The survey results reveal users who

The survey results reveal users who have not changed their privacy settings and users
who have read the privacy policy have higher trust levels on Facebook, although both
of these groups represent the minority of Facebook users surveyed. It seems logical that
Facebook users who have read the policy would place more trust in the social networking
site as they are acquiring more information from reading the policy and arguably gaining
more control, in turn reducing privacy concerns and raising trust levels as outlined in the
literature (Hoadley et al., 2010; Van Dyke et al., 2007; Metzger, 2004; Seigneur and Jensen,
2004; Sheehan and Hoy, 2000). However, it appears illogical that Facebook users who have
not changed their settings would trust Facebook more. It was expected that Facebook users
who have changed their privacy settings would have higher levels of trust on the social
networking site because by adjusting their privacy settings they are assuming greater
control over their information. A possible explanation for this contradiction is Facebook
users are adjusting their settings in response to the controversy surrounding Facebook’s
approach to privacy and, while they are assuming control over their information, the factor
that prompted them to change their settings could have severely dented or prevented trust
developing.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

เปิดเผยผลสำรวจผู้ใช้ที่ไม่ได้เปลี่ยนแปลงการตั้งค่าความเป็นส่วนตัวและผู้ใช้ที่ได้อ่านส่วนนโยบายมีระดับที่สูงขึ้นน่าเชื่อถือบน Facebook แม้ว่าทั้งสองกลุ่มเหล่านี้เป็นตัวแทนชนกลุ่มน้อยของผู้ใช้ Facebook ที่สำรวจ ดูเหมือนตรรกะที่ผู้ใช้ Facebook ที่ได้อ่านนโยบายจะทำความเชื่อถือในเครือข่ายทางสังคมเว็บไซต์พวกเขาจะได้รับข้อมูลเพิ่มเติมจากนโยบาย และการดึงดูดว่าเพิ่มการควบคุม จะลดความกังวลความเป็นส่วนตัว และเพิ่มความน่าเชื่อถือระดับตามที่ระบุไว้ในการวรรณกรรม (Hoadley et al., 2010 Al. et van Dyke, 2007 Metzger, 2004 Seigneur และเจนเซน2004 Sheehan และหอย 2000) อย่างไรก็ตาม เหมือนไม่สมเหตุผลที่ผู้ใช้ Facebook ที่มีไม่เปลี่ยนแปลงการตั้งค่าจะใจ Facebook มากขึ้น จึงคาดว่าผู้ใช้ Facebook ที่ที่มีการเปลี่ยนแปลงการตั้งค่าความเป็นส่วนตัวจะมีความน่าเชื่อถือในสังคมระดับสูงเครือข่ายเว็บไซต์เนื่องจาก โดยการปรับค่าความเป็นส่วนตัว ที่พวกเขาจะสมมติมากกว่าควบคุมข้อมูลของตน คำอธิบายที่เป็นไปได้สำหรับความขัดแย้งนี้คือ Facebookผู้ใช้จะปรับค่าการถกเถียงของ Facebook ที่อยู่โดยรอบวิธีการความเป็นส่วนตัว และ ใน ขณะที่พวกเขาจะสมมติข้อมูล ตัวควบคุมที่ได้รับการพร้อมท์ให้เปลี่ยนการตั้งค่าอาจมีรุนแรงเว้าแหว่ง หรือป้องกันความน่าเชื่อถือการพัฒนา

