สายพันธุ์ใกล้สูญพันธุ์ คือสปีชีส์ของสิ่งมีชีวิตที่มีความเสี่ยงสูงต่อการสูญพันธุ์ วลีนี้ถูกใช้เรียกอย่างคลุมเครือถึงสปีชีส์ที่มีคำอธิบายเป็นดังข้างต้น แต่สำหรับนักชีววิทยาอนุรักษ์จะหมายถึงสปีชีส์ที่อยู่ในกลุ่มใกล้การสูญพันธุ์ในบัญชีแดงของสหภาพเพื่อการอนุรักษ์ธรรมชาติ ซึ่งเป็นสถานะการอนุรักษ์ที่มีความร้ายแรงเป็นลำดับที่สอง รองจากกลุ่มสิ่งมีชีวิตที่มีความเสี่ยงขั้นวิกฤติต่อการสูญพันธุ์ ปัจจุบันมีสัตว์และพืช 3079 และ 2655 ชนิดตามลำดับที่จัดอยู่ในกลุ่มใกล้สูญพันธุ์ เทียบกับในปี พ.ศ. 2541 ที่มีสัตว์และพืชในกลุ่มนี้เพียง 1102 และ 1197 ชนิดตามลำดับ
หลายชาติมีกฎหมายสำหรับปกป้องสิ่งมีชีวิตที่ต้องอาศัยการเข้าแทรกแซงของมนุษย์เพื่อการอนุรักษ์ ตัวอย่างเช่น การห้ามการล่า การจำกัดการพัฒนาพื้นที่ หรือการจัดสร้างป่าสงวน
สถานะการอนุรักษ์ของสปีชีส์หนึ่งๆ คือตัวชี้วัดที่แสดงถึงความเป็นไปได้ที่สปีชีส์นั้นๆ จะสูญพันธุ์ ตัวแปรจำนวนมากอย่างจำนวนประชากรที่เหลือ อัตราการเพิ่มหรือลดของประชากรในอนาคต โอกาสความสำเร็จในการผสมพันธุ์ ภัยคุกคาม และอื่นๆถูกนำไปใช้เพื่อประเมินถึงสถานะของสปีชีส์นั้นๆ บัญชีแดงของสหภาพเพื่อการอนุรักษ์ธรรมชาติคือบัญชีที่รวมรวมและประเมินสถานะการอนุรักษ์ของสปีชีส์ทั่วโลกที่เป็นที่รู้จักมากที่สุด
มีการประเมินว่ามากกว่าร้อยละ 40 ของสปีชีส์ที่ยังมีอยู่ในโลกมีความเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์ในอนาคต[4] 199 ประเทศทั่วโลกได้ลงนามในข้อตกลงที่จะสร้างแผนปฏิบัติการความหลากหลายทางชีวภาพเพื่อปกป้องสปีชีส์ที่ถูกคุกคามและมีความเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์
การบังคับผสมพันธุ์คือกระบวนการผสมพันธุ์สปีชีส์ที่หายากหรือถูกคุกคามในสภาวะที่มนุษย์ควบคุมได้ จุดประสงค์หลักของการบังคับนี้คือเพื่อป้องกันสปีชีส์นั้นสูญพันธุ์ โดยทำเพื่อให้จำนวนประชากรมีเสถียรภาพและไม่มีความเสี่ยงในการหายไป
เทคนิคดังกล่าวถูกใช้และประสบสำเร็จมานานพอสมควรในสปีชีส์มากมาย ทว่าในบางสปีชีส์ โดยเฉพาะกลุ่มที่เคลื่อนที่ไปมาง่ายอย่างนกและปลา มักประสบปัญหาในการบังคับผสม นอกจากนี้หากสปีชีส์นั้นมีประชากรน้อยเกินไป การผสมไปมาอาจทำให้ความหลากหลายทางพันธุกรรมลดลง ซึ่งอาจนำไปสู่การขาดภูมิคุ้มกันต่อโรคได้