The normal mitral valve orifice are

The normal mitral valve orifice area is approximately 4-6 cm2. As the orifice size decreases, the pressure gradient across the mitral valve increases to maintain adequate flow.

Patients will not experience valve-related symptoms until the valve area is 2-2.5 cm2 or less, at which point moderate exercise or tachycardia may result in exertional dyspnea from the increased transmitral gradient and left atrial pressure.

Severe mitral stenosis occurs with a valve area of less than 1 cm2. As the valve progressively narrows, the resting diastolic mitral valve gradient, and hence left atrial pressure, increases. This leads to transudation of fluid into the lung interstitium and dyspnea at rest or with minimal exertion. Hemoptysis may occur if the bronchial veins rupture and left atrial dilatation increases the risk for atrial fibrillation and subsequent thromboembolism.

Pulmonary hypertension may develop as a result of (1) retrograde transmission of left atrial pressure, (2) pulmonary arteriolar constriction, (3) interstitial edema, or (4) obliterative changes in the pulmonary vascular bed (intimal hyperplasia and medial hypertrophy). As pulmonary arterial pressure increases, right ventricular dilation and tricuspid regurgitation may develop, leading to elevated jugular venous pressure, liver congestion, ascites, and pedal edema.

Left ventricular end-diastolic pressure and cardiac output are usually normal in the person with isolated mitral stenosis. As the severity of stenosis increases, the cardiac output becomes subnormal at rest and fails to increase during exercise. Approximately one third of patients with rheumatic mitral stenosis have depressed left ventricular systolic function as a result of chronic rheumatic myocarditis. The presence of concomitant mitral regurgitation, systemic hypertension, aortic stenosis, or myocardial infarction can also adversely affect left ventricular function and cardiac output.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ปกติวาล์ว mitral orifice พื้นที่ได้ประมาณ 4-6 cm2 เป็นขนาด orifice ลด การไล่ระดับความดันผ่านวาล์ว mitral เพิ่มเพื่อรักษากระแสเพียงพอผู้ป่วยจะไม่มีอาการที่เกี่ยวข้องกับวาล์วจนกว่าตั้งวาล์วอยู่ 2-2.5 cm2 หรือน้อยกว่า ที่ตำแหน่งที่ ออกกำลังกายปานกลางหรือล่างเต้นเร็วอาจส่งผลให้ dyspnea exertional จาก transmitral เพิ่มขึ้นซ้าย และไล่ระดับหัวใจเต้นแรงกดดันMitral ตีบอย่างรุนแรงเกิดขึ้น ด้วยการตั้งวาล์วของ cm2 น้อยกว่า 1 เป็นวาล์วความก้าวหน้า จำกัด วาล์ว mitral เลี้ยงพักไล่ระดับ และซ้ายความดันหัวใจเต้นดังนั้น เพิ่ม นี้นำไปสู่การ transudation ของเหลวในปอด interstitium และ dyspnea ที่เหลือ หรือใช้ออกแรงน้อยที่สุด Hemoptysis อาจเกิดขึ้นถ้าหลอดเลือดดำ bronchial แตก และหัวใจเต้น dilatation ซ้ายเพิ่มความเสี่ยงหัวใจเต้นผิดจังหวะและ thromboembolism ต่อมาระบบทางเดินหายใจความดันโลหิตสูงอาจพัฒนาจากเกียร์ (1) retrograde ซ้ายความดันหัวใจเต้น arteriolar เชื่อม (2) ระบบทางเดินหายใจ อาการบวมน้ำ (3) หลาก หรือการเปลี่ยนแปลงระบบทางเดินหายใจหลอดเลือดเตียง (intimal เจริญเกินและ hypertrophy ด้านใกล้กลาง) (4) obliterative เป็นระบบทางเดินหายใจความดันต้ว เพิ่ม dilation หัวใจห้องล่างขวา และกระ tricuspid อาจพัฒนา นำไปสู่การยกระดับแรงดันต่อหลอดเลือดดำ jugular แออัดตับ ท้องมาน และอาการบวมน้ำลความดันสุดท้ายเลี้ยงหัวใจห้องล่างซ้ายและหัวใจผลเป็นปกติปกติในบุคคลที่มีแยก mitral ตีบ เมื่อความรุนแรงของการตีบมากขึ้น ออกหัวใจจะ subnormal ที่เหลือ และไม่เพิ่มขึ้นในระหว่างการออกกำลังกาย ประมาณหนึ่งในสามของผู้ป่วยที่มี rheumatic mitral ตีบได้หดหู่ฟังก์ชั่น systolic หัวใจห้องล่างซ้ายจาก myocarditis rheumatic เรื้อรัง ของกระ mitral มั่นใจ ความดันโลหิตสูงระบบ เอออร์ตาตีบ หรือกล้ามเนื้อหัวใจตายเหตุขาดเลือดสามารถยังผลกระทบฟังก์ชันหัวใจห้องล่างซ้ายและหัวใจออก

