In contrast,Wardel, Hill and D’Souz

In contrast,Wardel, Hill and D’Souza (1981) found a statistically significant
22% decrease of alpha-linolenic acid (ALA) and a nonsignificant
tendency of linoleic acid (LA) to decrease in Holder-pasteurised
human milk. However, Fidler et al. (1998) attributed the
decrease observed by Wardel, Hill, and D’Souza (1981) to unsuitable
handling of the samples, which could lead to breakage of
the milk fat globule membranes that protect the fatty acids in milk.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

คมชัด Wardel ฮิลล์ และ D'Souza (1981) พบมีนัยสำคัญทางสถิติลดลง 22% กรดอัลฟาไลโนเลนิ (ALA) และที่ nonsignificantแนวโน้มของกรดไลโนเลอิก (LA) ลดพาสเจอร์ไรส์ยึดนมมนุษย์ อย่างไรก็ตาม Fidler et al. (1998) เกิดจากการตรวจสอบ โดย Wardel เนินเขา และ D'Souza (1981) ให้เหมาะสมลดลงการจัดการตัวอย่าง ที่สามารถนำไปสู่การแตกของเยื่อ globule ไขมันนมที่ป้องกันกรดไขมันในน้ำนม

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ในทางตรงกันข้าม Wardel, ฮิลล์และ D'Souza (1981) พบว่ามีนัยสำคัญทางสถิติ
ลดลง 22% ของกรดอัลฟาไลโนเลนิ (ALA) และไม่มีนัยสำคัญ
แนวโน้มของกรดไลโนเลอิก (LA) การลดลงของผู้ถือพาสเจอร์ไรส์
นมมนุษย์ อย่างไรก็ตาม Fidler et al, (1998) มาประกอบ
การลดลงสังเกตจาก Wardel, ฮิลล์และ D'Souza (1981) เพื่อให้เหมาะสม
กับการจัดการของกลุ่มตัวอย่างซึ่งอาจนำไปสู่ความแตกแยกของ
เยื่อหุ้มเม็ดไขมันนมที่ปกป้องกรดไขมันในนม

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

在对比度，Wardel索萨，山1981 D′）和最小显著statistically发现A降低alpha-linolenic 22%的酸（ALA）和一个nonsignificanttendency亚油酸（LA）的降低在Holder-pasteurised费德勒的人。然而，牛奶attributed等人的1998）通过观察Wardel降低D′，山，和1981索萨unsuitable）处理的样品，这可能导致对breakage of牛奶的脂肪的脂肪acids protect globule膜是在牛奶。