Segregation of Duties.Proper segreg

Segregation of Duties.Proper segregation of duties ensures that no single individual or department processes a transaction in its entirety. The number of employees in the organization and the volume of transactions being processed will influence how tasks are divided. In general, the following three rules apply:
• Rule 1. Transaction authorization should be separate from transaction processing. For example, within the revenue cycle, the credit department is segregated from the rest of the process, so that the formal authorization of material transactions is an independent event. The importance of this separation is clear when one considers the potential conflict in objectives between the individual salesperson and the organization. Often, sales staff compensation is based on their sales levels. To achieve their personal objective of maximizing sales volume, sales personnel may not always consider the creditworthiness of the prospective customer. The credit department, acting as an independent authorization group, detects risky customers and discourages poor and irresponsible sales decisions.
• Rule 2. Asset custody should be separate from the record-keeping task. In the sales order processing system, the inventory warehouse clerk with custody of the physical assets should not also maintain the inventory records. Similarly, the cash receiptsclerk (with custody of cash) should not record accounts receivable.
• Rule 3. The organization should be so structured that the perpetration of a fraud requires collusion between two or more individuals. The record-keeping functions must be carefully divided. Specifically, the subsidiary ledgers (AR and inventory), the journals (sales and cash receipts), and the general ledger should be separately maintained. An individual with total record-keeping responsibility, in collusion with someone with asset custody, is in a position to perpetrate fraud. By separating these tasks, collusion must involve more people, which increases the risk of detection and is, therefore, less likely to occur.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

การแบ่งแยกแบ่งแยกหน้าที่ Duties.Proper มั่นใจว่า ไม่มีบุคคลเดียวหรือแผนกประมวลผลธุรกรรมทั้งหมด จำนวนพนักงานในองค์กรรวมทั้งปริมาณของธุรกรรมที่กำลังประมวลผลจะมีอิทธิพลต่อวิธีแบ่งงานกัน ทั่วไป กฎสามต่อไปนี้ใช้:•กฎ 1 การตรวจสอบธุรกรรมควรแยกต่างหากจากธุรกรรมการประมวลผล ตัวอย่าง ในวงจรรายได้ แผนกสินเชื่อจะแยกจากส่วนเหลือของกระบวนการ เพื่อให้การตรวจสอบอย่างเป็นทางการของธุรกรรมเป็นเหตุการณ์ที่เป็นอิสระ ความสำคัญของการแยกนี้เป็นที่ชัดเจนเมื่อหนึ่งพิจารณาความขัดแย้งที่อาจเกิดขึ้นในวัตถุประสงค์ระหว่างองค์กรและพนักงานแต่ละ มักจะ ค่าตอบแทนพนักงานขายจะขึ้นอยู่กับระดับการขาย เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ส่วนบุคคลของพวกเขาเพิ่มปริมาณการขาย พนักงานขายอาจจะพิจารณา creditworthiness ของลูกค้าเป้าหมาย แผนกสินเชื่อ ทำหน้าที่เป็นกลุ่มการตรวจสอบอิสระ ตรวจพบลูกค้าที่มีความเสี่ยง และ discourages ตัดสินขายไม่ดี และหลาย•กฎ 2 สินทรัพย์บุตรควรแยกต่างหากจากงานเก็บบันทึก ในใบสั่งขายที่ระบบประมวลผล เจ้าหน้าที่คลังสินค้าสินค้าคงคลังกับของสินทรัพย์ทางกายภาพควรไม่ยังรักษาข้อมูลสินค้าคงคลัง ในทำนองเดียวกัน receiptsclerk เงินสด (มีบุตรเงิน) ควรไม่บันทึกบัญชีลูกหนี้•กฎ 3 องค์กรควรจัดให้โครงสร้างที่ perpetration ของฉ้อฉลต้องวางระหว่างบุคคลสองคน หรือมากกว่า ฟังก์ชันเก็บบันทึกต้องถูกแบ่งออกอย่างระมัดระวัง โดยเฉพาะ ประเภทบริษัท (บัญชีลูกหนี้และสินค้าคงคลัง), สมุดรายวัน (รับเงินสดและการขาย), และบัญชีแยกประเภททั่วไปควรแยกรักษา บุคคลกับรวมเก็บบันทึกความรับผิดชอบ มีบุคคลที่มีสินทรัพย์บุตร วางอยู่ในตำแหน่งการทุจริต perpetrate โดยแยกงานเหล่านี้ วางต้องเกี่ยวคน ซึ่งเพิ่มความเสี่ยงของการตรวจสอบ และ เป็น ดังนั้น น้อยมีแนวโน้ม จะเกิดขึ้น

