The objective of this study was to

The objective of this study was to assess the effect of different extraction methods on oil yield, colour attributes, oxidative stability, fatty acids composition and production of volatile compounds in sturgeon oil during storage. The supercritical fluid extraction (SFE) method with carbon dioxide resulted in higher oil yields, better colour attributes, and higher oxidative stability compared to other traditional extraction methods such as enzymatic extraction, amino, and wet reduction. After storage at 4 °C for 33 days, the aldehyde content in oil extracted by the enzymatic extraction and wet reduction methods was twice as high as that obtained by the other methods. There was a significant reduction in the content of total acids in oils extracted by the enzymatic extraction and wet reduction methods (p < 0.05), whereas amine compounds were mainly detected in oil extracted by the amino method. The oil extracted by SFE exhib- ited higher UFA and lower SFA. Significant diffidence among PUFA with C above 20 was observed in oil extracted with SFE.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

วัตถุประสงค์ของการศึกษานี้คือการ ประเมินผลวิธีต่าง ๆ สกัดน้ำมัน แอตทริบิวต์สี oxidative เสถียรภาพ องค์ประกอบของกรดไขมัน และผลิตสารระเหยในปลาสเตอร์เจียนน้ำมันระหว่างการเก็บรักษา วิธีการสกัดของเหลว supercritical (SFE) กับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ผลผลผลิตน้ำมันสูง ดีสีคุณลักษณะ และเสถียรภาพ oxidative สูงเมื่อเทียบกับวิธีการสกัดแบบดั้งเดิมอื่น ๆ เช่นเอนไซม์ในระบบสกัด อะมิโน และน้ำลด หลังจากเก็บที่ 4 ° C วัน 33 เนื้อหาแอลดีไฮด์ในน้ำมันที่สกัด โดยการสกัดเอนไซม์ในระบบ และวิธีการลดน้ำได้สองสูงเป็นที่ได้รับ โดยวิธีอื่น ๆ มีลดอย่างมีนัยสำคัญในเนื้อหาของกรดทั้งหมดในน้ำมันที่สกัด โดยการสกัดเอนไซม์ในระบบและวิธีลดการเปียก (p < 0.05), ในขณะที่ส่วนใหญ่พบสารประกอบ amine ในน้ำมันที่สกัด โดยวิธีอะมิโน น้ำมันที่สกัด โดย SFE exhib-ited สูง UFA และต่ำกว่า SFA Diffidence อย่างมีนัยสำคัญระหว่าง PUFA กับ C เหนือ 20 ที่พบในน้ำมันที่สกัด ด้วย SFE

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

วัตถุประสงค์ของการศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อประเมินผลกระทบของวิธีการสกัดที่แตกต่างกันที่มีต่อผลผลิตน้ำมันคุณลักษณะสีเสถียรภาพออกซิเดชันองค์ประกอบกรดไขมันและการผลิตของสารระเหยในน้ำมันปลาสเตอร์เจียนระหว่างการเก็บรักษา การสกัดด้วยของไหล (SFE) วิธีการที่มีก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนที่สูงขึ้นน้ำมัน, สีคุณลักษณะที่ดีขึ้นและความมั่นคงออกซิเดชันที่สูงขึ้นเมื่อเทียบกับวิธีการสกัดแบบดั้งเดิมอื่น ๆ เช่นการสกัดเอนไซม์อะมิโนและลดเปียก หลังจากการเก็บรักษาที่อุณหภูมิ 4 องศาเซลเซียสเป็นเวลา 33 วัน, เนื้อหาลดีไฮด์ในน้ำมันสกัดโดยการสกัดเอนไซม์และวิธีการลดเปียกเป็นครั้งที่สองที่สูงที่สุดเท่าที่ได้รับโดยวิธีการอื่น ๆ มีการลดลงอย่างมีนัยสำคัญในเนื้อหาของกรดทั้งหมดในน้ำมันสกัดโดยการสกัดเอนไซม์และวิธีการลดเปียก (p <0.05) ในขณะที่สารเอมีนได้รับการตรวจพบส่วนใหญ่อยู่ในน้ำมันที่สกัดด้วยวิธีอะมิโน น้ำมันที่สกัดโดย SFE exhib- ited สูงอูฟาและล่าง SFA ที่สําคัญความอายในหมู่ PUFA ด้วย C สูงกว่า 20 ถูกพบในน้ำมันสกัดด้วย SFE

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาผลของการสกัดด้วยวิธีที่แตกต่างกันต่อผลผลิตน้ำมันสีคุณลักษณะเสถียรภาพออกซิเดชันกรดไขมันและสารระเหยในการผลิตน้ำมันปลาสเตอร์เจียนในระหว่างการเก็บรักษา การสกัดของไหลยิ่งยวด ( เทคโนโลยี ) ด้วยวิธีคาร์บอนไดออกไซด์สูงกว่าน้ำมัน ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนที่ดีกว่า สี ลักษณะและสูงกว่า oxidative เสถียรภาพเมื่อเทียบกับวิธีการสกัดแบบดั้งเดิมอื่น ๆเช่นการแยกเอนไซม์ กรดอะมิโน และการเปียก เมื่อเก็บที่ 4 ° C เป็นเวลา 33 วัน อัลดีไฮด์ เนื้อหาในน้ำมันสกัดจากการสกัดเอนไซม์และวิธีการเปียกเป็นสองเท่าสูงเป็นที่ได้โดยวิธีการอื่น ๆมีการลดลงในเนื้อหาของกรดทั้งหมดในน้ำมันที่สกัดโดยการสกัดเอนไซม์และวิธีการเปียก ( P < 0.05 ) ส่วนสารประกอบเอมีนส่วนใหญ่พบในน้ำมันที่สกัดโดยวิธี . . น้ำมันที่สกัดด้วยเทคโนโลยีชั้นสูง exhib - ited UFA SFA และลดลง อย่างประหม่าของภูฟ้ากับ C ข้างต้น 20 พบว่าในน้ำมันที่สกัดด้วยเทคโนโลยี
.