The result of the study, it was fou

The result of the study, it was found that the age group between ages 41-60 years at most the amount of 35 persons age a 52.23 percent working in the range 1-20 years, the number of people accounted for 44 per cent of the most 65.67. The number of people accounted for 24 per cent, there are pain, chills and body parts 35.82 on the duration of less than one month the number 23 34.33 percent of people with pain, chills and upper body while sitting. The number of people accounted for 35 per cent, from relationship analysis 52.24 found that working life is associated with pain, chills and body parts on the significant statistical confidence levels (P > 0.05), body mass index (BMI) value has no relationship to pain, chills and body parts on the significant statistical confidence levels (P > 0.05) in front of a computer working habits are associated with pain, chills the flesh a significant statistical confidence levels (P < 0.05).
The study is used to know the way to protect danger while working and can be sent to the
welfare of the company to take care later. And know how to develop quality of life and solve
work condition of bus driver to reduce fatigue.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ผลของการศึกษา จะพบว่า กลุ่มอายุระหว่าง 41-60 ปีอายุมากที่สุดจำนวน 35 ท่านอายุร้อยละ 52.23 ทำงานในช่วง 1-20 ปี จำนวนคนที่ลงบัญชีสำหรับ 44 ร้อยละ 65.67 มากที่สุด จำนวนคนที่ลงบัญชีสำหรับร้อยละ 24 มีอาการปวด หนาวสั่น และอวัยวะ 35.82 ระยะเวลาน้อยกว่าหนึ่งเดือนร้อยละ 34.33 จำนวน 23 คนที่มีอาการปวด หนาวสั่น และร่างกายส่วนบนในขณะที่นั่ง จำนวนคนที่ลงบัญชีสำหรับร้อยละ 35 จากความสัมพันธ์ วิเคราะห์ 52.24 พบว่าชีวิตการทำงานเกี่ยวข้องกับความเจ็บปวด หนาวสั่น และส่วนของร่างกายในระดับความเชื่อมั่นทางสถิติอย่างมีนัยสำคัญ (P > 0.05), ค่าดัชนีมวล (BMI) ของร่างกายมีความสัมพันธ์ใด ๆ กับความเจ็บปวด หนาวสั่น และส่วนของร่างกายระดับความเชื่อมั่นทางสถิติอย่างมีนัยสำคัญ (P > 0.05) อยู่หน้าคอมพิวเตอร์ นิสัยการทำงานเกี่ยวข้องกับความเจ็บปวด , chills เนื้อระดับความเชื่อมั่นทางสถิติอย่างมีนัยสำคัญ (P < 0.05) การศึกษาใช้ในการรู้วิธีป้องกันอันตรายในขณะใช้งาน และสามารถส่งไปสวัสดิการของบริษัทดูแลในภายหลัง และรู้วิธีการพัฒนาคุณภาพชีวิต และแก้การทำงานของพนักงานขับรถเพื่อลดความเมื่อยล้า

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ผลการศึกษาพบว่ากลุ่มอายุที่มีอายุระหว่าง 41-60 ปีมากที่สุดจำนวน 35 คนอายุร้อยละ 52.23 การทำงานในช่วง 1-20 ปีที่ผ่านมาจำนวนของคนที่คิดเป็นร้อยละ 44 ของ ส่วนใหญ่ 65.67 จำนวนคนคิดเป็นร้อยละ 24 มีอาการปวดหนาวสั่นและส่วนต่างๆของร่างกาย 35.82 อยู่กับระยะเวลาน้อยกว่าหนึ่งเดือนจำนวนร้อยละ 23 34.33 ของผู้ที่มีอาการปวดหนาวสั่นและร่างกายส่วนบนขณะนั่ง จำนวนคนคิดเป็นร้อยละ 35 จากการวิเคราะห์ความสัมพันธ์ 52.24 พบว่าชีวิตการทำงานมีความเกี่ยวข้องกับความเจ็บปวดหนาวสั่นและส่วนต่างๆของร่างกายในระดับความเชื่อมั่นทางสถิติอย่างมีนัยสำคัญ (P> 0.05) ดัชนีมวลกาย (BMI) มูลค่าที่มีความสัมพันธ์กับไม่มี อาการปวดหนาวสั่นและส่วนต่างๆของร่างกายในระดับความเชื่อมั่นทางสถิติอย่างมีนัยสำคัญ (P> 0.05) ในด้านหน้าของนิสัยการทำงานคอมพิวเตอร์ที่เกี่ยวข้องกับความเจ็บปวดหนาวเนื้อระดับความเชื่อมั่นนัยสำคัญทางสถิติ (p <0.05).
การศึกษาจะใช้ในการทราบ
วิธีการป้องกันอันตรายในขณะที่ทำงานและสามารถส่งไปยังสวัสดิการของบริษัท ในการดูแลภายหลัง
และรู้วิธีการพัฒนาคุณภาพชีวิตและการแก้ปัญหาสภาพการทำงานของคนขับรถเพื่อลดความเมื่อยล้า

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ผลการศึกษา พบว่า กลุ่มอายุระหว่างอายุ 41-60 ปีมากที่สุดจํานวน 35 คนอายุ 52.23 เปอร์เซ็นต์การทํางานในช่วง 1-20 ปี จำนวน 44 คน คิดเป็นร้อยละมากที่สุด 65.67 . จำนวน 24 คน คิดเป็นร้อยละ มีความเจ็บปวด หนาวสั่นและร่างกายส่วน 35.82 ในช่วงเวลาน้อยกว่าหนึ่งเดือนจำนวน 23 34 .33 เปอร์เซ็นต์ของผู้ที่มีอาการหนาวสั่น และส่วนบนของร่างกายขณะที่นั่งอยู่ จำนวนคน คิดเป็น 35 เปอร์เซ็นต์ จากการวิเคราะห์ความสัมพันธ์พบว่าสูงกว่าชีวิตการทำงานเกี่ยวข้องกับอาการหนาวสั่นและร่างกายส่วนที่ระดับความเชื่อมั่นทางสถิติ ( P > 0.05 ) ค่าดัชนีมวลร่างกาย ( BMI ) ไม่มีความสัมพันธ์กับความเจ็บปวดหนาวสั่นและร่างกายส่วนที่ระดับความเชื่อมั่นทางสถิติ ( P > 0.05 ) ในด้านหน้าของคอมพิวเตอร์ทำงาน นิสัย เกี่ยวข้องกับอาการหนาวสั่นเนื้ออย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับความเชื่อมั่นทางสถิติ ( p < 0.05 ) .
การศึกษาถูกใช้ให้รู้วิธีที่จะป้องกันอันตรายขณะปฏิบัติงาน และสามารถส่งไปยัง
สวัสดิการของ บริษัท การดูแลภายหลังและรู้วิธีที่จะพัฒนาคุณภาพชีวิตและสภาพการทำงานของแก้
คนขับรถเพื่อลดความเหนื่อยล้า