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

แยกแยก Duties.Proper หน้าที่เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีบุคคลเดียวหรือหน่วยประมวลผลการทำธุรกรรมทั้งหมดของมัน จำนวนพนักงานในองค์กรและปริมาณธุรกรรมการประมวลผลที่จะมีผลต่อวิธีการที่จะแบ่งงาน โดยทั่วไปต่อไปนี้สามกฎ:
กฎ• 1. อนุมัติการเข้าทำรายการที่ควรจะแยกออกจากการประมวลผลธุรกรรม ยกตัวอย่างเช่นภายในวงจรรายได้ที่แผนกเครดิตจะถูกแยกจากส่วนที่เหลือของกระบวนการเพื่อให้การอนุมัติอย่างเป็นทางการของรายการวัสดุที่เป็นเหตุการณ์ที่เป็นอิสระ ความสำคัญของการแยกนี้เป็นที่ชัดเจนเมื่อพิจารณาความขัดแย้งที่อาจเกิดขึ้นในวัตถุประสงค์ระหว่างพนักงานขายของแต่ละบุคคลและองค์กร บ่อยครั้งที่การชดเชยพนักงานขายจะขึ้นอยู่กับระดับของพวกเขาขาย เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ส่วนตัวของพวกเขาของการเพิ่มปริมาณการขายพนักงานขายอาจไม่พิจารณาความน่าเชื่อถือของลูกค้าที่คาดหวัง แผนกเครดิตทำหน้าที่เป็นกลุ่มที่ได้รับอนุญาตอิสระตรวจพบลูกค้าที่มีความเสี่ยงและอุปสรรคในการตัดสินใจขายไม่ดีและไม่มีความรับผิดชอบ.
•กฎข้อที่ 2. การดูแลสินทรัพย์ควรจะแยกออกจากงานที่เก็บบันทึกข้อมูล ในการขายระบบการประมวลผลคำสั่งพนักงานคลังสินค้าสินค้าคงคลังที่มีการดูแลของสินทรัพย์ทางกายภาพไม่ควรเก็บรักษาบันทึกสินค้าคงคลัง ในทำนองเดียวกัน receiptsclerk เงินสด (กับดูแลของเงินสด) ไม่ควรบันทึกลูกหนี้.
•กฎข้อที่ 3. องค์กรควรจะมีโครงสร้างเพื่อให้การกระทำผิดของการทุจริตที่ต้องมีการสมรู้ร่วมคิดระหว่างบุคคลสองคนหรือมากกว่า ฟังก์ชั่นการเก็บบันทึกข้อมูลจะต้องถูกแบ่งออกอย่างระมัดระวัง โดยเฉพาะบัญชีแยกประเภทย่อย (AR และสินค้าคงคลัง) วารสาร (ขายและเงินสด) และบัญชีแยกประเภททั่วไปควรจะรักษาแยกต่างหาก แต่ละคนมีความรับผิดชอบในการเก็บบันทึกข้อมูลทั้งหมดในการสมรู้ร่วมคิดกับคนที่มีการดูแลสินทรัพย์อยู่ในฐานะที่จะกระทำการทุจริต โดยแยกงานเหล่านี้ต้องเกี่ยวข้องกับการสมรู้ร่วมคิดของผู้คนมากขึ้นซึ่งจะเพิ่มความเสี่ยงของการตรวจสอบและจึงมีโอกาสน้อยที่จะเกิดขึ้น

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

การแบ่งแยกหน้าที่ แยกที่เหมาะสมของหน้าที่ ยืนยันว่า ไม่มีบุคคลเดียวหรือแผนกกระบวนการธุรกรรมอย่างครบถ้วน จำนวนพนักงานในองค์กร และปริมาณของการทำธุรกรรมการประมวลผลจะมีอิทธิพลต่องานแบ่งเป็น โดยทั่วไปดังต่อไปนี้สามกฎ :
- กฎข้อที่ 1 การอนุมัติธุรกรรมควรแยกต่างหากจากการประมวลผลธุรกรรมตัวอย่างเช่นภายในวงจรรายได้ สินเชื่อแผนกแยกจากส่วนที่เหลือของกระบวนการ ดังนั้นการอนุญาตอย่างเป็นทางการของรายการวัสดุที่เป็นเหตุการณ์ที่เป็นอิสระ ความสำคัญของการแยกนี้เป็นที่ชัดเจนเมื่อพิจารณาความขัดแย้งในวัตถุประสงค์ระหว่างพนักงานขาย บุคคลและองค์กร มักจะเจ้าหน้าที่ค่าตอบแทนการขายขึ้นอยู่กับระดับการขาย เพื่อบรรลุเป้าหมายส่วนบุคคลของพวกเขาของการเพิ่มปริมาณการขายพนักงานขายจะพิจารณาเครดิตของลูกค้าที่คาดหวัง แผนกสินเชื่อ ทำเป็นกลุ่มอำนาจอิสระ ตรวจสอบลูกค้าที่มีความเสี่ยง และความยากจนและขาดความรับผิดชอบในการตัดสินใจขาย
- การปกครอง 2 .ควบคุมสินทรัพย์ ควรแยกต่างหากจากการบันทึกงาน ในระบบการประมวลผลใบสั่งขาย , บัญชีคลังสินค้าพนักงานกับการดูแลของสินทรัพย์ทางกายภาพไม่ควรรักษาระเบียนสินค้าคงคลัง ส่วนเงินสด receiptsclerk ( กับการดูแลของเงินสด ) ไม่ควรบันทึกบัญชีลูกหนี้ .
- กฎข้อที่ 3องค์กรควรให้มีโครงสร้างที่การทำบาปของการฉ้อโกงต้องมีการสมรู้ร่วมคิดระหว่างสองคนหรือมากกว่าบุคคล บันทึกการรักษาฟังก์ชันต้องแบ่งอย่างระมัดระวัง โดยเฉพาะ บริษัท บัญชี ( AR และสินค้าคงคลัง ) , วารสาร ( ยอดขายและเงินสดรับ ) , และบัญชีแยกประเภททั่วไปควรรักษาแยกต่างหาก บุคคลกับทั้งหมดบันทึกการรักษาความรับผิดชอบในการสมรู้ร่วมคิดกับคนที่ดูแลสินทรัพย์ที่อยู่ในตำแหน่งที่จะกระทําการทุจริต โดยการแบ่งงานกัน ต้องเกี่ยวข้องกับคนเหล่านี้มากขึ้น ซึ่งจะเพิ่มความเสี่ยงของการตรวจสอบและจึงเป็นโอกาสน้อยที่จะเกิดขึ้น .