How light behavesWhen light waves s

How light behaves
When light waves strike an object three things may happen. The light can be reflected, absorbed or it may change its direction.

What happens to light depends on the kind of object or material that it hits. Transparent objects, like glass, let light waves pass through without mixing them up. You can see through this material. Translucent material also allows rays to pass through, but it mixes them up so that you cannot see through such objects clearly. Opaque materials don’t let any light pass through.



Reflection

Most objects do not produce their own light. You can see these objects because light from the sun or from a lamp bounces off them and then travels to your eyes.

Some objects reflect little light, others, like mirrors or water reflect almost all the light because they are smooth and flat. The rays bounce off in only one direction. Reflected light also makes things sparkle and shine. When light shines on a normal object, like a tree, the rays bounce off in many directions.



Refraction

RefractionWhen light passes through an object it slows down because the molecules of a solid object are more densely packed than air molecules. It also changes its direction of travel – it refracts.

Example: Swimming pools do not look as deep as they really are because of the way light is bent. Water slows light down by about 25 per cent and glass slows it down even more. Light waves bend towards the glass, slow down and behind the glass resume their normal speed.

Another example is picking up a stone in water. The stone is not where you think it is. It appears to be farther away than it really is.



Scattering

Scattering shows us what happens when light rays hit atoms, molecules or tiny particles. These particles send off light in new and different directions. Most of the sky is blue because air molecules scatter more blue rays towards us than they do the other colours in sunlight. When the sun reaches the horizon in the evening it looks orange or red because the light that gets to us has lost so many of the other colours through scattering.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ไฟวิธีการทำงานของเมื่อคลื่นแสงตีวัตถุสามสิ่งอาจเกิดขึ้น สามารถสะท้อนแสง ดูดซึม หรือมันอาจเปลี่ยนทิศทางของการเกิดอะไรขึ้นกับไฟขึ้นอยู่กับชนิดของวัตถุหรือวัสดุที่มันฮิต วัตถุโปร่งใส เช่นกระจก ให้แสงคลื่นผ่านโดยไม่ต้องนำมาขึ้น คุณสามารถดูโดยใช้วัสดุนี้ วัสดุโปร่งแสงช่วยให้แสงผ่านเข้ายัง แต่มันก็ได้ค่าดังนั้นคุณไม่สามารถดูผ่านวัตถุดังกล่าวอย่างชัดเจน วัสดุทึบแสงไม่ให้ผ่านแสงใด ๆ ผ่าน สะท้อนวัตถุผลิตไฟของตนเอง คุณสามารถดูวัตถุเหล่านี้เนื่องจากแสง จากดวงอาทิตย์ หรือหลอดไฟเด้งออกจากพวกเขา และจากนั้น เดินทางไปตาวัตถุบางอย่างเล็กน้อยสะท้อน แสง อื่น ๆ เช่นกระจก หรือน้ำสะท้อนแสงเกือบทั้งหมดเนื่องจากจะแบน และเรียบ รังสีกระเด็นในทิศทางเดียว แววทำสิ่งประกายและเงางาม เมื่อแสงส่องบนวัตถุปกติ เช่นต้นไม้ รังสีการเด้งออกหลายทิศทาง หักเหRefractionWhen แสงผ่านวัตถุได้ช้าลงเนื่องจากโมเลกุลของวัตถุของแข็งรวบรวมกว่าโมเลกุลของอากาศหนาแน่นมากไป จะเปลี่ยนทิศทางของการเดินทาง – มัน refractsตัวอย่าง: สระไม่มองเช่นลึกพวกเขาเป็นจริง เพราะวิธีแสงเงี้ยว น้ำช้าไฟโดยประมาณ 25 เปอร์เซ็นต์ และแก้วช้าลงได้ คลื่นแสงโค้งต่อแก้ว ชะลอ และหลังแก้วต่อความเร็วปกติของพวกเขาอีกตัวอย่างหนึ่งคือเก็บค่าหินในน้ำ หินเป็นไม่ที่คุณคิดว่า มันเป็น เหมือนจะห่างมากกว่าจริง ๆ ScatteringScattering แสดงสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อรังสีแสงตีอะตอม โมเลกุล หรืออนุภาคเล็ก ๆ อนุภาคเหล่านี้ส่งออกแสงในทิศทางใหม่ และแตกต่างกัน ส่วนใหญ่ท้องฟ้าเป็นสีน้ำเงินเนื่องจากโมเลกุลอากาศกระจายมากกว่าฟ้ารังสีต่อเรามากกว่าทำสีในแสงแดด เมื่อดวงอาทิตย์ขอบฟ้าในยามค่ำคืนเหมือน มีการสูญเสียสีส้ม หรือสีแดงเนื่องจากแสงที่ได้รับให้เรามากมายสีผ่าน scattering การ

