AbstractObjective: Previous researc

Abstract
Objective: Previous research has revealed poor oral hygiene and health among older people suffering from dementia. To evaluate the oral health and denture hygiene of older people with and without dementia, six months after carer have followed a dental education programme. Method: Ninety-three older people living in four long-term care homes in south-western Germany were included in this longitudinal cohort study. All participants were allocated into two groups on basis of the medical dementia diagnosis extracted from the medical records in the care documentation: suffering from dementia (n = 33) or not (n = 60). For each participant plaque control record, gingival bleeding index (GBI), community periodontal index of treatment needs (CPITN), and denture hygiene index (DHI) were assessed at baseline and six months after carer have followed a dental education programme, and after use of ultrasonic devices for denture cleaning. Differences between all target variables from baseline to follow-up, and between participants with and without dementia, were evaluated by bivariate and multivariate testing. Results: In bivariate testing, participants with dementia had a significantly lower DHI (p < 0.001), a lower GBI (p < 0.05), and a lower CPITN (p < 0.01) at follow-up. In participants without dementia, only for DHI (p < 0.001) a significant improvement was observed. In multivariate analyses, the significant association could not be reproduced (p > 0.05). Conclusions: Use of ultrasonic baths can be a successful means for improving denture hygiene among older people in long-term care with and without dementia. Education for carer in order to improve oral hygiene, however, seems to be of minor significance and to be more effective for people with dementia.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

บทคัดย่อObjective: Previous research has revealed poor oral hygiene and health among older people suffering from dementia. To evaluate the oral health and denture hygiene of older people with and without dementia, six months after carer have followed a dental education programme. Method: Ninety-three older people living in four long-term care homes in south-western Germany were included in this longitudinal cohort study. All participants were allocated into two groups on basis of the medical dementia diagnosis extracted from the medical records in the care documentation: suffering from dementia (n = 33) or not (n = 60). For each participant plaque control record, gingival bleeding index (GBI), community periodontal index of treatment needs (CPITN), and denture hygiene index (DHI) were assessed at baseline and six months after carer have followed a dental education programme, and after use of ultrasonic devices for denture cleaning. Differences between all target variables from baseline to follow-up, and between participants with and without dementia, were evaluated by bivariate and multivariate testing. Results: In bivariate testing, participants with dementia had a significantly lower DHI (p < 0.001), a lower GBI (p < 0.05), and a lower CPITN (p < 0.01) at follow-up. In participants without dementia, only for DHI (p < 0.001) a significant improvement was observed. In multivariate analyses, the significant association could not be reproduced (p > 0.05). Conclusions: Use of ultrasonic baths can be a successful means for improving denture hygiene among older people in long-term care with and without dementia. Education for carer in order to improve oral hygiene, however, seems to be of minor significance and to be more effective for people with dementia.

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

บทคัดย่อ
วัตถุประสงค์: วิจัยก่อนหน้านี้ได้เปิดเผยสุขอนามัยช่องปากที่ไม่ดีและสุขภาพของผู้สูงอายุที่ทุกข์ทรมานจากภาวะสมองเสื่อม เพื่อประเมินสุขภาพช่องปากและฟันปลอมสุขอนามัยของผู้สูงอายุที่มีและไม่มีภาวะสมองเสื่อมหกเดือนหลังจากที่ผู้ดูแลได้ปฏิบัติตามโปรแกรมการศึกษาทันตกรรม วิธีการ: เก้าสิบสามผู้สูงอายุที่อาศัยอยู่ในบ้านสี่การดูแลระยะยาวในเยอรมนีตะวันตกเฉียงใต้ถูกรวมอยู่ในการศึกษาการศึกษาระยะยาวนี้ ผู้เข้าร่วมทั้งหมดถูกจัดสรรออกเป็นสองกลุ่มบนพื้นฐานของการวินิจฉัยภาวะสมองเสื่อมทางการแพทย์ที่สกัดจากเวชระเบียนในเอกสารประกอบการดูแล: ความทุกข์ทรมานจากภาวะสมองเสื่อม (n = 33) หรือไม่ (n = 60) มอบโล่ประกาศเกียรติคุณสำหรับผู้เข้าร่วมแต่ละบันทึกการควบคุมดัชนีเลือดออกเหงือก (GBI) ชุมชนดัชนีปริทันต์ของความต้องการการรักษา (CPITN) และดัชนีสุขอนามัยฟันปลอม (DHI) ได้รับการประเมินที่ baseline และหกเดือนหลังจากที่ผู้ดูแลได้ปฏิบัติตามโปรแกรมการศึกษาทันตกรรมและหลังการใช้งาน อุปกรณ์ล้ำของการทำความสะอาดฟันปลอม ความแตกต่างระหว่างตัวแปรเป้าหมายจาก baseline ติดตามและระหว่างผู้เข้าร่วมที่มีและไม่มีภาวะสมองเสื่อมได้รับการประเมินโดย bivariate และการทดสอบหลายตัวแปร ผลการศึกษา: ในการทดสอบ bivariate ผู้เข้าร่วมมีภาวะสมองเสื่อมได้ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ DHI (p <0.001) ลดลง GBI (p <0.05) และ CPITN ที่ต่ำกว่า (p <0.01) ที่ติดตาม ในผู้เข้าร่วมได้โดยไม่เสื่อมเฉพาะ DHI (p <0.001) การปรับปรุงที่สำคัญเป็นที่สังเกต ในการวิเคราะห์หลายตัวแปรสมาคมที่สำคัญไม่สามารถทำซ้ำ (p> 0.05) สรุปผลการวิจัย: การใช้ห้องอาบน้ำล้ำสามารถเป็นวิธีการที่ประสบความสำเร็จในการปรับปรุงสุขอนามัยฟันปลอมในหมู่ผู้สูงอายุในการดูแลระยะยาวที่มีและไม่มีภาวะสมองเสื่อม การศึกษาสำหรับผู้ดูแลเพื่อที่จะปรับปรุงสุขอนามัยช่องปาก แต่ดูเหมือนว่าจะมีความสำคัญรองลงมาและมีประสิทธิภาพมากขึ้นสำหรับคนที่มีภาวะสมองเสื่อม

