Today I found out why storks are as

Today I found out why storks are associated with delivering babies.

We all know how babies are made. The stork can be seen flying over rooftops with a little cloth bundle before landing at the doorstep of a happy couple who then unwrap their precious, smiling newborn—right? This myth was once a common story to tell children who were deemed too young to be told anything different.

Storks have been associated with babies and family for centuries. In Greek mythology, they were associated with stealing babies after Hera turned her rival into a stork, and the stork-woman attempted to steal her son. In Egyptian mythology, the soul of a person—the ba—was usually represented by a stork. The return of a stork meant the return of the soul, at which point the person could become animated again. In Norse mythology, the stork represented family values and commitment to one another.

In several mythologies, storks are also a symbol of fidelity and monogamous marriage because storks are widely believed to mate for life. In truth, they don’t actually mate for life, but do have a tendency to return to the same nests every year and usually mate with the same partner.

Storks are also represented in Chinese, Israeli, and various European cultures mythologies, but the association of storks bringing couples a newborn baby is believed to have started in Germany several hundred years ago.

The natural behaviour of storks lends a clue to their association with birth. As a migratory bird, white storks would fly south in the fall and return to Europe nine months later. Usually they could be seen heading north and nesting around March and April. Babies born in March and April were likely conceived in June of the previous year. Midsummer’s Eve, which takes place on June 21, is a celebration of the summer solstice, but it is also a pagan holiday of marriage and fertility. As many marriages and other couplings would take place during this time, many babies would be born around the time that the storks could be seen flying north, making the connection that the “stork brought the baby.” The symbolism of their migration pattern combined with their history in myths and legends probably contributed to the popularity of the story today.

Hans Christian Andersen popularized the fable in The Storks, a short story he wrote in the 19th century. In the story, storks flying above a village are teased by a young boy and get their revenge by delivering a dead baby to the child’s family. In this version of the story, the storks plucked babies from a pond where they were dreaming, to deliver them to families of good children. Another popular version of the story was that babies were found in caves called Adeborsteines—which, in German, literally means “stork stone.” Adeborsteine can also refer to stones from which babies would “hatch”; black and white stones that children threw over their heads to tell the storks that they wanted a sibling; or stones that babies were laid upon to dry after they were pulled from the sea.

The story was likely spread due to the perceived, and slightly odd, human necessity to waylay children’s awkward questions for as long as possible. In Hans Christian Andersen’s time, baby-making was particularly a taboo topic. Even today, many children get siblings before they are deemed ready for “The Talk” but their curious nature means parents have to tell them something. Because of their long history associated with babies and family, storks are an easy story to tell kids sometimes in the same breath as teaching them valuable life lessons like always being honest…

