Background and purpose: Study skill

Background and purpose: Study skills are one important factor influencing academic achievement of students. We must replace ineffective models and habits of study with more fruitful skills in order to gain better learning. This study investigates the study skills and habits of medical students and their educational achievement.
Methods: Based on a pilot study the sample size was estimates as 400. Systematic cluster sampling based on medical school registry of students was used. The subjects were medical sciences students of different program. Data gathered with a researcher – made questioner of study skills containing five part including demographic question ; 14 items on planning and time management; 20 on active reading , 8 on concentration and 18 on note taking; and 20 on study habits.
Results: The mean score was 163/1±28/2 (range 50-250) for study skill and 25/6±6/86 (range 20-60) for study habits. The mean scores of students for different components of study skills were 16.89±1.7 for planning and time management (Possible of 14-70), 59.1±14.1 for reading comprehension and speed (20-100), 19.8±6.6 for concentration (8-40), and 46.43±13.8 for note taking (18-90).The major defects in students’ study skills were planning and time management followed by concentration and note taking skills. Study skills had a significant correlation with educational achievement (r = 0.101, P < 0.05) while study habits correlation with educational achievement was not significant (r = 0.085, P > 0.05). Although males scored slightly better in study habits and all components of study skills but this superiority was only significant for reading comprehension and speed.
Conclusion: Students need to learn study skills early in their university life. results showed weakness in study habits and study skill and deficit in planning and time management ,concentration and note taking skill. We suggest educational course or workshop about university skills for students.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

พื้นหลังและวัตถุประสงค์: การศึกษาทักษะเป็นหนึ่งปัจจัยสำคัญที่มีอิทธิพลต่อผลสัมฤทธิ์ทางวิชาการของนักเรียน เราต้องแทนรุ่นผลและพฤติกรรมการเรียน ด้วยทักษะการตอบเพื่อให้ได้ดีกว่าการเรียนรู้ การศึกษานี้ตรวจสอบทักษะการศึกษาและพฤติกรรมของนักศึกษาแพทย์และการสำเร็จการศึกษา วิธีการ: อิงจากการศึกษานำร่องขนาดตัวอย่างที่ถูกประเมินเป็น 400 ใช้สุ่มตัวอย่างคลัสเตอร์เป็นระบบที่อิงจากรีจิสทรีของโรงเรียนแพทย์ของนักเรียน ในวิชาที่นักศึกษาวิทยาศาสตร์การแพทย์ของโปรแกรมอื่นได้ รวบรวมข้อมูลกับนักวิจัย – ทำ questioner ศึกษาทักษะประกอบด้วยห้าส่วนรวมประชากรถาม รายการที่ 14 การบริหารเวลา และการวางแผน 20 บนอ่าน 8 ในความเข้มข้นและ 18 บน การใช้งาน และ 20 ในนิสัยในการเรียนผลลัพธ์: คะแนนเฉลี่ยเป็น 163/1±28/2 (ช่วง 50-250 สำหรับศึกษาทักษะ) และ 25/6±6/86 (ในช่วง 20-60) สำหรับศึกษานิสัย