Emotional eating theory suggested t

Emotional eating theory suggested that certain individuals eat in order to cope with stress and are therefore at risk of becoming obese (Bruch (1969) and Bruch (1973); Kaplan, 1957; Slochower, 1983). As the German colloquialism “Kummerspeck” (literally: fat of sorrow) shows, it is a popular view that emotional eating causes obesity. Although this view proved to be over-simplistic (Greeno & Wing, 1994), evidence did emerge for a role of emotional eating in a subgroup of obese persons. Obese binge eaters experience an increased tendency to binge in negative mood (Agras & Telch, 1998; Gluck et al., 2004) and can be treated successfully by improving their skills to regulate emotions (Telch, Agras, & Linehan, 2001; Wiser & Telch, 1999). Moreover, studies indicate that healthy, normal-weight persons regulate negative emotions by eating

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ทฤษฎีทางอารมณ์กินแนะนำว่า บางคนกินเพื่อรับมือกับความเครียด และจึงเสี่ยงอ้วน (Bruch (1969) และ Bruch (1973); Kaplan, 1957 Slochower, 1983) เป็นภาษาพูดภาษาเยอรมัน "Kummerspeck" (อักษร: ไขมันความเสียใจ) แสดงเป็นมุมยอดนิยมที่กินอารมณ์ทำให้เกิดโรคอ้วน แม้ว่ามุมมองนี้พิสูจน์ให้ เร่งรีบมากเกินไป (Greeno และวิง 1994), ไม่มีออกหลักฐานสำหรับบทบาทของอารมณ์กินในกลุ่มย่อยของคนอ้วน ดื่มสุราอ้วน eaters พบแนวโน้มการเพิ่มขึ้นการสุรายาเมาในอารมณ์ติดลบ (Agras & Telch, 1998 Gluck et al., 2004) และสามารถรักษาเรียบร้อยแล้ว โดยการปรับปรุงทักษะการควบคุมอารมณ์ (Telch, Agras และอย่างไร Linehan, 2001 Wiser & Telch, 1999) นอกจากนี้ การศึกษาระบุว่า คนปกติน้ำหนักเพื่อสุขภาพ ควบคุมอารมณ์ลบ ด้วยการกิน

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

อารมณ์ทฤษฎีการรับประทานอาหารที่ชี้ให้เห็นว่าบางคนกินเพื่อที่จะรับมือกับความเครียดและดังนั้นจึงมีความเสี่ยงของการเป็นโรคอ้วน (Bruch (1969) และ Bruch (1973); Kaplan, 1957; Slochower, 1983) ในฐานะที่เป็นภาษาเยอรมันเคยชิน "Kummerspeck" (ตัวอักษร: ไขมันของความเศร้าโศก) แสดงให้เห็นว่ามันเป็นมุมมองที่เป็นที่นิยมการรับประทานอาหารอารมณ์ที่ทำให้เกิดโรคอ้วน แม้ว่ามุมมองนี้พิสูจน์แล้วว่าเป็นมากกว่าง่าย (Greeno & ปีก 1994) หลักฐานไม่โผล่ออกมาสำหรับบทบาทของการรับประทานอาหารอารมณ์ในกลุ่มย่อยของผู้ที่เป็นโรคอ้วน กินดื่มสุราอ้วนสัมผัสแนวโน้มที่เพิ่มขึ้นการดื่มสุราในอารมณ์เชิงลบ (Agras & Telch 1998;. กลุคและคณะ, 2004) และสามารถรักษาได้ประสบความสำเร็จโดยการปรับปรุงทักษะของพวกเขาในการควบคุมอารมณ์ (Telch, Agras และนส์, 2001; & ฉลาด Telch, 1999) นอกจากนี้การศึกษาแสดงให้เห็นว่ามีสุขภาพดีคนน้ำหนักปกติควบคุมอารมณ์เชิงลบโดยการรับประทานอาหาร

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ทฤษฎีการรับประทานอาหารอารมณ์ พบว่าบางคนกินเพื่อที่จะรับมือกับความเครียดและดังนั้นจึงมีความเสี่ยงที่จะอ้วน ( บรุค ( 1969 ) และ บรุค ( 1973 ) ; แคป 2500 ; slochower , 1983 ) เป็นภาษาพูด " เยอรมัน kummerspeck " ( ตัวอักษร : ไขมันแห่งความทุกข์ ) แสดงให้เห็นว่า มันเป็นวิวที่นิยมการรับประทานอาหารอารมณ์เป็นสาเหตุของโรคอ้วนแม้ว่ามุมมองนี้พิสูจน์แล้วว่าจบง่าย ( greeno &ปีก , 1994 ) หลักฐานที่ทำออกมาสำหรับบทบาทของการรับประทานอาหารอารมณ์ในกลุ่มย่อยของเด็กอ้วนคน อ้วนการเสพประสบการณ์เพิ่มขึ้น มีแนวโน้มที่จะดื่มสุราในอารมณ์เชิงลบ ( agras & telch , 1998 ; กลุค et al . , 2004 ) และสามารถรักษาให้หายขาดได้ โดยพัฒนาทักษะการควบคุมอารมณ์ ( telch agras , &ลินีแฮน , 2001 ;ฉลาด& telch , 1999 ) นอกจากนี้ จากการศึกษาพบว่า สุขภาพ คนน้ำหนักปกติ ควบคุมอารมณ์ที่เป็นลบ โดยกิน