AbstractThe large deficit in energy

Abstract

The large deficit in energy intake in relation to energy requirements during the transition and early lactation periods means that high-producing cows need energy-dense rations. High-starch diets are intensively fermented by the microbial ecosystem in the rumen, giving rise to a high production of VFAs and resulting in a drop in pH and the accumulation of lactic acid, which exacerbates the decline in pH and is considered as the major cause of rumen acidosis. This rumen dysfunction affects rumen microbes and results in less efficient digestion, thereby decreasing feed intake and exacerbating the energy deficit in the cows.

The main way to limit the risk of acidosis is by diet management. Thus, animals must be progressively adapted to grain ingredients during the 3-week period before calving. Furthermore, the diet management strategy will be to privilege low-degradable starch and include enough fiber in the diet to stimulate rumination and salivation.

Chemical additives can be used to prevent rumen acidosis. Rumen pH can be controlled by direct addition of chemical buffers at doses of 1–2% of DM intake. Metabolic hydrogen can be mobilized through specific metabolic pathways such as propionogenesis to compete with the synthesis of lactic acid. This can be achieved by adding propionate precursors such as aspartate, malate or fumarate. However, these additives are not economically viable, and will not easily be accepted by consumers. Probiotics, which are mainly supplied as live yeasts, have to be regarded as a solution for preventing subacute acidosis but they are not considered as an efficient cure for acute acidosis. Although the mechanisms of action of probiotics are not fully understood, this paper proposes a plausible model of their mode of action. Recently, additives based on plant extracts have been proposed as a solution for optimizing rumen functions, but further efficacy studies and safety trials are required before these additives can be marketed. The addition of fibrolytic enzymes has been suggested to improve the digestion of the dietary fiber fraction during acidosis. Although the results obtained so far are encouraging, more ruminant-specific research needs to be carried out on these enzymes. Some antibiotics are potential inhibitors of Gram-positive bacteria, which are involved in rumen acidosis, but their use as feed additives has been banned from 01/01/2006 in the EU.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

นามธรรม

ดุลใหญ่ในบริโภคพลังงานเกี่ยวกับความต้องการพลังงานในช่วงเปลี่ยนแปลงและระยะเวลาด้านการให้นมช่วงหมายความ ว่า วัวผลิตสูงจำเป็นต้องได้พลังงานหนาแน่น อาหารแป้งสูง intensively หมัก โดยจุลินทรีย์ระบบนิเวศในต่อ ให้เพิ่มขึ้นในการผลิตสูงของ VFAs และผลลดลงค่า pH และการสะสมของกรด ซึ่งการลดลงของค่า pH exacerbates และถือเป็นสาเหตุสำคัญของ acidosis ต่อ ต่อความผิดปกตินี้มีผลต่อจุลินทรีย์ และเกิดการย่อยอาหารมีประสิทธิภาพน้อย อาหารจึงลดลงและการขาดดุลของพลังงานในวัวดี

วิธีหลักการจำกัดความเสี่ยงของ acidosis คือการจัดการอาหาร ดังนั้น สัตว์ต้องความก้าวหน้าปรับให้ส่วนผสมข้าวช่วง 3 สัปดาห์ก่อน calving นอกจากนี้ มีกลยุทธ์การบริหารอาหารจะให้ สิทธิ์การใช้งานต่ำช่วยกันแป้ง และมีไฟเบอร์เพียงพอในอาหารไปกระตุ้น rumination และ salivation

สามารถใช้สารเคมีเพื่อป้องกัน acidosis ต่อได้ สามารถควบคุมค่า pH ต่อ โดยเพิ่มบัฟเฟอร์เคมีที่ปริมาณ 1 – 2% ของ DM บริโภคโดยตรง เผาผลาญไฮโดรเจนสามารถจะปฏิบัติผ่านมนต์เผาผลาญเฉพาะเช่น propionogenesis ให้สามารถแข่งขันกับการสังเคราะห์กรด นี้สามารถทำได้ โดยการเพิ่ม precursors propionate เช่น aspartate มาลา หรือ fumarate อย่างไรก็ตาม วัตถุเจือปนเหล่านี้จะไม่ทำงานปากกัดตีนถีบ และจะไม่ได้เป็นที่ยอมรับ โดยผู้บริโภค ต้องถือเป็นโซลูชันสำหรับการป้องกันกึ่ง acidosis Probiotics ซึ่งส่วนใหญ่จะกำหนดให้เป็น yeasts สด แต่ไม่ว่าเป็นการรักษาที่มีประสิทธิภาพสำหรับ acidosis เฉียบพลัน แม้ว่ากลไกของการดำเนินการของ probiotics มีไม่เต็มที่เข้าใจ กระดาษนี้เสนอรูปแบบการรับมือของพวกเขาวิธีการดำเนินการ ล่าสุด วัตถุเจือปนตามโรงงานที่บางส่วนได้รับการเสนอเป็นโซลูชันที่เหมาะสมต่อหน้าที่ แต่เพิ่มเติม การศึกษาประสิทธิภาพและความปลอดภัยการทดลองจำเป็นก่อนที่สารเหล่านี้สามารถจะทำตลาด นอกจากนี้เอนไซม์ fibrolytic มีการแนะนำเพื่อปรับปรุงการย่อยอาหารของเศษกากใยระหว่าง acidosis แม้ว่าผลได้รับจนมีนิมิต เพิ่มเติมเฉพาะเคี้ยวเอื้องวิจัยต้องทำบนเอนไซม์เหล่านี้ ยาปฏิชีวนะบางอย่างมี inhibitors ศักยภาพของแบคทีเรีย ซึ่งเกี่ยวข้องกับต่อ acidosis แต่ได้ถูกห้ามใช้เป็นสารอาหารจาก 01/01/2006 ใน EU