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

วิธีแสงจะทำงานเมื่อคลื่นแสงตีวัตถุสามสิ่งที่อาจจะเกิดขึ้น แสงสามารถสะท้อนดูดซึมหรืออาจเปลี่ยนทิศทางของ. เกิดอะไรขึ้นกับแสงขึ้นอยู่กับชนิดของวัตถุหรือวัสดุที่มันกระทบ วัตถุโปร่งใสเหมือนแก้วให้คลื่นแสงผ่านได้โดยไม่ต้องผสมพวกเขาขึ้น คุณสามารถดูผ่านวัสดุนี้ วัสดุโปร่งแสงยังช่วยให้รังสีผ่าน แต่มันผสมพวกเขาขึ้นเพื่อให้คุณไม่สามารถมองทะลุผ่านวัตถุดังกล่าวอย่างชัดเจน วัสดุทึบแสงจะไม่ปล่อยให้แสงผ่าน. สะท้อนวัตถุส่วนใหญ่ไม่ได้ผลิตแสงของตัวเอง คุณสามารถมองเห็นวัตถุเหล่านี้เพราะแสงจากดวงอาทิตย์หรือจากหลอดไฟกระเด้งออกมาพวกเขาแล้วเดินทางไปที่ตาของคุณ. วัตถุบางอย่างสะท้อนแสงเล็ก ๆ น้อย ๆ อื่น ๆ เช่นกระจกหรือน้ำเกือบทั้งหมดสะท้อนให้เห็นถึงแสงเพราะพวกเขาเป็นไปอย่างราบรื่นและแบน รังสีกระเด็นในทิศทางเดียวเท่านั้น แสงที่สะท้อนประกายไฟยังทำให้สิ่งและความเงางาม เมื่อแสงส่องสว่างอยู่บนวัตถุที่ปกติเหมือนต้นไม้รังสีกระเด็นในหลายทิศทาง. การหักเหแสง RefractionWhen ผ่านวัตถุช้าลงเนื่องจากโมเลกุลของวัตถุที่เป็นของแข็งได้รับการบรรจุหนาแน่นมากขึ้นกว่าโมเลกุลของอากาศ นอกจากนี้ยังมีการเปลี่ยนแปลงทิศทางของการเดินทางของมัน - มันหักเห. ตัวอย่าง: สระว่ายน้ำไม่ได้ดูลึกที่สุดเท่าที่พวกเขาเป็นจริงเพราะของแสงวิธีการที่จะงอ น้ำช้าแสงลงประมาณร้อยละ 25 และกระจกช้าลงมากยิ่งขึ้น คลื่นแสงโค้งงอไปทางกระจกที่ชะลอตัวลงและหลังกระจกกลับความเร็วปกติของพวกเขา. อีกตัวอย่างหนึ่งคือการเลือกขึ้นหินในน้ำ หินที่เป็นไม่ได้ที่คุณคิดว่ามันเป็น มันดูเหมือนจะห่างไกลออกไปกว่านั้นจริงๆ. กระเจิงกระเจิงแสดงให้เราเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อแสงตีอะตอมโมเลกุลหรืออนุภาคเล็ก ๆ อนุภาคเหล่านี้ส่งปิดไฟในทิศทางที่ใหม่และแตกต่าง ส่วนใหญ่ของท้องฟ้าเป็นสีฟ้าเพราะโมเลกุลของอากาศกระจายรังสีสีฟ้ามากขึ้นต่อเรามากกว่าที่พวกเขาทำสีอื่น ๆ ในแสงแดด เมื่อดวงอาทิตย์ถึงขอบฟ้าในช่วงเย็นจะมีลักษณะสีส้มหรือสีแดงเพราะแสงที่ได้รับมาให้เราได้หายไปจำนวนมากดังนั้นของสีอื่น ๆ ผ่านกระเจิง

