Whenever the speaker hear their bel

Whenever the speaker hear their beloved's name, it is like the sound of a death bell

This last line tells us that the speaker will continue to mourn over the loss of his beloved for quite a while

Since their relationship was secret, the speaker must now grieve in silence

The speaker then concludes with the same words from the beginning of the poem. This shows the speaker's inability to leave their moment of pain behind

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

เมื่อลำโพงได้ยินชื่อของพวกเขารัก มันเป็นเหมือนเสียงของระฆังตายบรรทัดสุดท้ายนี้บอกเราว่า จะต่อลำโพงไว้อาลัยผ่านการสูญเสียของรักของเขาสำหรับค่อนข้างขณะตั้งแต่ความสัมพันธ์ลับ ลำโพงต้องตรมอยู่ในความเงียบลำโพงแล้วสรุป ด้วยคำเดียวกันจากจุดเริ่มต้นของบทกวี นี้แสดงของลำโพงไม่สามารถปล่อยช่วงเวลาการปวดหลัง

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

เมื่อใดก็ตามที่ลำโพงได้ยินชื่ออันเป็นที่รักของพวกเขาก็เป็นเหมือนเสียงระฆังตาย

บรรทัดสุดท้ายนี้บอกเราว่าลำโพงจะยังคงโศกเศร้ากับการสูญเสียของรักของเขามากในขณะที่

ตั้งแต่ความสัมพันธ์ของพวกเขาเป็นความลับลำโพงขณะนี้จะต้องเสียใจ ในความเงียบ

ลำโพงก็จะจบลงด้วยคำเดียวกันจากจุดเริ่มต้นของบทกวี นี้แสดงให้เห็นการไร้ความสามารถของลำโพงที่จะปล่อยให้ช่วงเวลาของพวกเขาที่อยู่เบื้องหลังของความเจ็บปวด

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

เมื่อลำโพงได้ยินชื่ออันเป็นที่รักของพวกเขา มันเป็นเหมือนเสียงระฆังแห่งความตายบรรทัดนี้บอกเราว่า ผู้พูดจะยังคงคร่ำครวญต่อการสูญเสียของที่รักของเขาสำหรับค่อนข้างขณะเนื่องจากความสัมพันธ์ของพวกเขาเป็นความลับ ผู้พูดต้องเศร้าใจในความเงียบลำโพงแล้วจบด้วยคำพูดเดิมๆ จากจุดเริ่มต้นของบทกวี นี้แสดงให้เห็นลำโพงไม่สามารถปล่อยให้ช่วงเวลาของความเจ็บปวดหลัง