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

วัตถุประสงค์นามธรรม
: งานวิจัยได้เปิดเผยที่ยากจนสุขภาพช่องปากและสุขภาพของผู้สูงอายุที่ทุกข์ทรมานจากภาวะสมองเสื่อม เพื่อประเมินสุขภาพช่องปากและฟันปลอมสุขอนามัยของผู้สูงอายุมีภาวะสมองเสื่อม หกเดือนหลังจากผู้ดูแลได้ตามโปรแกรมการศึกษาทางทันตกรรม วิธีการ :เก้าสิบสามคนผู้สูงอายุที่อาศัยอยู่ในบ้านสี่การดูแลระยะยาวในภาคตะวันตกเฉียงใต้ของเยอรมนีถูกรวมอยู่ในนี้และการศึกษาไปข้างหน้า . ผู้เข้าร่วมทั้งหมดได้รับการจัดสรรออกเป็นสองกลุ่มบนพื้นฐานของภาวะสมองเสื่อม การวินิจฉัยทางการแพทย์ที่สกัดจากประวัติทางการแพทย์ในการดูแลเอกสาร : สมองเสื่อม ( n = 33 ) หรือ ไม่ใช่ ( n = 60 ) สำหรับผู้เข้าร่วมแต่ละแผ่นการควบคุมบันทึกดัชนีเลือดออกเหงือก ( gbi ) ความต้องการของชุมชนการรักษาปริทันต์ดัชนี ( หรือ ) , และระดับดัชนีอนามัย ( Dh ) มีการประเมินที่ 0 และ 6 เดือนหลังจากผู้ดูแลตามโครงการการศึกษาทันตกรรม และหลังการใช้อุปกรณ์การทำความสะอาดฟันปลอม . ความแตกต่างระหว่างตัวแปรเป้าหมายทั้งหมดจากพื้นฐาน เพื่อติดตามผล และระหว่างผู้ที่มีและไม่มีอาการวิกลจริตจำนวนสองตัวแปรและการทดสอบหลายตัวแปร ผลลัพธ์ : ในการทดสอบโดยใช้ผู้เข้าร่วมที่มีภาวะสมองเสื่อมได้ Dh ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ( p < 0.001 ) , gbi ลดลงอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ( P < 0.05 ) และหรือต่ำกว่า ( P < 0.05 ) ในการติดตามผล ในผู้ที่ไม่มีภาวะสมองเสื่อมเท่านั้นสำหรับค้นหา ( p < 0.001 ) การปรับปรุงที่สำคัญมากนัก ในการวิเคราะห์หลายตัวแปร ,สมาคมที่สำคัญไม่สามารถทำซ้ำอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ( P > 0.05 ) สรุป : การใช้สระว่ายน้ำอัลตราโซนิก สามารถใช้ประสบความสำเร็จในการปรับปรุงสุขอนามัยของฟันปลอมผู้สูงอายุในการดูแลระยะยาวและไม่เสื่อม การศึกษาสำหรับผู้ดูแลเพื่อปรับปรุงสุขอนามัยช่องปาก อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนจะสำคัญน้อยและจะมีประสิทธิภาพมากขึ้นสำหรับผู้ที่มีภาวะสมองเสื่อม