Roh Moo-hyun largely continued thes

Roh Moo-hyun largely continued these engagement policies during his 2003-2008 presidency under the renamed “Peace and Prosperity Policy.” Coming into office at the time of the U.S.-led invasion of Iraq and President George W. Bush’s Axis of Evil speech, Roh believed that North Korea had developed nuclear weapons in response to U.S. threats and to induce Washington to engage in a direct dialogue with Pyongyang. At times, he feared that rash U.S. actions would precipitate a war on the peninsula, which would prove disastrous for South Korea no matter what its outcome. The Roh administration also wanted to promote DPRK economic reform while integrating the country into East Asian economic processes, hoping that such developments could help stabilize North Korea in the short-term while providing incentives and leverage for moderating its foreign policy over the long run. The Roh approach implicitly assumed that the North Korean government would not soon collapse and that the DPRK was prepared to alter policies that most threaten South Koreans

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

มูฮส่วนใหญ่ยังคงนโยบายเหล่านี้มีส่วนร่วมระหว่างประธานาธิบดี 2003-2008 ของเขาภายใต้การเปลี่ยนชื่อ "สันติภาพและความเจริญรุ่งเรืองนโยบาย" มาเป็นสำนักงานในเวลาของการบุกรุกที่นำโดยสหรัฐอเมริกาอิรักและประธานาธิบดีจอร์จ W. บุชพูดแกนของความชั่วร้าย Roh เชื่อว่า เกาหลีเหนือได้พัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ในการตอบสนองภัยคุกคามสหรัฐฯ และชวนวอชิงตันเพื่อเจรจาโดยตรงกับเปียงยาง เวลานี้ เขากลัวว่า การกระทำของสหรัฐฯ ที่ผื่นจะตกตะกอนสงครามบนคาบสมุทร ซึ่งจะพิสูจน์หายนะของเกาหลีใต้ว่าผลใด การบริหารงานของ Roh ยังต้องการส่งเสริมการปฏิรูปเศรษฐกิจของเกาหลีเหนือในขณะที่การบูรณาการประเทศในกระบวนการเศรษฐกิจเอเชียตะวันออก หวังว่า โครงการดังกล่าวจะช่วยให้เสถียรภาพเกาหลีเหนือในระยะสั้นให้แรงจูงใจและเลเวอเรจกลั่นกรองนโยบายการต่างประเทศในระยะยาว วิธี Roh นัยสันนิษฐานว่า รัฐบาลเกาหลีเหนือจะไม่เร็ว ๆ นี้ยุบ และว่า ที่เกาหลีเหนือจัดทำปรับเปลี่ยนนโยบายที่ว่า ส่วนใหญ่ข่มขู่ชาวเกาหลีใต้

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

Roh Moo-hyun ส่วนใหญ่ยังคงมีส่วนร่วมของนโยบายเหล่านี้ในช่วง 2003-2008 ประธานาธิบดีของเขาภายใต้การเปลี่ยนชื่อเป็น "สันติภาพและความเจริญรุ่งเรืองนโยบาย." เข้ามาในสำนักงานในเวลาที่นำโดยสหรัฐฯบุกอิรักและประธานาธิบดีจอร์จดับเบิลยูบุชของแกนในการพูดความชั่วร้าย ต้าเชื่อว่าเกาหลีเหนือมีการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ในการตอบสนองต่อภัยคุกคามสหรัฐและจะทำให้เกิดวอชิงตันเพื่อมีส่วนร่วมในการเจรจาโดยตรงกับเปียงยาง ในช่วงเวลาที่เขากลัวว่าการกระทำของสหรัฐผื่นจะเกิดการตกตะกอนสงครามบนคาบสมุทรซึ่งจะพิสูจน์หายนะสำหรับเกาหลีใต้ไม่ว่าสิ่งที่ผลของมัน การบริหารต้ายังต้องการที่จะส่งเสริมการปฏิรูปเศรษฐกิจเกาหลีเหนือขณะที่การบูรณาประเทศเข้าสู่กระบวนการทางเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชียตะวันออกหวังว่าการพัฒนาดังกล่าวจะช่วยรักษาเสถียรภาพของเกาหลีเหนือในระยะสั้นในขณะที่ให้แรงจูงใจและประโยชน์สำหรับการดูแลนโยบายต่างประเทศในระยะยาว วิธีต้าโดยปริยายสันนิษฐานว่ารัฐบาลเกาหลีเหนือจะไม่เร็ว ๆ นี้ยุบและว่าเกาหลีเหนือได้เตรียมที่จะปรับเปลี่ยนนโยบายที่มากที่สุดขู่เกาหลีใต้

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

โนมูฮยอนส่วนใหญ่ยังคงนโยบายหมั้นเหล่านี้ในระหว่างการเป็นประธานาธิบดีของเขา 2003-2008 ภายใต้ชื่อ " สันติภาพและนโยบายความเจริญรุ่งเรือง . " เข้ามาในสำนักงานในเวลาของ US - นำการรุกรานของอิรัก และประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู บุชแกนของความชั่วร้ายพูด ต้าเชื่อว่าเกาหลีเหนือพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ในการตอบสนองต่อภัยคุกคามอเมริกาและจูง วอชิงตันที่จะมีส่วนร่วมในการเจรจาโดยตรงกับเปียงยาง บางครั้ง เขากลัวว่าสหรัฐจะจุดประกายสงครามการกระทำผื่นบนคาบสมุทรซึ่งอาจพิสูจน์ร้ายเกาหลีใต้ไม่ว่าผลลัพธ์ของการ ROH การบริหารยังต้องการที่จะส่งเสริมการปฏิรูปทางเศรษฐกิจของ DPRK ในขณะที่รวมประเทศเข้าสู่กระบวนการเศรษฐกิจเอเชียตะวันออก หวังว่า การพัฒนาดังกล่าวจะช่วยรักษาเสถียรภาพของเกาหลีเหนือในระยะสั้นในขณะที่การให้แรงจูงใจและอำนาจเพื่อควบคุมนโยบายต่างประเทศ ในระยะยาว ROH เข้าหาโดยปริยาย สันนิษฐานว่า รัฐบาลเกาหลีเหนือจะล่มสลายในไม่ช้า และว่า เกาหลีเหนือเตรียมเปลี่ยนนโยบายส่วนใหญ่ข่มขู่ชาวเกาหลีใต้