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

วันนี้ฉันพบทำไมแรมแรฟเฟลโล่เกี่ยวข้องกับการส่งเด็กเรารู้ว่าเด็กจะ สามารถเห็นนกกระสาจะบินอยู่เหนือหลังคามีกลุ่มผ้าเล็กน้อยก่อนที่จะลงจอดที่หน้าประตูของคู่มีความสุขที่ไม่ตัดของมีค่า ทารกยิ้มแล้ว — ขวา เรื่องนี้เคยบอกเด็กที่ได้ถือว่ายังเด็กเกินไปที่จะสามารถบอกสิ่งที่แตกต่างกันเรื่องทั่วไปแรมแรฟเฟลโล่ได้เกี่ยวข้องกับเด็กและครอบครัวมานานหลายศตวรรษ ในเทพปกรณัมกรีก พวกเขาเกี่ยวข้องกับการขโมยเด็กทารกหลัง จากที่เฮร่าเปลี่ยนคู่แข่งของเธอเป็นนกกระสา นกกระสาผู้หญิงพยายามขโมยลูกชายของเธอ ในตำนานอียิปต์ วิญญาณคน — บา — มักจะถูกแสดง โดยนกกระสา การกลับมาของนกกระสาหมายถึง การกลับมาของจิตวิญญาณ จุดที่บุคคลสามารถจะเคลื่อนไหวอีก ในเทพปกรณัมนอร์ส นกกระสาที่แสดงค่าครอบครัวและผูกพันต่อกันในหลาย mythologies แรมแรฟเฟลโล่ได้ยังเป็นสัญลักษณ์ของความจงรักภักดีและเว้นสมรสเนื่องจากแรมแรฟเฟลโล่ที่เชื่อกันอย่างกว้างขวางร่วมคู่ชีวิต ในความจริง พวกเขาไม่ผสมพันธุ์สำหรับชีวิตจริง แต่มีแนวโน้มที่จะกลับไปรังเดียวกันทุกปี และมักจะผสมพันธุ์กับคู่เดียวแรมแรฟเฟลโล่ยังแสดง ในจีน อิสราเอล และหลากหลายวัฒนธรรมยุโรป mythologies สมาคมแรมแรฟเฟลโล่นำคู่ที่เชื่อว่าเด็กทารกเริ่มต้นในเยอรมนีหลายร้อยปีพฤติกรรมธรรมชาติของแรมแรฟเฟลโล่ยืดปมเชื่อมโยงกับการเกิด เป็นนกอพยพ แรมแรฟเฟลโล่สีขาวจะบินไปใต้ในฤดูใบไม้ร่วง และกลับไปยุโรปในเดือนเก้า โดยปกติพวกเขาสามารถเห็นได้เหนือหัว และวิวสามารถรอบเดือนมีนาคมและเมษายน ทารกที่เกิดในเดือนมีนาคมและเมษายนก็จะรู้สึกในเดือนมิถุนายนของปีก่อนหน้า ของมิดซัมเมอร์ ที่ที่ 21 มิถุนายน เป็นงานฉลองครีษมายัน แต่ก็เป็นวันหยุดสะเอียนสมรสและความอุดมสมบูรณ์ เป็นมากว่าและ couplings อื่น ๆ จะเกิดขึ้นในช่วงเวลานี้ จะเกิดทารกหลายรอบเวลาที่สามารถเห็นแรมแรฟเฟลโล่บินเหนือ ทำการเชื่อมต่อที่ "นกกระสานำทารก" สัญลักษณ์ของรูปแบบการอพยพของพวกเขารวมกับประวัติศาสตร์ของพวกเขาในตำนานและตำนานคงส่วนความนิยมของเรื่องวันนี้ฮันส์คริสเตียนแอนเดอร์เซ็น popularized สนใจในเดอะแรมแรฟเฟลโล่ เรื่องสั้นที่เขาเขียนในศตวรรษที่ 19 ในเรื่อง แรมแรฟเฟลโล่บินเหนือหมู่บ้าน teased โดยชายหนุ่ม และได้รับการแก้แค้นของพวกเขา โดยทารกตายเพื่อครอบครัวของเด็ก ในรุ่นนี้เรื่อง แรมแรฟเฟลโล่ที่ควักทารกจากบ่อที่เขาได้ฝัน เพื่อให้พวกเขาเพื่อครอบครัวของเด็กดี รุ่นยอดนิยมอีกเรื่องว่า เด็กทารกพบในถ้ำที่เรียกว่า Adeborsteines — ซึ่ง ในเยอรมัน ความหมาย "นกกระสาหิน" Adeborsteine อาจหมายถึงหินที่ซึ่งเด็กจะ "ฟัก" หินสีดำและสีขาวที่เด็กโยนเหนือศีรษะของพวกเขาจะบอกแรมแรฟเฟลโล่ว่า พวกเขาต้องการให้พี่น้อง หรือหินที่ทารกถูกวางตามให้แห้งหลังจากที่พวกเขาถูกดึงมาจากทะเลเรื่องถูกแพร่กระจายมักรับรู้ และ แปลกเล็กน้อย ความจำเป็นที่มนุษย์จะ waylay เด็กตกใจถามนานที่สุด ฮันส์คริสเตียนแอนเดอร์ของเวลา เด็กทำได้โดยเฉพาะอย่างยิ่งหัวข้อต้องห้าม แม้วันนี้ เด็กจำนวนมากรับพี่น้องก่อนที่พวกเขาจะถือว่าพร้อมสำหรับ "การพูดคุย" แต่ธรรมชาติของพวกเขาอยากรู้อยากเห็นหมายถึง ผู้ปกครองได้บอกพวกเขาบางสิ่งบางอย่าง เพราะยุคประวัติศาสตร์เกี่ยวข้องกับเด็กและครอบครัว แรมแรฟเฟลโล่จะเป็นเรื่องง่ายจะบอกเด็กบางครั้งในลมหายใจเดียวกันเป็นการสอนบทเรียนชีวิตที่มีคุณค่าเช่นการซื่อสัตย์เสมอ...

