จีนออกไปลงทุนภายนอกประเทศในเดือนสิงหาคมเพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัวเป็น 1.262 หมื่นล้านบาท สวนทางการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ที่ลดลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 4 ปี กระทรวงพาณิชย์จีนเปิดเผยข้อมูลการลงทุนประจำเดือนสิงหาคม โดยระบุว่าการลงทุนโดยตรงในต่างประเทศ (ODI) ของจีน เพิ่มขึ้น 112.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดือนเดียวกันของปีก่อน เป็น 1.262 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในทางกลับกันการเข้ามาลงทุนในจีนโดยต่างประเทศลดลง 14% เหลือ 7.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
จีนเดินหน้าซื้อสินทรัพย์ในต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะด้านพลังงานและทรัพยากร เพื่อสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจ โดยบริษัทต่างๆ ได้รับการเชิญชวนให้ออกไปควบรวมกิจการกับต่างชาติเพื่อเพิ่มการเข้าถึงตลาดต่างประเทศ เจ้าหน้าที่ทางการจีนกล่าวว่า การลงทุนในต่างประเทศของจีนในปีนี้มีโอกาสแซงหน้ามูลค่าการเข้ามาลงทุนในประเทศของต่างชาติ
มูลค่าการลงทุนโดยตรงจากต่างชาติในจีนลดลงเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกันแล้ว โดยมูลค่าการเข้ามาลงทุนในเดือนกรกฎาคมอยู่ที่ 7.81 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ นอกจากนี้ยังเป็นมูลค่าการลงทุนจากต่างชาติที่ต่ำที่สุดตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2553 ที่มีมูลค่าเพียง 6.92 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
อย่างไรก็ตาม นายเฉิน ต้านหยาง โฆษกกระทรวงพาณิชย์จีนยืนยันว่า มูลค่าการลงทุนจากต่างประเทศที่ลดลงไม่มีความเกี่ยวข้องกับการสอบสวนบริษัทเอกชนในเรื่องของการผูกขาดและกำหนดราคาสินค้าในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งการสอบสวนของทางการจีนในเรื่องดังกล่าวได้สร้างความกังวลใจให้กับนักลงทุนต่างชาติจำนวนมากที่มองว่าจีนกำลังพุ่งเป้าโจมตีบริษัทต่างชาติ
ทั้งนี้ในช่วง 8 เดือนแรกของปี การออกไปลงทุนในต่างประเทศของจีนเพิ่มขึ้นจากปีก่อน 15.3% เป็น 6.517 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยในช่วงเวลาดังกล่าว การลงทุนในสหภาพยุโรปเพิ่มขึ้น 257.1% ในญี่ปุ่นเพิ่มขึ้น 116.7% และในรัสเซียเพิ่มขึ้น 73.3% ขณะที่การลงทุนในสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 16% เป็น 3.26 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
ขณะเดียวกัน ช่วงระหว่างเดือนมกราคมถึงสิงหาคม การลงทุนโดยตรงจากต่างชาติลดลง 1.8% เมื่อเทียบกับปีก่อนด้วยมูลค่า 7.834 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ข้อพิพาทเรื่องเขตแดนส่งผลให้การลงทุนจากญี่ปุ่นลดลง 43.3% เหลือ 3.16 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ การลงทุนจากยุโรปลดลง 17.9% เป็น 4.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และการลงทุนจากสหรัฐฯ ลดลง 16.9% เหลือ 2.08 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
อย่างไรก็ดี การลงทุนจากเกาหลีใต้เพิ่มขึ้น 31.3% เป็น 3.02 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เช่นเดียวกับการลงทุนจากอังกฤษที่เพิ่มขึ้น 18.9% เป็น 850 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