คะแนนเฉลี่ยของนักเรียนสำหรับคอมโพเนนต์ที่แตกต่างกันของทักษะการศึกษาถูก 16.89±1.7 สำหรับการจัดการการวางแผน และเวลา (เป็นไปได้ของ 14-70), 59.1±14.1 เพื่ออ่านทำความเข้าใจและความเร็ว (20-100), 19.8±6.6 สำหรับความเข้มข้น (8-40), และ 46.43±13.8 หมายเหตุการ (18-90) ข้อบกพร่องสำคัญในพื้นฐานการเรียนของนักเรียนมีการวางแผน และการบริหารเวลาตามความเข้มข้นและทักษะที่จะ ทักษะการศึกษามีความสัมพันธ์อย่างมีนัยสำคัญกับผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษา (r = 0.101, P < 0.05) ในขณะที่ไม่ได้ศึกษานิสัยความสัมพันธ์กับผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษาอย่างมีนัยสำคัญ (r = 0.085, P > 0.05) แม้ว่าชายประตูเล็กน้อย ดีกว่าในส่วนประกอบทั้งหมดของการศึกษาและนิสัยในการเรียน ทักษะแต่ที่เหนือกว่านี้ได้เท่านั้นสำคัญสำหรับการอ่านจับใจความและความเร็วสรุป: นักเรียนต้องเรียนรู้การศึกษาทักษะในชีวิตมหาวิทยาลัย ผลการศึกษาพบความอ่อนแอในนิสัยในการเรียน และทักษะการศึกษา และขาดการวางแผน และการบริหารเวลา ความเข้มข้น และทักษะที่จะ เราขอแนะนำหลักสูตรการศึกษาหรือประชุมเชิงปฏิบัติการเกี่ยวกับมหาวิทยาลัยทักษะสำหรับนักเรียน

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ประวัติความเป็นมาและวัตถุประสงค์: การศึกษาทักษะการเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่มีอิทธิพลต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียน เราจะต้องเปลี่ยนรูปแบบได้ผลและนิสัยของการศึกษาที่มีทักษะมีผลมากขึ้นเพื่อที่จะได้เรียนรู้ที่ดี การศึกษานี้เป็นการศึกษาทักษะและนิสัยของนักศึกษาแพทย์และผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษาของพวกเขา.
วิธีการ: ขึ้นอยู่กับการศึกษานำร่องขนาดของกลุ่มตัวอย่างได้รับการประมาณการเป็น 400 สุ่มตัวอย่างอย่างเป็นระบบบนพื้นฐานของรีจิสทรีโรงเรียนแพทย์ของนักเรียนถูกนำมาใช้ กลุ่มตัวอย่างเป็นนักเรียนวิทยาศาสตร์การแพทย์ของโปรแกรมที่แตกต่างกัน กับข้อมูลที่รวบรวมนักวิจัย - ทำถามของทักษะการศึกษาที่มีส่วนห้ารวมทั้งคำถามประชากรศาสตร์; 14 รายการที่เกี่ยวกับการวางแผนและการจัดการเวลา 20 ในการอ่านที่ใช้งาน, 8 กับความเข้มข้นและ 18 ในการจดบันทึก; และ 20 กับนิสัยการศึกษา.
ผล: คะแนนเฉลี่ย 163/1 ± 28/2 (ช่วง 50-250) ทักษะการศึกษาและการ 25/6 ± 6/86 (ช่วง 20-60) สำหรับพฤติกรรมการเรียน คะแนนเฉลี่ยของนักเรียนสำหรับส่วนประกอบที่แตกต่างกันของทักษะการศึกษาเป็น 16.89 ± 1.7 สำหรับการวางแผนและการบริหารเวลา (เป็นไปได้ของ 14-70), 59.1 ± 14.1 สำหรับการอ่านจับใจความและอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง (20-100) 19.8 ± 6.6 ความเข้มข้น (8- 40) และ 46.43 ± 13.8 สำหรับการจดบันทึก (18-90) ได้โดยง่ายข้อบกพร่องที่สำคัญในทักษะการศึกษาของนักเรียนที่ได้รับการวางแผนและการบริหารเวลาตามด้วยความเข้มข้นและการจดบันทึกทักษะ ทักษะการศึกษามีความสัมพันธ์อย่างมีนัยสำคัญกับผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษา (r = 0.101, p <0.05) ในขณะที่ทัศนคติต่อการศึกษาความสัมพันธ์กับผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษาไม่ได้อย่างมีนัยสำคัญ (r = 0.085, p> 0.05) แม้ว่าเพศคะแนนดีขึ้นเล็กน้อยในการศึกษาพฤติกรรมและส่วนประกอบทั้งหมดของทักษะการศึกษา แต่ที่เหนือกว่านี้เป็นเพียงที่สำคัญสำหรับการอ่านจับใจความและความเร็ว.
