สังคมคาดหวังว่าครูคือ“แบบอย่างที่ดี” เป็นผู้สร้างสมาชิกใหม่ของสังคมให้เป็นทรัพยากรมนุษย์ที่มีคุณภาพต่อสังคม ธรรมชาติของอาชีพครูเป็นอาชีพที่ต้องเกี่ยวข้องสัมผัสกับบุคคลอื่นอยู่เสมอ ฉะนั้นผู้ดำเนินอาชีพครูจึงต้องเป็นผู้ใฝ่รู้ ใฝ่เรียนและใฝ่พัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง ในการเป็นครูสอนที่ชิจิดะฉันไม่เพียงทำตามหน้าที่เท่านั้น ฉันคิดว่าการที่จะสั่งสอนเด็กให้เป็นบุคคลที่มีความรู้ เป็นคนดี และเป็นบุคคลที่สังคมมีความต้องการเราจะต้องรู้เรื่องราวเกี่ยวกับเด็กคนนั้นพอสมควร จึงจะสามารถสอนเขาได้ การสอนที่ดีนั้นไม่ใช่เพียงแค่เทคนิคการสอน แต่การสอนที่ดีจะต้องออกมาจาก จรรยาบรรณของความเป็นครู จากภายในจิตใจของผู้ที่รักในอาชีพครูและเสียสละได้เพื่อเด็กๆและสถาบัน นั่นคือความเป็นครูด้วยหัวใจ ซึ่งความเป็นครูด้วยหัวใจในความหมายของฉัน คือ การให้ความรักกับเด็กๆ รักที่จะเรียนรู้และพัฒนาตนเองอยู่เสมอรวมถึงรักในชีวิตการสอน แม้ว่า ธรรมชาติของการเป็นครูจะไม่ต่างจากการทำงานในอาชีพอื่นๆที่จะต้องพบกับทั้งความสุขความสมหวัง ความผิดหวัง และความรู้สึกหดหู่ใจ คุณภาพการสอนของครูจะมาจากภายในจิตใจของครู ดังนั้นการรู้จักตนเองของครูจึงเป็นเรื่องจำเป็นสำหรับทุกคนที่ปรารถนาเป็นครูที่ดี สิ่งแรกเลยก็คือการมีความรู้ คือ มีความรู้ดี ทำให้สามารถสอนเด็กๆได้ และต่อมาเลยก็คือ มีการถ่ายทอดความรู้ที่ดี ในเมื่อมีความรู้ดีแล้ว ก็ต้องสามารถถ่ายทอดความรู้ที่มีนั้นให้แก่เด็กๆได้ ใช้วิธีการสอนที่เหมาะสมกับเด็ก และสภาพแวดล้อมของเด็ก เพราะว่าเด็กแต่ละคนย่อมแตกต่างกัน ต่อมาก็คือเป็นผู้ที่มีการปรับปรุงตัวเองอยู่ตลอดเวลา ก็คือทันโลกทันเหตุการณ์เสมอ เป็นผู้ที่ทันสมัยและที่ฉันคิดว่าสำคัญมากๆเลยก็คือเป็นผู้ที่มีความอดทนอดกลั้น ทั้งในหน้าที่การงาน นิสัยของเด็ก ครูด้วยกัน รวมไปถึงเหล่าผู้ปกครอง นอกจากนั้นแล้วยังต้องเป็นผู้ที่สามารถทำตนเป็นแบบอย่างที่ดีงามให้แก่เด็กๆได้ เช่น การแต่งกายดี สุภาพเรียบร้อย ถูกกาลเทศะ มีนิสัยสุภาพอ่อนน้อม และมีมนุษยสัมพันธ์ที่ดีอีกด้วย
วัตถุประสงค์ในการสอนที่ชิจิดะของฉัน คือการเพิ่มพูนความรู้ความสามารถของเด็กๆ เพื่อให้พวกเขาเป็นเด็กที่อัจฉริยะ ตามเป้าหมายของ Professor Makoto Shichidaโดยการสอนจะสอนตามขั้นตอนของ Shichida method คือ โดยฝึกสมองทั้งสองซีกให้ทำงานร่วมกัน และกระตุ้นให้สมองทุกส่วนได้ใช้ประโยชน์สูงสุด เพื่อให้เกิดการเชื่อมโยงของใยประสาทของสมองทั้งสองข้าง โดยกิจกรรมจะขึ้นอยู่กับช่วงอายุ ไม่ยากไม่ง่ายจนเกินไป ซึ่งช่วงที่สมองของคนเราจะพัฒนาอย่างรวดเร็วคือช่วงอายุ 0-3 ปี ซึ่งเป็นช่วงที่เครือข่ายเส้นประสาทพื้นฐานสมบูรณ์ที่สุดและในช่วงนี้คลื่นสมองของเด็กจะอยู่ในช่วงคลื่น Alpha (α) ซึ่งเหมาะแก่การเรียนรู้เป็นอย่างยิ่ง และสมองจะพัฒนาต่อไปได้จนถึงอายุ 12 ปี หลังจากนั้นพัฒนาการของสมองก็จะช้าลงเรื่อยๆในขณะที่อวัยวะส่วนอื่นมีการพัฒนาเพิ่มขึ้น โดยการสอนของชิจิดะจะเน้นถึงความสมดุลของการพัฒนาสมองซีกขวาและซีกซ้าย ซึ่งต่างจากแนวคิดอื่นๆ คือในการสอนจะพัฒนาสมองซีกขวาด้วยการเน้นฝึกฝนความจำแบบรวดเร็วผ่าน