might include assigning bonus marks or free time, or making deals with students to earn special privileges. 6 Reinforcement focuses on observable behavior but ignores the emotional or cognitive aspects of the child.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ทฤษฎีเสริมแรงเสริมทฤษฎี ยอดนิยมจนถึงปี 1960 "จะมีเราเชื่อว่า แรงจูงใจไม่ได้อยู่ในบุคคล อยู่ในสิ่งแวดล้อม"4 ทฤษฎีนี้จะขึ้นอยู่กับว่า ลักษณะการทำงานเป็นไปตามผลที่เกิดขึ้นภาย แนะนำว่า สามารถจัดการเรียนรู้ โดยการลงโทษและรางวัลB. สกินเนอร์ F. พัฒนาระบบซับซ้อนที่เรียกว่า "operant ปรับ" ซึ่งพฤติกรรมใหม่สร้างโดยขั้นตอนการทำซับซ้อนลำดับในที่สุด ฝึกอบรมสัตว์ 5 ได้ใช้เทคนิคเหล่านี้ประสบความสำเร็จใน circuses และ aquariums สำหรับทศวรรษ ทฤษฎีของสกินเนอร์เน้นการควบคุม และการจัดการเรียน และพวกเขากำหนดให้เรียนรู้กับสิ่งเร้าภายนอกและรางวัลสึกหรอ ครูใช้ทฤษฎีเสริมแรงในห้องเรียน โดยให้มีตัวตน marketable หรือในเชิงพาณิชย์บริษัทรางวัล เช่นสติกเกอร์หรือลูกอมสำหรับงานที่เสร็จสมบูรณ์ สิ่งจูงใจเป็นรางวัลที่มีค่าวัสดุ แต่วัตถุประสงค์ของ การเสริม หรือจูงใจเป็นเหมือนกัน แรงจูงใจอาจมีการกำหนดเครื่องหมายพิเศษหรือเวลาว่าง หรือทำการตกลงกับนักเรียนจะได้รับสิทธิพิเศษ เสริม 6 เน้นพฤติกรรม observable แต่ละเว้นด้านอารมณ์ หรือรับรู้ของเด็ก

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ทฤษฎีการเสริมแรง
ทฤษฎีการเสริมแรงเป็นที่นิยมจนถึงปี 1960 "จะมีเราเชื่อแรงจูงใจที่ไม่ได้อยู่ในคนนั้นจะอยู่ในสภาพแวดล้อม." 4 ทฤษฎีนี้จะขึ้นอยู่กับสมมติฐานที่ว่าพฤติกรรมจะถูกกำหนดโดยผลที่ตามมา มันแสดงให้เห็นว่าการเรียนรู้สามารถจัดการโดยโปรแกรมของรางวัลและการลงโทษ.
BF สกินเนอร์การพัฒนาระบบที่ซับซ้อนที่เรียกว่า "ผ่าตัดเครื่อง" ซึ่งพฤติกรรมใหม่ที่ถูกสร้างขั้นตอนโดยขั้นตอนในที่สุดนำไปสู่การลำดับที่ซับซ้อน 5 ผู้ฝึกสอนสัตว์ได้ใช้เทคนิคเหล่านี้ประสบความสำเร็จในนานและพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำมานานหลายทศวรรษทฤษฎีสกินเนอร์เน้นการควบคุมและการจัดการเรียนรู้และพวกเขาแอตทริบิวต์การเรียนรู้เพื่อกระตุ้นภายนอกและผลตอบแทนภายนอก ครูใช้ทฤษฎีการเสริมแรงในห้องเรียนโดยให้มีตัวตนของตลาดหรือรางวัลมูลค่าในเชิงพาณิชย์เช่นลูกอมหรือสติกเกอร์สำหรับงานที่ทำเสร็จ แรงจูงใจเป็นรางวัลที่มีค่าวัสดุที่ไม่มี แต่วัตถุประสงค์เพื่อเสริมสร้างแรงจูงใจหรือเหมือนกัน แรงจูงใจอาจจะรวมถึงการกำหนดเครื่องหมายโบนัสหรือเวลาว่างหรือทำข้อตกลงกับนักเรียนที่จะได้รับสิทธิพิเศษ 6 มุ่งเน้นไปที่การเสริมแรงพฤติกรรมที่สังเกตได้ แต่ไม่สนใจด้านอารมณ์หรือองค์ความรู้ของเด็ก

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ทฤษฎีการเสริมแรง ทฤษฎีการเสริมแรง
นิยมจนกระทั่ง 1960 " จะมีเราเชื่อว่าแรงจูงใจไม่ในคน อยู่ในสิ่งแวดล้อม ที่ 4 ทฤษฎีนี้ขึ้นอยู่กับหลักฐานพฤติกรรมที่ถูกกำหนดโดยผลของ มันแสดงให้เห็นว่าการเรียนรู้สามารถจัดการโดยโปรแกรมรางวัลและการลงโทษ .
b . F .สกินเนอร์พัฒนาระบบที่ซับซ้อนที่เรียกว่า " ปรับอากาศ " การดำเนินการซึ่งพฤติกรรมใหม่ที่ถูกสร้างขึ้นตามขั้นตอน ในที่สุดได้นำไปสู่ระบบที่ซับซ้อน 5 ครูฝึกสัตว์ได้ใช้เทคนิคเหล่านี้ประสบความสำเร็จและในตู้นานหลายทศวรรษ สกินเนอร์ ทฤษฎี เน้นการควบคุม และจัดการผู้เรียนและพวกเขาคุณลักษณะการเรียนรู้สิ่งเร้าภายนอกและภายนอกรางวัลอาจารย์ได้ใช้ทฤษฎีการเสริมแรงในชั้นเรียน โดยให้มีตัวตน ความต้องการของตลาด หรือเพิ่มมูลค่ารางวัล เช่น สติ๊กเกอร์ หรือขนมสำหรับงานที่เสร็จสมบูรณ์ แรงจูงใจเป็นรางวัลที่ไม่มีวัสดุค่า แต่มันมีวัตถุประสงค์เพื่อเสริมหรือกระตุ้นเดียวกันคือ แรงจูงใจอาจรวมถึงให้คะแนนโบนัส หรือเวลาว่าง หรือทำข้อตกลงกับนักเรียนที่จะได้รับสิทธิพิเศษ6 ) เน้นพฤติกรรมที่สังเกตได้ แต่ไม่สนใจด้านอารมณ์หรือด้านสติปัญญาของเด็ก