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

บริเวณปาก mitral วาล์วปกติจะอยู่ที่ประมาณ 4-6 cm2 ในฐานะที่เป็นขนาดปากลดลงกดดันทางลาดข้ามวาล์ว mitral เพิ่มขึ้นเพื่อรักษาไหลเพียงพอ. ผู้ป่วยจะไม่พบอาการวาล์วที่เกี่ยวข้องจนพื้นที่วาล์วเป็น 2-2.5 cm2 หรือน้อยกว่าจุดที่ออกกำลังกายระดับปานกลางหรืออิศวรอาจส่งผลให้ exertional อาการหายใจลำบากจากการไล่ระดับสีที่เพิ่มขึ้น transmitral และซ้ายดัน atrial. mitral ตีบรุนแรงที่เกิดขึ้นกับพื้นที่วาล์วน้อยกว่า 1 cm2 ในฐานะที่เป็นวาล์วก้าวหน้าแคบ, ลาด mitral วาล์วพักผ่อน diastolic และที่เหลือจึงดัน atrial เพิ่มขึ้น นี้นำไปสู่ ​​transudation ของของเหลวเข้าไปใน interstitium ปอดและอาการหายใจลำบากในส่วนที่เหลือหรือการออกแรงน้อยที่สุด อาการไอเป็นเลือดอาจเกิดขึ้นหากการแตกเส้นเลือดขยายหลอดลมและหัวใจห้องบนซ้ายเพิ่มความเสี่ยงต่อภาวะหัวใจห้องบนและอุดตันตามมา. ความดันโลหิตสูงในปอดอาจจะพัฒนาเป็นผลมาจาก (1) การส่งถอยหลังเข้าคลองของความดันหัวใจห้องบนซ้าย (2) การหดตัวของหลอดเลือดแดงในปอด (3) อาการบวมน้ำสิ่งของหรือ (4) การเปลี่ยนแปลง obliterative ในเตียงของหลอดเลือดในปอด (hyperplasia intimal และยั่วยวนอยู่ตรงกลาง) ในขณะที่การเพิ่มขึ้นของความดันเลือดในปอดขยายกระเป๋าหน้าท้องด้านขวาและเทพนิยาย tricuspid อาจพัฒนาที่นำไปสู่การยกระดับความดันเลือดดำคอแออัดตับน้ำในช่องท้องและอาการบวมน้ำที่เหยียบ. กระเป๋าหน้าท้องซ้ายดันปลาย diastolic และการส่งออกการเต้นของหัวใจมักจะปกติในคนที่มี mitral ตีบแยก . ในขณะที่ความรุนแรงของการเพิ่มขึ้นตีบ, การส่งออกต่ำกว่าปกติการเต้นของหัวใจจะกลายเป็นที่พักผ่อนและล้มเหลวในการเพิ่มขึ้นระหว่างการออกกำลังกาย ประมาณหนึ่งในสามของผู้ป่วยที่มีโรคไขข้อ mitral ตีบมีความสุขมีกระเป๋าหน้าท้องซ้ายฟังก์ชัน systolic เป็นผลมาจาก myocarditis โรคไขข้ออักเสบเรื้อรัง การปรากฏตัวของ mitral เทพนิยายด้วยกัน, ความดันโลหิตสูงระบบหลอดเลือดตีบหรือกล้ามเนื้อหัวใจตายยังสามารถส่งผลกระทบต่อการทำงานของหัวใจด้านซ้ายและเอาท์พุทการเต้นของหัวใจ

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ปกติลิ้นปากเนื้อที่ประมาณ 4-6 cm2 เป็นขนาดรูลดลง ความดันผ่านลิ้นหัวใจ เพิ่มการรักษากระแสเพียงพอ ผู้ป่วย

จะไม่พบอาการที่เกี่ยวข้อง จนถึงบริเวณวาล์ววาล์ว 2 ตร. ซม. หรือน้อยกว่าที่จุดออกกำลังกายปานกลาง หรือภาวะหัวใจเต้นเร็วผิดปกติ อาจส่งผลให้คนถือหางเสือเรือ จากการเพิ่มขึ้น transmitral และความดันหัวใจห้องบนซ้าย

รุนแรงลิ้นไมตรัลตีบเกิดขึ้นด้วยวาล์วพื้นที่น้อยกว่า 100 cm2 เป็นวาล์วค่อยๆแคบลงพักลิ้นไล่ระดับล่างจึงเหลือความดันหัวใจเพิ่มขึ้นนี้นำไปสู่การ transudation ของของเหลวในปอดและ interstitium หอบที่เหลือหรือกับการออกแรงน้อยที่สุด ไอเป็นเลือดอาจเกิดขึ้นหากงวดแตกและซ้ายและหัวใจ เพิ่มความเสี่ยงสำหรับการ และภาวะหัวใจ ปอด ความดันโลหิตสูงตามมา

อาจจะพัฒนาเป็นผลจาก ( 1 ) การส่งผ่านความดันหัวใจถอยหลังซ้าย ,การตีบของหลอดเลือดแดงรอง ( 2 ) , ( 3 ) การลดน้ำ หรือ ( 4 ) การเปลี่ยนแปลง obliterative ในหลอดเลือดปอด ( intimal hyperplasia และ medial hypertrophy ) เมื่อความดันในหลอดเลือดปอดเพิ่มขึ้น หัวใจห้องขวาล่าง และไตรคัสปิดการอาเจียนอาจพัฒนาไปสู่การยกระดับความดันหลอดเลือดดำที่คอ ตับคั่งในท้อง และเหยียบมาน

หัวใจห้องล่างซ้าย ปรือ และผลผลิตของหัวใจเป็นปกติปกติในคนแยกลิ้นไมตรัลตีบ ตามความรุนแรงของการเพิ่มผลผลิตหัวใจตีบ กลายเป็นไม่เต็มบาทที่เหลือและล้มเหลวที่จะเพิ่มระหว่างการออกกำลังกายประมาณ 1 ใน 3 ของผู้ป่วยโรคลิ้นไมตรัลตีบได้หดหู่หัวใจห้องล่างซ้ายบีบตัวฟังก์ชันผลเรื้อรังโรคไขข้อสีฟ้า . การแสดงตนของผู้ป่วย mitral regurgitation , ความดันโลหิตสูง , ระบบหลอดเลือดตีบ หรือโรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด นอกจากนี้ยังสามารถส่งผลกระทบต่อการทำงานของหัวใจห้องล่างซ้าย และผลผลิตของหัวใจ