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

วันนี้ผมพบว่าทำไมนกกระสาที่เกี่ยวข้องกับการส่งมอบเด็กทารก. เราทุกคนรู้ว่าทารกจะทำ นกกระสาสามารถมองเห็นได้บินอยู่เหนือหลังคาด้วยผ้ามัดเล็ก ๆ น้อย ๆ ก่อนที่จะเชื่อมโยงไปถึงที่หน้าประตูของทั้งคู่มีความสุขที่แล้วแกะอันมีค่าของพวกเขายิ้มแรกเกิดขวา? ตำนานนี้ครั้งหนึ่งเคยเป็นเรื่องธรรมดาที่จะบอกเด็กที่ถูกถือว่ายังเด็กเกินไปที่จะบอกอะไรที่แตกต่าง. นกกระสาได้เกี่ยวข้องกับทารกและครอบครัวมานานหลายศตวรรษ ในตำนานเทพเจ้ากรีกที่พวกเขามีความสัมพันธ์กับการขโมยทารกหลังจากที่เฮร่ากลายเป็นคู่แข่งของเธอเป็นนกกระสาและนกกระสาหญิงพยายามที่จะขโมยลูกชายของเธอ ในตำนานอียิปต์จิตวิญญาณของคน BA-เป็นตัวแทนโดยปกตินกกระสา การกลับมาของนกกระสาหมายถึงการกลับมาของจิตวิญญาณที่จุดคนที่อาจจะกลายเป็นภาพเคลื่อนไหวอีกครั้ง ในตำนานนอร์สนกกระสาเป็นตัวแทนของครอบครัวที่มีคุณค่าและความมุ่งมั่นกับอีกคนหนึ่ง. ในหลาย ๆ นิทานปรัมปรานกกระสานอกจากนี้ยังมีสัญลักษณ์ของความจงรักภักดีและการแต่งงานคู่สมรสเพราะนกกระสาที่เชื่อกันอย่างกว้างขวางที่จะแต่งงานสำหรับชีวิต ในความเป็นจริงพวกเขาไม่จริงคู่สำหรับชีวิต แต่จะมีแนวโน้มที่จะกลับไปรังเดียวกันทุกปีและมักจะแต่งงานกับคนที่เดียวกัน. นกกระสายังเป็นตัวแทนในจีน, อิสราเอลและวัฒนธรรมต่าง ๆ ในยุโรปนิทานปรัมปรา แต่ ความสัมพันธ์ของนกกระสาคู่นำทารกแรกเกิดเชื่อว่าจะได้เริ่มต้นในเยอรมนีหลายร้อยปีที่ผ่านมา. พฤติกรรมตามธรรมชาติของนกกระสายืมเบาะแสสัมพันธ์ของพวกเขากับการเกิด ในฐานะที่เป็นนกอพยพนกกระสาสีขาวจะบินไปทางทิศใต้ในฤดูใบไม้ร่วงและกลับไปยังยุโรปเก้าเดือนต่อมา พวกเขามักจะเห็นได้มุ่งหน้าไปทางทิศเหนือและทำรังรอบเดือนมีนาคมและเมษายน ทารกที่เกิดในเดือนมีนาคมและเมษายนได้รู้สึกมีแนวโน้มในเดือนมิถุนายนของปีที่ผ่านมา อีฟกลางฤดูร้อนที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 21 มิถุนายนคือการเฉลิมฉลองของฤดูร้อน แต่ก็ยังเป็นวันหยุดคนป่าเถื่อนของการแต่งงานและความอุดมสมบูรณ์ ในขณะที่การแต่งงานจำนวนมากและข้อต่ออื่น ๆ ที่จะเกิดขึ้นในช่วงเวลานี้เด็กทารกจำนวนมากจะเกิดในช่วงเวลาที่บินนกกระสาอาจจะเห็นเหนือทำให้การเชื่อมต่อที่ "นกกระสานำทารก." สัญลักษณ์ของรูปแบบการย้ายถิ่นของพวกเขารวมกับ ประวัติศาสตร์ของพวกเขาในเทพนิยายและตำนานอาจมีส่วนทำให้ความนิยมของเรื่องวันนี้. ฮันส์คริสเตียนแอนเดนิยมนิทานในนกกระสาเรื่องสั้นที่เขาเขียนในศตวรรษที่ 19 ในเรื่องนกกระสาบินอยู่เหนือหมู่บ้านจะถูกล้อโดยเด็กหนุ่มและได้รับการแก้แค้นของพวกเขาโดยการส่งมอบทารกที่ตายแล้วไปอยู่กับครอบครัวของเด็ก ในรุ่นของเรื่องนี้นกกระสาดึงทารกจากบ่อที่พวกเขาฝันที่จะส่งพวกเขาไปยังครอบครัวของเด็กที่ดี อีกรุ่นที่นิยมของเรื่องก็คือว่าเด็กทารกที่พบในถ้ำที่เรียกว่า Adeborsteines-ซึ่งในภาษาเยอรมันหมายถึงตัวอักษร Adeborsteine ​​ยังสามารถดูหินจากการที่ทารกจะ "ฟัก" "หินนกกระสา."; หินสีดำและสีขาวที่เด็กโยนเหนือหัวของพวกเขาที่จะบอกนกกระสาว่าพวกเขาต้องการพี่น้อง; หรือหินที่เด็กทารกถูกวางไว้บนให้แห้งหลังจากที่พวกเขาถูกดึงออกมาจากทะเล. เรื่องที่แผ่น่าจะเกิดจากการรับรู้และแปลกเล็กน้อยความจำเป็นของมนุษย์ที่จะลอบทำร้ายเด็กคำถามที่น่าอึดอัดใจให้นานที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ ในช่วงเวลาของ Hans Christian Andersen ทารกทำโดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นเรื่องที่ต้องห้าม แม้กระทั่งวันนี้เด็กหลายคนได้รับพี่น้องก่อนที่พวกเขาจะถือว่าพร้อมสำหรับการ "พูดคุย" แต่ธรรมชาติอยากรู้อยากเห็นของพวกเขาหมายความว่าพ่อแม่ต้องบอกพวกเขาสิ่งที่ เพราะประวัติศาสตร์ที่ยาวนานของพวกเขาที่เกี่ยวข้องกับเด็กทารกและครอบครัวนกกระสาเป็นเรื่องง่ายที่จะบอกเด็ก ๆ ในบางครั้งลมหายใจเช่นเดียวกับการเรียนการสอนให้พวกเขาบทเรียนชีวิตที่มีคุณค่าเช่นเคยมีความซื่อสัตย์ ...