Flash Card คือกระบวนการเพื่อฝึกทักษะทางด้านการอ่านให้แก่เด็กๆ ซึ่งเป็นวิธีการที่ได้รับการทดสอบและยอมรับว่าดีที่สุด นี่คือสิ่งที่เรียกว่า การเรียนรู้ด้วยสมองซีกขวาด้วยกระบวนการเข้าใจภาษาเช่นนี้ การให้เด็กๆได้เห็นไปพร้อมๆกับการได้ยินอย่างรวดเร็วโดยไม่มีการแปลหรือการเน้นย้ำ วิธีการนี้เป็นวิธีที่ได้รับการพิสูจน์แล้วว่ามีประสิทธิภาพสูงสุดสำหรับสอนให้เด็กสามารถเข้าใจภาษา เพราะเด็กๆจะเชื่อมโยงสิ่งที่เห็นและสิ่งที่ได้ยินผ่านจิตใต้สำนึกอย่างตรงไปตรงมาโดยไม่ต้องใช้กระบวนการแปลความหมายใดๆ ซึ่งรวมถึงการที่พวกเขาสามารถอ่านหนังสือได้ เด็กๆจะซึมซับภาพสัญลักษณ์ของคำต่างๆไว้ในสมอง สิ่งนี้จะเป็นพื้นฐานในการพัฒนาทักษะทางด้านการอ่านขั้นสูงต่อๆไป และยังมีกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการใช้จินตนาการและสัญชาตญาณของเด็ก ส่วนสมองซีกซ้ายจะพัฒนาด้วยการเล่นเกม ได้แก่ เกมเชาว์ ภาษา และตัวเลข รวมทั้งปลูกฝังคุณธรรมและจริยธรรมให้แก่เด็กๆในระหว่างการเรียนการสอนควบคู่ไปด้วยกัน
ฉันเคยศึกษาเกี่ยวกับพัฒนาการทางสมองของมนุษย์ ในช่วงที่ฉันเรียนมหาวิทยาลัย ทำให้ฉันมีความสนใจในเรื่องนี้พอสมควร โดยจากการที่ได้ศึกษาพบว่าพัฒนาการทางสมองเป็นเรื่องสำคัญมากซึ่งพัฒนาการทางสมองของเด็กนั้นเริ่มตั้งแต่อยู่ในครรภ์ได้ 2 อาทิตย์ จะเริ่มมีกลุ่มเซลล์ที่จะมีหน้าที่พัฒนาต่อไปเป็นสมองเมื่อเด็กแรกคลอดนั้นจะมีจำนวนเซลล์สมองที่มากพอที่จะทำหน้าที่ให้เด็กมีชีวิตอยู่รอดได้ เช่นเซลล์สมองที่เกี่ยวข้องกับการมีชีวิตทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นการเต้นของหัวใจ การหายใจ การทำงานของลำไส้ ความรู้สึกในเรื่องของอุณหภูมิหรือการปรับตัวบางอย่างก็เริ่มทำงานแล้ว ในขณะเดียวกันก็จะมีเซลล์สมองจำนวนมากที่มีพร้อมอยู่แล้วแต่ยังไม่มีการกระตุ้นทำให้เกิดการทำงาน เช่นเซลล์สมองที่ทำหน้าที่เกี่ยวกับเรื่องของภาษาก็มีตั้งแต่แรกเกิดเพียงแต่ว่ายังไม่มีความพร้อมในการทำงานพัฒนาการทางสมองของเด็กจะเติบโตอย่างรวดเร็วมากใน 3 ปีแรกและยังพัฒนาต่อไปจนถึงอายุ 12 ปี แต่หลังจากอายุ 12 ปีไปแล้วจะมีการพัฒนาอย่างช้าๆไปจนกระทั่งโตเป็นผู้ใหญ่เต็มที่จนอายุ 25 ปี หลังจากนั้นการทำงานของสมองหรือพัฒนาการทางสมองก็อาจจะหยุด แต่ไม่ได้แปลว่าหยุดการทำงาน เพียงแต่ว่าอาจจะไม่มีการเพิ่มเติมขึ้นมาใหม่แต่ถ้าหากว่ายังมีการเรียนรู้ใหม่ๆเกิดขึ้นเสมอก็ยังคงมีพัฒนาการในทางด้านสมองเติบโตต่อไปได้ อย่างเช่น Albert Einstein ซึ่งเป็นสุดยอดอัจฉริยะ แต่ก่อนผู้คนคิดว่าสมองซีกซ้ายของเขาน่าจะพัฒนามากกว่าสมองซีกขวา แต่เมื่อมีการผ่าตัดสมองตามความประสงค์ของเขากลับพบว่าสมองซีกขวามีการพัฒนามากกว่า
การเรียนรู้ของสมองซีกซ้ายและซีกขวามีลำดับการพัฒนาการที่แตกต่างกันในช่วงแรกเกิดถึงอายุ 3 ปีสมองซีกขวาจะทำหน้าที่เป็นหลักสมองซีกขวาจะใช้สัญชาตญาณการเรียนรู้แบบรูปภาพเป็นตัวดำเนินการคิดซึ่งหมายความว่าสิ่งต่างๆที่เห็นหรือได้ยินแค่เพียงครั้งเดียวก็จะถูกจดจำและสร้างขึ้นใหม่เป็นรูปภาพในความรู้สึกนึกคิดได้เมื่ออายุประมาณ 3 ปี ความนึกคิดเชิงตรรกะแ