Johann Ritter then decided to place

Johann Ritter then decided to place silver chloride in the area just beyond the violet end of the spectrum, in a region where no sunlight was visible. To his amazement, he saw that the silver chloride displayed an intense reaction well beyond the violet end of the spectrum, where no visible light could be seen. This showed for the first time that an invisible form of light existed beyond the violet end of the spectrum. This new type of light, which Ritter called Chemical Rays, later became known as ultraviolet light or ultraviolet radiation (the word ultra means beyond). Ritter's experiment, along with Herschel's discovery, proved that invisible forms of light existed beyond both ends of the visible spectrum.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

โยริทเตอร์แล้วตัดสินใจวางเงินคลอไรด์เพียงนอกสุดสีม่วงของคลื่น ในเขตที่แสงแดดไม่ถูกมองเห็นได้ ท่ามกลางความประหลาดใจของเขา เขาเห็นว่า ซิลเวอร์คลอไรด์แสดงปฏิกิริยาโต้ตอบที่ดีจากที่สิ้นสุดของสเปกตรัม ไวโอเลตซึ่งอาจจะเห็นแสงที่มองเห็นไม่ แสดงให้เห็นเป็นครั้งแรกที่แบบมองไม่เห็นแสงสว่างอยู่จนม่วงของสเปกตรัม แสง ริทเตอร์ซึ่งเรียกว่ารังสีเคมี ชนิดใหม่นี้ในภายหลังรู้จักกันในชื่อแสงอัลตราไวโอเลตหรือรังสีอัลตราไวโอเลต (ultra คำที่แปลว่า เหนือ) ทดลองของริทเตอร์ พร้อมกับการค้นพบของเฮอร์เชล พิสูจน์ว่า มองไม่เห็นรูปแบบของแสงที่มีอยู่เหนือปลายทั้งสองของสเปกตรัมที่มองเห็นได้

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

โยฮันน์ริทแล้วก็ตัดสินใจที่จะวางคลอไรด์เงินในพื้นที่เพียงแค่เกินปลายสีม่วงของสเปกตรัมในภูมิภาคท​​ี่ไม่มีแสงแดดถูกมองเห็นได้ ท่ามกลางความประหลาดใจของเขาเขาเห็นว่าเงินคลอไรด์ที่แสดงปฏิกิริยาที่รุนแรงได้ดีเกินปลายสีม่วงของสเปกตรัมที่ไม่มีแสงที่มองเห็นอาจจะเห็น นี้แสดงให้เห็นเป็นครั้งแรกว่าเป็นรูปแบบที่มองไม่เห็นของแสงที่มีอยู่เกินปลายสีม่วงของสเปกตรัม นี้ชนิดใหม่ของแสงซึ่งริทเรียกว่ารังสีเคมีต่อมากลายเป็นที่รู้จักในฐานะแสงอัลตราไวโอเลตหรือรังสีอัลตราไวโอเลต (คำหมายถึงอัลตร้าเกิน) การทดลองของริทพร้อมกับการค้นพบเฮอร์เชลพิสูจน์ให้เห็นว่ารูปแบบที่มองไม่เห็นของแสงที่มีอยู่เกินปลายทั้งสองของสเปกตรัมที่มองเห็น

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

โยฮันน์ ริตเตอร์ แล้วตัดสินใจวางซิลเวอร์คลอไรด์ในพื้นที่เหนือม่วงปลายของสเปกตรัม ในเขตที่ไม่มีแสงแดด ก็สามารถมองเห็นได้ เพื่อความประหลาดใจของเขา เขาเห็นว่าซิลเวอร์คลอไรด์ แสดงปฏิกิริยาที่รุนแรงมากกว่าม่วงปลายของสเปกตรัมที่มองเห็นแสงที่ไม่สามารถมองเห็นได้ พบครั้งแรกที่รูปแบบมองไม่เห็นแสงที่มีอยู่เกินสีม่วงปลายของสเปกตรัม นี้ชนิดใหม่ของแสงซึ่งเรียกว่า สารเคมี รังสี ริตเตอร์ ต่อมากลายเป็นที่รู้จักกันเป็นแสงอัลตราไวโอเลต หรือรังสีอัลตร้าไวโอเลต ( Ultra หมายถึงคำเกิน ) การทดลอง ริตเตอร์ , พร้อมกับ เฮอร์เชลเป็นการพิสูจน์ว่ารูปแบบมองไม่เห็นแสงที่มีอยู่เกินทั้งสองปลายของสเปกตรัมที่มองเห็น