ไทยแลนด์เซอโรเกซีย์ ให้บริการอุ้มครรภ์แทนอย่างมีจริยธรรมที่ประเทศไทย หญิงที่จะมาทำหน้าที่อุ้มครรภ์แทนนั้นมาจากผู้มีฐานะปานกลางของประเทศไทย โดยพวกเค้าเหล่านี้อุ้มครรภ์แทนเพื่อนำเงินที่ได้ ไปเป็นรายได้เสริม เพื่อสนับสนุนการศึกษาของบุตรหลานหรือนำไปต่อยอดทางธุรกิจ ตลอดระยะเวลาของการอุ้มบุญ ผู้หญิงทุกคนจะได้มีโอกาสใช้เวลาอยู่กับครอบครัวของตนเอง ซึ่งเราเชื่อว่าแรงสนับสนุนจากครอบครัวและการดูแลถือว่าเป็นปัจจัยสำคัญที่พวกเธอต้องการ
สถานพยาบาลที่ดำเนินการอุ้มครรภ์แทนที่ประเทศไทยจะมีคณะทำงานคอยตรวจสอบตลอดโครงการ โดยจุดประสงค์หลักเพื่อสร้างความมั่นใจถึงคุณภาพชีวิตของหญิงที่ทำหน้าที่อุ้มครรภ์แทนให้อยู่ในสภาพที่ดี ซึ่งนี่เองเป็นเหตุผลหลักที่ทำให้การอุ้มครรภ์แทนที่ประเทศไทยมีอัตราความสำเร็จสูงกว่าประเทศอินเดีย คณะทำงานตรวจสอบนี้จะร่วมช่วยวางแผน รวมถึงคัดเลือกผู้รับอุ้มครรภ์อย่างละเอียด ให้บริการด้านการแพทย์ที่ดีเยี่ยม และคอยดูแลผู้รับอุ้มครรภ์เป็นอย่างดี สำหรับการคัดเลือกผู้รับอุ้มครรภ์เริ่มด้วยการทำแบบสอบถาม และการสัมภาษณ์จากทีมงานผู้เชี่ยวชาญ ก่อนที่จะทำการทดสอบด้านการแพทย์ ซึ่งการทดสอบนี้ครอบคลุมไปถึง การตรวจสอบเชื้อ HIV และ เชื้อไวรัสตับอักเสบ B และ C รวมไปถึงการใช้สารเสพย์ติดต่างๆ
สำหรับผู้ที่ต้องการใช้บริการอุ้มครรภ์แทนที่ประเทศไทยนั้น ต้องยื่นเอกสารต่อคณะตรวจสอบเป็นหลักฐานทางสุขภาพที่ยืนยันจากแพทย์ว่าไม่สามารถมีบุตรได้ด้วยตนเองเท่านั้น ซึ่งขั้นตอนนี้ใช้เวลาประมาณ 1-2 สัปดาห์ก่อนที่จะทราบผล สำหรับประเทศอินเดียนั้นไม่ปรากฏว่ามีขั้นตอนนี้อยู่ในกระบวนการตรวจสอบแต่อย่างใด
ทางเราแนะนำให้ผู้ที่ต้องการมีบุตรมาให้กำลังใจผู้อุ้มบุญในช่วงตรวจอัลตราซาวน์และการตรวจครรภ์ต่างๆ เพราะสัมพันธภาพที่ดีของผู้อุ้มครรภ์และฝากครรภ์ถือว่าเป็นหัวใจสำคัญ
การอุ้มครรภ์แทนมีอยู่ 5 ขั้นตอนดังนี้
1. การผลิตรังไข่
การให้ยาสำหรับผู้รับอุ้มบุญเช่น Fertinex, Foolistim หรือ Gonal-f เพื่อเพิ่มปริมาณไข่ในรังไข่ ซึ่งจะช่วยให้โอกาสในการตั้งครรภ์เพิ่มขึ้น โดยจำนวนของไข่จะช่วยให้โอกาสการตั้งครรภ์เพิ่มขึ้น