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

วันนี้ผมพบว่านกกระสาจะเกี่ยวข้องกับการส่งมอบทารก

เราทั้งหมดทราบว่าเด็กทารกเกิดมาได้ยังไง นกกระสา สามารถเห็นบินอยู่เหนือหลังคาด้วยผ้าห่อเล็ก ๆ น้อย ๆก่อนที่จะลงจอดที่บันไดหน้าประตูของคู่ความสุขที่แกะที่มีค่าของพวกเขายิ้มขวาทารกแรกเกิด ? เรื่องนี้เคยเป็นเรื่องที่จะบอกเด็กที่ถือว่ายังเด็กเกินไปที่จะบอกอะไรต่าง ๆ .

นกกระสาได้เกี่ยวข้องกับเด็กและครอบครัวมานานหลายศตวรรษ ในเทพนิยายกรีก พวกเขากำลังที่เกี่ยวข้องกับการขโมยเด็กทารกหลังจาก Hera เป็นคู่แข่งของเธอเป็นนกกระสาและนกกระยาง ผู้หญิงที่พยายามจะขโมยลูกชาย ตำนานอียิปต์ วิญญาณของคนบาก็มักจะแสดงโดยนกกระสา . การกลับมาของนกกระสาหมายถึงการกลับมาของวิญญาณซึ่งเป็นจุดที่คนอาจจะกลายเป็นภาพเคลื่อนไหว อีก ในตำนานเทพเจ้าสแกนดิเนเวีย นกกระสาแสดงคุณค่าของครอบครัวและมุ่งมั่นที่จะอีกคนหนึ่ง . . .