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ผลการสำรวจเผยให้เห็นผู้ใช้ที่ยังไม่ได้เปลี่ยนการตั้งค่าความเป็นส่วนตัวของพวกเขาและผู้ใช้ที่ได้อ่านนโยบายความเป็นส่วนตัวมีระดับที่สูงขึ้นความไว้วางใจใน Facebook, แม้ว่าทั้งสองของกลุ่มเหล่านี้เป็นตัวแทนของชนกลุ่มน้อยของผู้ใช้Facebook ที่สำรวจ ดูเหมือนว่าตรรกะที่ผู้ใช้ Facebook ที่ได้อ่านนโยบายจะวางความไว้วางใจมากขึ้นในเครือข่ายสังคมเว็บไซต์ที่พวกเขาจะแสวงหาข้อมูลเพิ่มเติมจากการอ่านนโยบายและเนื้อหาที่ดึงดูดการควบคุมมากขึ้นในทางกลับกันการลดความกังวลเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัวและการเพิ่มระดับความไว้วางใจตามที่ระบุไว้ในวรรณคดี(Hoadley et al, 2010;. รถตู้คัน et al, 2007;. เมทซ์ 2004; นายท่านและเซ่น2004; Sheehan และเฮ้ย, 2000) แต่ปรากฏเหตุผลที่ผู้ใช้ Facebook ที่มีไม่ได้เปลี่ยนการตั้งค่าของพวกเขาจะให้ความไว้วางใจมากขึ้นFacebook มันเป็นที่คาดว่าผู้ใช้ Facebook ที่มีการเปลี่ยนแปลงการตั้งค่าความเป็นส่วนตัวของพวกเขาจะมีระดับที่สูงขึ้นของความไว้วางใจในสังคมเว็บไซต์เครือข่ายเพราะโดยการปรับการตั้งค่าความเป็นส่วนตัวของพวกเขาพวกเขาจะสมมติมากขึ้นการควบคุมข้อมูลของพวกเขา คำอธิบายที่เป็นไปได้สำหรับความขัดแย้งนี้ Facebook ผู้ใช้จะปรับการตั้งค่าของพวกเขาในการตอบสนองต่อความขัดแย้งรอบของเฟซบุ๊กใกล้กับความเป็นส่วนตัวและในขณะที่พวกเขาจะสมมติว่าการควบคุมข้อมูลของพวกเขาปัจจัยที่ทำให้พวกเขาเปลี่ยนการตั้งค่าของพวกเขาจะได้เว้าแหว่งอย่างรุนแรงหรือป้องกันไม่ให้เกิดความไว้วางใจที่กำลังพัฒนา

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

สำรวจพบผู้ใช้ที่ยังไม่ได้เปลี่ยนการตั้งค่าความเป็นส่วนตัวของพวกเขาและผู้ใช้
ใครได้อ่านนโยบายความเป็นส่วนตัวได้ระดับความน่าเชื่อถือที่สูงขึ้นใน Facebook แม้ว่าทั้งคู่
ของกลุ่มเหล่านี้เป็นตัวแทนของชนกลุ่มน้อยของผู้ใช้ Facebook เสร็จ ดูเหมือนว่าเหตุผลที่
ผู้ใช้ Facebook ที่ได้อ่านนโยบายที่จะมอบความไว้วางใจมากขึ้นในเครือข่ายทางสังคม
เว็บไซต์ที่พวกเขาได้รับข้อมูลเพิ่มเติมจากการอ่านนโยบายและ arguably สู่
การควบคุมมากขึ้น จะช่วยลดความกังวลความเป็นส่วนตัวและเพิ่มระดับความน่าเชื่อถือตามที่ระบุใน
วรรณกรรม ( โฮดลีย์ et al . , 2010 ; Van Dyke et al . , 2007 ; เม็ตสเกอร์ , 2004 ; และ seigneur Jensen
2004 ; ชีฮาน และ ฮอย 2000 ) อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่าเหตุผลที่ผู้ใช้ Facebook ที่มี
ไม่ได้เปลี่ยนการตั้งค่าของพวกเขาจะไว้วางใจ Facebook มากขึ้น มันเป็นที่คาดหวังว่าผู้ใช้ Facebook
ที่เปลี่ยนการตั้งค่าความเป็นส่วนตัวของพวกเขาจะสูงกว่าระดับของความไว้วางใจในเว็บไซต์เครือข่ายสังคม
เพราะโดยการปรับการตั้งค่าความเป็นส่วนตัวของพวกเขาพวกเขาคิดว่าการควบคุมมากขึ้น
ข้อมูลของพวกเขา . คำอธิบายที่เป็นไปได้สำหรับความขัดแย้งนี้ Facebook
ผู้ใช้ปรับการตั้งค่าของพวกเขาในการตอบสนองต่อความขัดแย้งรอบ Facebook
แนวทางความเป็นส่วนตัวและในขณะที่พวกเขาจะสมมติว่าควบคุมข้อมูลของพวกเขาปัจจัย
ที่พร้อมท์ให้เปลี่ยนการตั้งค่าของพวกเขาอาจเป็นรอยอย่างรุนแรงหรือป้องกันความไว้วางใจ
พัฒนา