สรุป: นักศึกษาจะต้องเรียนรู้ทักษะการศึกษาในช่วงต้นชีวิตมหาวิทยาลัยของพวกเขา ผลการศึกษาพบจุดอ่อนในการศึกษาพฤติกรรมและทักษะการศึกษาและการขาดดุลในการบริหารจัดการการวางแผนและเวลาที่มีความเข้มข้นและทักษะการจดบันทึก เราขอแนะนำหลักสูตรการศึกษาหรือการประชุมเชิงปฏิบัติการเกี่ยวกับทักษะมหาวิทยาลัยสำหรับนักเรียน

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ความเป็นมาและวัตถุประสงค์ : ทักษะการศึกษาเป็นหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียน เราต้องเปลี่ยนรุ่นไม่ได้ผลและนิสัยของการศึกษาที่มีทักษะ fruitful เพิ่มเติมเพื่อที่จะได้รับดีกว่าการเรียนรู้ งานวิจัยนี้ศึกษาทักษะการเรียนและพฤติกรรมของนักศึกษาแพทย์ และผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษาของพวกเขาวิธี : จากการศึกษานำร่องจำนวนประมาณการ 400 ระบบ Cluster Sampling ) จากโรงเรียนแพทย์รีจิสทรีของนักเรียนที่ใช้ การวิจัยวิทยาศาสตร์การแพทย์ นักศึกษาของโปรแกรมที่แตกต่างกัน ข้อมูลที่รวบรวมโดยนักวิจัยและสร้างคำถามของการศึกษาทักษะประกอบด้วยห้าส่วน รวมทั้งคำถามส่วนบุคคล ; 14 รายการในการวางแผนงานและการจัดการเวลา 20 อ่านปราดเปรียว , 8 ในความเข้มข้นและ 18 ในการจดบันทึก และ 20 นิสัยการศึกษาผลการศึกษา : ค่าเฉลี่ยคือ 163 / 1 ± 28 / 2 ( ช่วง 50-250 ) สำหรับทักษะและ 25 / 6 ± 6 / 86 ศึกษา ( ช่วง 20-60 ) สำหรับนิสัยการศึกษา ค่าเฉลี่ยของคะแนนผลสัมฤทธิ์สำหรับชิ้นส่วนที่แตกต่างกันของทักษะการศึกษา 16.89 ± 1.7 สำหรับการวางแผนและการจัดการเวลา ( ที่สุดของ 14-70 ) เข้า± 14.1 สำหรับการอ่านและความเร็ว ( 2-10 ) 19.8 ± 6.6 สำหรับสมาธิ ( 8-40 ) และล้าง± 13.8 สำหรับการจดบันทึก ( 18-90 ) ความบกพร่องในทักษะการเรียนหลัก นักเรียนมีการวางแผนและบริหารเวลา ตามความเข้มข้น และสังเกตการใช้ทักษะ ทักษะการศึกษามีความสัมพันธ์กับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ( r = 0.101 , p < 0.05 ) ในขณะที่ศึกษานิสัยที่สัมพันธ์กับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนอย่างมีนัยสำคัญ ( r = 0.085 , P > 0.05 ) ถึงแม้ว่าตัวผู้คะแนนดีขึ้นเล็กน้อยในการเรียนและส่วนประกอบทั้งหมดของทักษะการศึกษาแต่ความเหนือกว่านี้เท่านั้นที่สำคัญสำหรับการอ่านและความเร็วสรุป : นักเรียนต้องเรียนรู้ทักษะการศึกษาแรกในชีวิตมหาวิทยาลัยของพวกเขา พบจุดอ่อนในการเรียนและทักษะและการขาดดุลในการวางแผนและบริหารการศึกษาเวลา ความเข้มข้น และสังเกตการใช้ทักษะ เราขอแนะนำหลักสูตรการศึกษาหรืออบรมเกี่ยวกับมหาวิทยาลัยทักษะสำหรับนักเรียน