According to IUPAC, the functionali

According to IUPAC, the functionality of a monomer is defined as the number of bonds that a monomer's repeating unit forms in a polymer with other monomers. Thus in the case of a functionality of f = 2 a linear polymer is formed by polymerizing (a thermoplastic). Monomers with a functionality f ≥ 3 lead to a branching point, which can lead to cross-linked polymers (a thermosetting polymer). Monofunctional monomers do not exist as such molecules lead to a chain termination.[6]

From the average functionality of the used monomers the reaching of the gel point can be calculated as a function of reaction progress.[7] Side reactions may increase or decrease the functionality.[8]

However, IUPAC definition and the use of the term in organic chemistry differ with respect to the functionality of a double bond.[6][9] In polymer chemistry, a double bond possesses a functionality of two (because two points of contact for further polymer chains are present, on each of the two adjacent carbon atoms), while in organic chemistry the double bond is a functional group and thus has a functionality of one.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ตามยิ่ง ๆ การทำงานของน้ำยาถูกกำหนดเป็นหมายเลขของพันธบัตรว่า น้ำยามีหน่วยซ้ำรูปแบบในลิเมอร์ด้วยโมโนเมอร์อื่น ๆ ดังนั้น ในกรณีของการทำงานของ f = 2 ลิเมอร์เชิงเส้นจะเกิดขึ้นจาก polymerizing (เป็นเทอร์โม) อสามารถพร้อมมีฟังก์ชัน f ≥ 3 นำไปสู่จุดโยงหัวข้อ ซึ่งสามารถนำไปสู่การครอสลิงค์โพลิเมอร์ (เทอร์โมเซตติงลิเมอร์) อสามารถ Monofunctional มีอยู่ดังกล่าวนำไปสู่การยุติโซ่โมเลกุล [6]จากการทำงานเฉลี่ยของอสามารถใช้ ถึงจุดเจสามารถคำนวณเป็นฟังก์ชันของความก้าวหน้าของปฏิกิริยา [7] ด้านปฏิกิริยาอาจเพิ่ม หรือลดฟังก์ชันการทำงาน [8]อย่างไรก็ตาม ยิ่ง ๆ นิยามและการใช้คำในเคมีอินทรีย์แตกต่างเกี่ยวกับการทำงานของพันธะคู่ [6] [9] ในเคมีพอลิเมอร์ พันธะคู่มีการทำงานของทั้งสอง (เนื่องจากสองจุดติดต่อเพิ่มเติมพอลิเมอร์โซ่มีอยู่ แต่ละของทั้งสองอยู่ติดกับคาร์บอนอะตอม), ใน ขณะที่ในเคมีอินทรีย์ พันธะคู่เป็นกลุ่มการใช้งาน และจึง มีการทำงานอย่างใดอย่างหนึ่ง

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ตามที่ IUPAC การทำงานของโมโนเมอร์ที่ถูกกำหนดให้เป็นหมายเลขของพันธบัตรที่โมโนเมอร์ของรูปแบบหน่วยซ้ำในลิเมอร์ที่มีโมโนเมอร์อื่น ๆ ดังนั้นในกรณีของการทำงานของ F ที่ = 2 ลิเมอร์เชิงเส้นจะเกิดขึ้นโดย polymerizing (เทอร์โม) โมโนเมอร์กับการทำงานฉ≥ 3 นำไปสู่จุดที่แตกแขนงซึ่งสามารถนำไปสู่การโพลีเมอ cross-linked (ลีเมอร์เทอร์โม) โมโนเมอร์ Monofunctional ไม่อยู่เป็นโมเลกุลดังกล่าวนำไปสู่การเลิกจ้างโซ่. [6]

จากการทำงานเฉลี่ยของโมโนเมอร์ที่ใช้ถึงจุดเจลสามารถคำนวณเป็นหน้าที่ของความคืบหน้าของการเกิดปฏิกิริยา. [7] ปฏิกิริยาข้างเคียงที่อาจเพิ่มขึ้นหรือลดการทำงาน. [8]

แต่ความหมาย IUPAC และการใช้ในระยะอินทรีย์เคมีที่แตกต่างกันเกี่ยวกับการทำงานของพันธะคู่ได้. [6] [9] ในวิชาเคมีโพลิเมอร์ซึ่งเป็นพันธะคู่มีคุณสมบัติการทำงานของทั้งสอง (เพราะสองจุดของการติดต่อสำหรับโซ่พอลิเมอต่อที่มีอยู่ในแต่ละสองอะตอมของคาร์บอนที่อยู่ติดกัน) ในขณะอินทรีย์เคมีพันธะคู่เป็นกลุ่มการทำงานและทำให้มี การทำงานของหนึ่ง