โดยยา Lupron จะให้ไปพร้อมๆกับหญิงที่อุ้มครรภ์แทนเพื่อช่วยให้วงรอบประจำเดือนสอดคล้องกับการอุ้มครรภ์แทน ซึ่งการให้ยาดังที่กล่าวข้างต้นจะให้ทุกๆวันเพื่อให้เกิดการตกไข่หลายๆใบ โดยปกติภายในวันที่ 14 ทางแพทย์จะให้ยา Human Chorinic Gonadatropin (HCG) แก่หญิงที่ทำหน้าที่อุ้มครรภ์แทน ซึ่งยาตัวนี้เองจะช่วยให้เกิดการปฏิสนธิ ซึ่งภายในหนึ่งวันถึงหนึ่งวันครึ่งหญิงคนดังกล่าวก็จะมีความพร้อม
2. เตรียมตัวสำหรับตัวอ่อนเพื่อการฝังตัว
ผู้ที่มาอุ้มครรภ์แทนจะได้รับการดูแลในเรื่องฮอร์โมนในร่างกายให้สมดุลย์ด้วยการใช้ฮอร์โมน Estrogen และ Progesterone โดยจะมีการตรวจวัดระดับเลือดและการตรวจอัลตราซาวน์เพื่อดูการตอบรับภายในมดลูก นอกจากนี้ระดับความลึกและองศาของตัวอ่อนในปากมดลูกจะมีการใช้เครื่องมือเพื่อย้ายตัวอ่อนแบบธรรมชาติ
3. การดึงเซลล์ไข่ออกมา
ไข่และไข่ที่สุกเต็มที่จากผู้ที่บริจาคจะได้รับการตรวจด้วยอัลตร้าซาวน์พร้อมด้วยยากดประสาทระดับสี่ ตามที่ไทยแลนด์เซอโรเกซีย์ทราบคือไข่และไข่ที่สุกเต็มที่จะได้รับการตรวจด้วยไมโครสโคปเพื่อดูของเหลวในกระเปาะไข่ก่อนที่จะนำมาพักในห้องปฏิบัติการและเตรียมพร้อมในการปฏิสนธิกับเชื้อสเปิร์มของผู้ที่ต้องการเป็นบิดา ซึ่งต้องผลิตน้ำเชื้อในวันเดียวกัน
4. การย้ายตัวอ่อน
การย้ายตัวอ่อนทำได้ราว 3-5 ตัวอ่อน การฝังตัวอ่อนจะได้รับการปรึกษาระหว่างหญิงที่อุ้มครรภ์แทน ผู้ว่าจ้างให้อุ้มครรภ์และแพทย์ที่ดูแล จำนวนของตัวอ่อนที่จะฝังแตกต่างกันไปในแต่ละกรณีขึ้นอยู่กับจำนวนและคุณภาพของตัวอ่อนที่ได้มา ถ้ามีตัวอ่อนที่ได้เกินจำนวนที่ต้องการจะนำไปผ่านกระบวนการแช่ฟรีซเผื่อใช้ในอนาคต นี่จะช่วยในกรณีที่การฝังตัวอ่อนล้มเหลว เราก็สามารภนำตัวอ่อนที่แช่แข็งนำออกมาใช้งานได้
5. การทดสอบการตั้งครรภ์
หลังจากที่มีการย้ายและฝังตัวอ่อนประมาณ 10 วัน หญิงที่อุ้มครรภ์แทนจะมีการถูกตรวจเลือดว่าตั้งครรภ์ไหม ถ้าหากผลออกมาเป็นบวกหญิงคนดังกล่าวจะได้รับการดูแลจากการทางทีมแพทย์ทันที ตลอดระยะเวลาเก้าเดือนนับจากนี้ ทางเจ้าหน้าที่ของเราจะทำการจัดตารางของแพทย์ผู้ดูแล รวมไปถึงการรับส่งหญิงที่อุ้มครรภ์แทนเพื่อมาพบแพทย์ในทุกๆนัดหมาย เรารับประกันว่าหญิงอุ้มครรภ์แทนจะได้รับการดูแลอย่างดีเยี่ยม