หลายตำนานนกกระสา , ยังเป็นสัญลักษณ์ของความจงรักภักดีและการแต่งงานของคู่สมรส เพราะนกกระสาจะเชื่อกันอย่างกว้างขวางเพื่อเพื่อนเพื่อชีวิต ในความเป็นจริง , พวกเขาไม่ได้จริงๆเพื่อนสำหรับชีวิตแต่ก็มีแนวโน้มที่จะกลับสู่รังเดียวกันทุกปีและมักจะคู่กับคู่เดิม

นกกระสายังเป็นตัวแทนในจีน , อิสราเอล , และต่าง ๆในยุโรป วัฒนธรรม ตำนาน แต่สมาคมนกกระสาพาคู่รัก ทารกแรกเกิด เชื่อว่า การเริ่มต้นใน เยอรมัน หลายร้อยปีมาแล้ว

พฤติกรรมตามธรรมชาติของนกกระสายืมปมความสัมพันธ์ กับการเกิด เป็นนกอพยพ นกกระสาขาวจะบินใต้ , ในฤดูใบไม้ร่วงและกลับไปยุโรปเก้าเดือนต่อมา โดยปกติแล้วพวกเขาอาจจะเห็นไปทางทิศเหนือ และทำรัง ประมาณเดือนมีนาคมและเมษายน เด็กที่เกิดในเดือนมีนาคมและเมษายน น่าจะรู้สึกในเดือนมิถุนายนของปีก่อนหน้านี้ วันก่อนช่วงฤดูร้อน ซึ่งจะเกิดขึ้นในวันที่ 21 มิถุนายนคือการเฉลิมฉลองอายันฤดูร้อน แต่ก็ยังเที่ยวพุกามของการแต่งงานและความอุดมสมบูรณ์ ในขณะที่การแต่งงานมากมาย และข้อต่ออื่น ๆที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาหลายทารกจะเกิดรอบ ๆเวลาที่ได้เห็นนกกระสาบินเหนือ ทำให้การเชื่อมต่อที่ " นกกระสาเอาเด็ก" สัญลักษณ์ของการย้ายถิ่นรูปแบบรวมกับประวัติศาสตร์ของพวกเขาในเทพนิยายและตำนาน อาจส่งผลต่อความนิยมของเรื่องราวในวันนี้

Hans Christian Andersen popularized ในนกกระสานิทาน , เรื่องสั้นที่เขาเขียนในศตวรรษที่ 19 ในเรื่อง นกกระสาบินอยู่เหนือหมู่บ้านล้อเป็นเด็กและได้รับการแก้แค้นของพวกเขา โดยการส่งศพลูก กับครอบครัวของเด็กในรุ่นของเรื่องราวนี้ นกกระสาดึงทารกจากบ่อที่เขาฝัน เพื่อส่งมอบให้กับครอบครัวของเด็กที่ดี อีกรุ่นที่ได้รับความนิยมของเรื่องคือว่า ทารกที่พบในถ้ำเรียกว่า adeborsteines ซึ่งในเยอรมัน , แท้จริงหมายถึง " นกกระสาหิน . " adeborsteine ยังสามารถอ้างถึงหินจากที่ทารกจะ " ฟัก "หินขาวและดำที่เด็กโยนเหนือหัวบอกนกกระสาที่พวกเขาต้องการเป็นพี่น้อง หรือก้อนหินที่ทารกถูกวางไว้บนที่แห้งหลังจากที่พวกเขาถูกดึงมาจากทะเล

เรื่องมีแนวโน้มการแพร่กระจายเนื่องจากการรับรู้และแปลกนิดๆ มนุษย์จำเป็นที่จะดักโจมตีคำถามอึดอัดเด็กนาน เท่าที่จะเป็นไปได้ ของฮันส์ คริสเตียน แอนเดอร์เซน เวลาทำให้เด็กเป็นหัวข้อต้องห้ามโดยเฉพาะอย่างยิ่ง แม้วันนี้ เด็กๆ หลายคนได้รับพี่น้องก่อนที่พวกเขาจะถือว่าพร้อมที่จะ " พูด " แต่ธรรมชาติรู้ของพวกเขาหมายความว่า พ่อแม่ต้องบอกอะไรพวกเขา เนื่องจากประวัติศาสตร์ที่ยาวนานของพวกเขาที่เกี่ยวข้องกับเด็กและครอบครัว นกกระสาเป็นเรื่องง่ายที่จะบอกลูก ๆบางครั้งในลมหายใจเดียวกันที่สอนบทเรียนชีวิตที่มีคุณค่าอย่างเสมอ ซื่อสัตย์ . . . . . . .