Figs. 7 and 8 show a comparison of

Figs. 7 and 8 show a comparison of DTM sections produced by the proposed algorithm ((a) and (c)) with those produced by the algorithm by Kraus and Pfeifer (1998) ((b) and (d)) using the same data. From Fig. 7, it can be seen that the algorithm proposed in this paper performed better both in terms of smoothness of the DTM and in reproducing the physical features of the terrain. The presence of humps in the DTM in (b), caused by the limited number of ground points in the data, should be noted.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

Figs. 7 และ 8 แสดงการเปรียบเทียบของ DTM ส่วนผลิต โดยอัลกอริทึมที่นำเสนอ ((ก) และ (c)) กับ โดยอัลกอริทึม Kraus และ Pfeifer (1998) ((ข) และ (d)) โดยใช้ข้อมูลเดียวกัน Fig. 7 ดังจะเห็นได้ว่า อัลกอริทึมที่นำเสนอในเอกสารนี้ทำดี ทั้งราบรื่น ของ DTM และคุณลักษณะทางกายภาพของภูมิประเทศซับซ้อน ควรบันทึกสถานะของ humps ใน DTM ใน (b), เกิดจากจำนวนจุดล่างข้อมูล จำกัด

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

มะเดื่อ 7 และ 8 แสดงการเปรียบเทียบส่วน DTM ที่ผลิตโดยขั้นตอนวิธีการที่นำเสนอ ((ก) และ (ค)) กับผู้ที่ผลิตโดยอัลกอริทึมโดย Kraus และ Pfeifer (1998) ((ข) และ (ง)) โดยใช้ข้อมูลเดียวกัน จากรูป 7 ก็จะเห็นได้ว่าอัลกอริทึมที่นำเสนอในบทความนี้ทำได้ดีทั้งในแง่ของความเรียบเนียนของ DTM และในการทำซ้ำคุณสมบัติทางกายภาพของภูมิประเทศ การปรากฏตัวของ humps ใน DTM ใน (ข) ที่เกิดจากการ จำกัด จำนวนของจุดที่พื้นดินในข้อมูลที่ควรจะตั้งข้อสังเกต

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

มะเดื่อ . 7 และ 8 แสดงการเปรียบเทียบของ DTM ส่วนที่ผลิตโดยวิธีที่เสนอ ( ( a ) และ ( c ) ) กับผู้ที่ผลิตโดยขั้นตอนวิธีโดย เคราส์ ไฟเฟอร์ ( 1998 ) และ ( b ) และ ( d ) ) โดยใช้ข้อมูลเดียวกัน จากรูปที่ 7 จะเห็นได้ว่าขั้นตอนวิธีที่เสนอในงานวิจัยนี้ แสดงได้ดี ทั้งในแง่ของความเนียนของ DTM และในการสร้างคุณลักษณะทางกายภาพของภูมิประเทศมีหนอกใน DTM ( B ) ที่เกิดจากการ จำกัด จำนวนของจุดที่พื้นดินในข้อมูล ควรสังเกต .