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

เมื่อแสงสว่างของคลื่นแสงตีวัตถุสามสิ่งที่อาจเกิดขึ้น แสงสามารถสะท้อน ดูดซึมหรืออาจเปลี่ยนทิศทางของมัน

เกิดอะไรขึ้นกับแสงขึ้นอยู่กับชนิดของวัตถุหรือวัสดุที่ฮิต วัตถุโปร่งใส เช่น แก้ว ปล่อยคลื่นแสงผ่านโดยไม่ต้องผสมพวกเขา คุณสามารถดูข้อมูลนี้วัสดุโปร่งแสงที่ยังช่วยให้แสงผ่าน แต่มันผสมเหล่านั้นเพื่อให้คุณสามารถมองผ่านวัตถุดังกล่าวอย่างชัดเจน วัสดุทึบ อย่าให้แสงผ่านใดผ่าน





ส่วนใหญ่สะท้อนวัตถุไม่ผลิตของตัวเองเบาๆ คุณสามารถเห็นวัตถุเหล่านี้ เพราะแสงจากดวงอาทิตย์ หรือ จากโคมไฟ เด้ง และจากนั้นเดินทางไปยังดวงตาของคุณ

บางวัตถุสะท้อนน้อยแสงอื่นที่เป็นเหมือนกระจกสะท้อนแสง หรือ น้ำเกือบทั้งหมดเพราะพวกเขาจะเรียบและแบน รังสีกระเด็นในทิศทางเดียวเท่านั้น แสงสะท้อนทำให้สิ่งและเปล่งปลั่งเป็นประกาย เมื่อแสงส่องที่วัตถุปกติ เช่นต้นไม้ , รังสีกระเด็นหลายเส้นทาง .





การหักเหของแสงrefractionwhen แสงผ่านวัตถุมันช้าลง เพราะโมเลกุลของวัตถุที่เป็นของแข็งจะหนาแน่นกว่าโมเลกุลของอากาศ มันยังมีการเปลี่ยนแปลงทิศทางของการเดินทางซึ่ง refracts ตัวอย่าง

: สระว่ายน้ำไม่ได้มองให้ลึกที่สุดเท่าที่พวกเขาจริง ๆเพราะทางแสงโค้ง น้ำช้าเบาลงประมาณร้อยละ 25 และแก้วชะลอลงมากขึ้นคลื่นแสงโค้งต่อแก้ว ให้ช้าลง และหลังกระจกประวัติความเร็วปกติของพวกเขา .

อีกตัวอย่างคือ หยิบก้อนหินในน้ำ หินเป็นไม่ที่คุณคิดว่ามันเป็น มันดูเหมือนจะไกลออกไปมากกว่านั้นจริง ๆ





กระเจิงกระเจิงแสดงให้เราเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อแสงส่องกระทบอะตอม โมเลกุล หรือ อนุภาคเล็ก ๆอนุภาคเหล่านี้ส่งแสงใหม่และทิศทางที่แตกต่างกัน . ที่สุดของท้องฟ้าเป็นสีฟ้า เพราะโมเลกุลของอากาศที่กระจายรังสีสีฟ้ามากขึ้นต่อเรามากกว่าที่พวกเขาทำสีอื่น ๆในแสงแดด เมื่อดวงอาทิตย์ถึงขอบฟ้าในตอนเย็นมันสีส้ม หรือสีแดง เพราะ แสงที่ได้เราได้สูญเสียมากของสีอื่น ๆผ่านการกระเจิง .