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

นามธรรม

การขาดดุลขนาดใหญ่ในการบริโภคพลังงานในความสัมพันธ์กับความต้องการพลังงานในระหว่างช่วงการเปลี่ยนภาพและระยะเวลาการให้นมก่อนหมายความว่าสูงผลิตวัวต้องการส่วนแบ่งหนาแน่นของพลังงาน อาหารแป้งสูง และหมักโดยจุลินทรีย์ในกระเพาะหมักของระบบนิเวศให้สูงขึ้นเพื่อการผลิตสูงและ vfas ส่งผลให้ลดลง และการสะสมของกรดซึ่งเจริญเติบโตลดลง และถือเป็นสาเหตุหลักของแต่ละระดับ . นี้กระบวนการผิดปกติมีผลต่อกระเพาะจุลินทรีย์และผลลัพธ์ในการย่อยอาหารมีประสิทธิภาพน้อยลง เพื่อลดการบริโภคอาหารและขอบเขตการขาดดุลพลังงานในวัว

ทางหลักในการกำหนดความเสี่ยงของภาวะเลือดเป็นกรด โดยการจัดการอาหาร ดังนั้นสัตว์ต้องค่อยๆปรับส่วนผสมเม็ดในช่วงก่อนคลอดแบบใดแบบ . นอกจากนี้ อาหาร การจัดการ กลยุทธ์จะให้สิทธิพิเศษน้อย ย่อยสลายแป้ง และมีเส้นใยมากพอในอาหารเพื่อกระตุ้นการใคร่ครวญ และอิ่มใจ

ไร้สารเคมีเจือปน สามารถใช้เพื่อป้องกันไม่ให้กระเพาะกรด .กระบวนการ สามารถถูกควบคุมโดยตรงของบัฟเฟอร์ทางเคมี 2 ( 1 – 2 % ของผู้ป่วยบริโภค การเผาผลาญไฮโดรเจนสามารถเคลื่อนผ่านเส้นทางการเผาผลาญอาหารที่เฉพาะเจาะจงเช่น propionogenesis ที่จะแข่งขันกับการสังเคราะห์กรดแลกติก นี้สามารถทำได้โดยการเพิ่มกรดโพรพิโอนิกตั้งต้นเช่น aspartate , malate หรือกรร . อย่างไรก็ตาม สารเหล่านี้จะไม่ทำงานได้ทางเศรษฐกิจและจะไม่สามารถรับการยอมรับจากผู้บริโภค โปรไบโอติก ซึ่งส่วนใหญ่จัดเป็นยีสต์สด ต้องถือว่าเป็นโซลูชั่นป้องกันกึ่งเฉียบพลัน ) แต่พวกเขาจะไม่ถือว่าเป็นการรักษาที่มีประสิทธิภาพสำหรับกรดเฉียบพลัน แม้ว่า กลไกของการกระทำของโปรไบโอติกจะไม่เข้าใจอย่างเต็มที่ กระดาษนี้นำเสนอแบบจำลองจะเป็นโหมดของการกระทำ เมื่อเร็วๆ นี้สารจากพืชที่ได้รับการเสนอเป็นโซลูชั่นสำหรับการเพิ่มประสิทธิภาพกระบวนการการทำงาน แต่ศึกษาประสิทธิภาพต่อไปและการทดลองความปลอดภัยจะต้องก่อนที่สารเหล่านี้สามารถวางตลาด นอกเหนือจาก fibrolytic เอนไซม์มีการเสนอให้ปรับปรุงการย่อยเศษเส้นใยอาหารในระดับ . แม้ว่าผลที่ได้รับเพื่อให้ห่างไกลเป็นนิมิตสัตว์เคี้ยวเอื้องมากกว่าการจะต้องดำเนินการเกี่ยวกับเอนไซม์เหล่านี้ ยาปฏิชีวนะเป็นยาที่มีศักยภาพของแบคทีเรียแกรมบวก ที่เกี่ยวข้องในแต่ละระดับ แต่ใช้เป็นวัตถุเจือปนอาหารได้ถูกห้ามจาก 01 / 01 / 2006 ในสหภาพยุโรป