Robert Bruce Banner เกิดวันที่ 18 ธันวาคม 1969 และพอถึงช่วงคาบเกี่ยวก่ การแปล - Robert Bruce Banner เกิดวันที่ 18 ธันวาคม 1969 และพอถึงช่วงคาบเกี่ยวก่ ไทย วิธีการพูด

Robert Bruce Banner เกิดวันที่ 18 ธ

Robert Bruce Banner เกิดวันที่ 18 ธันวาคม 1969 และพอถึงช่วงคาบเกี่ยวก่อนโตเป็นวัยรุ่น เขาก็เปลี่ยนไปใช้ชื่อกลางเป็นชื่อต้นแทน เหลือแค่ชื่อว่า บรูซ แบนเนอร์ บรูซได้พบกับ Betty Ross ในขณะกำลังศึกษาอยู่ในมหาวิทยาลัยเดียวกัน คือมหาลัย Stanley ทั้งสองก็ตกหลุมรักกันตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา และไม่เคยห่างกันอีกเลย

ต่อมาเมื่อบรูซและเบ็ตตี้เรียนจบ ทั้งคู่ก็มาเป็นอาจารย์สอนอยู่ใน Culver University ด้วยกัน และที่มหาลัยแห่งนี้เอง ที่บรูซได้รู้จักกับนักฟิสิกซ์ดาราศาสตร์ผู้มากความสามารถ ซึ่งเป็นอาจารย์มหาลัยเดียวกัน ซึ่งก็คือ Dr. Erik Selvig

(ฉากในเรื่อง Thor ปี 2011 ดร.เซลวิค เอ่ยถึงนักวิทยาศาสตร์ที่เป็นผู้บุกเบิกรังสีแกมม่า)



ปี 2005 ดร.บรูซและดร.เบ็ตตี้ก็ได้รับการคัดเลือกจากกองทัพสหรัฐ ที่จะต้องทำงานในโปรเจคลับสุดยอดของกองทัพ ในชื่อเต็มๆว่า the Bio-Tech Force Enhancement Project แต่ความจริงแล้ว ทางกองทัพต้องการรื้อฟื้น Project Rebirth ขึ้นมาใหม่นั่นเอง โดยเอาขั้นตอนการทำงานของ ดร.เอิร์ลสกินในปี 1942 มาเป็นแนวทางให้ดร.บรูซ รวมถึงไครโอชิงค์ที่ฮาเวิร์ด สตาร์คผลิตมาให้ดร.บรูซศึกษาด้วย แต่ดร.บรูซซึ่งเชี่ยวชาญใน Gamma Radiation หรือรังสีแกมม่าเป็นพิเศษ ตัดสินใจวิจัยโปรเจคนี้ด้วยรังสีแกมม่าแทนเสูตรของเอิลสกิน และใช้ร่วมกับเซรุ่มที่ยังเหลือในไครโอชิงค์ ซึ่งทางกองทัพบอกแต่เพียงว่า โปรเจคนี้ต้องการสร้างทหารที่แข็งแกร่งขึ้น (แล้วมันแตกต่างกับโปรเจครี-เบิร์ธยังไง?) โดยหัวหน้าโครงการทางทหารนี้ก็คือ General Thaddeus Ross หรือนายพลรอส พ่อแท้ๆของดร.เบ็ตตี้

ไม่กี่เดือนต่อมา ดร.บรูซมีความเชื่อมั่นมาก ว่างานของเค้าสำเร็จลุล่วงดีไม่มีปัญหาแล้ว จึงทำการทดสอบเบื้องต้นด้วยตนเอง (คิดอะไรอยู่เนี่ย?) ดร.บรูซฉายแสงเพียงอ่อนๆด้วยรังสีแกมม่าที่ตนสังเคราะห์ขึ้นเป็นพิเศษในโปรเจคนี้ ซึ่งดร.บรูซจำลองรังสีแกมม่านี้ให้ได้ผลใกล้เคียงกับเซรุ่มของดร.เอิลสกิน

ดร.บรูซทดลองฉายรังสีแกมม่ากับตัวเอง



แต่ผลไม่เป็นออกมาตามที่คาด รังสีแกมม่านั้นฉายออกมารุนแรงและมากเกินไป ทุกคนในห้องทดลองต้องหนีตายออกมาหมด เหลือเพียงดร.บรูซคนเดียวในห้อง แล้วก็ บรึ้ม.. กลายเป็นโกโก้ครั๊นซ์..

ดร.บรูซดิ้นทุรนทุรายอย่างทรมาน และก่อนที่ดร.บรูซจะดิ้นจนหลุดออกจากเครื่องฉายรังสีแกมม่า ดร.เบ๊ตตี้ก็ตรวจพบว่าอัตราการเต้นของหัวใจของบรูซสูงและถี่มาก ก่อนที่บรูซจะกลายร่างเป็นฮัล์ค ร่างกายของบรูซขยายใหญ่โตขึ้น กล้ามเนื้อเพิ่มขึ้น ผิวกลายเป็นสีเขียว และร่างกายแข็งแกร่งขึ้นเกือบจะอมตะ ยิงฟันแทงไม่เข้า (แต่ยังรู้สึกเจ็บอยู่นะ) และดร.บรูซก็จำอะไรไม่ได้เลยขณะที่เป็นฮัล์ค ฮัล์คอาละวาดพังทุกอย่างในแลปฯ จึงทำให้ดร.เบ็ตตี้ได้รับบาดเจ็บค่อนข้างหนักมากจากเหตุการณ์นี้ อย่างไรก็ตาม การกลายร่างของดร.บรูซเป็นฮัล์คครั้งแรก ก็เกิดขึ้นในช่วงสั้นๆเท่านั้น และไม่นานบรูซก็กลับคืนสภาพร่างกายมนุษย์ปกติ และสลบไป

ดร.บรูซ แบนเนอร์ เฝ้าอาการ ดร.เบ๊ตตี้ รอส ซึ่งบาดเจ็บสาหัสจากความผิดของตน



ดร.บรูซหลังจากฟื้นคืนสติ ก็รีบถามถึงดร.เบ๊ตตี้คนรัก และรีบออกจากห้องรักษาตัวไปหาดร.เบ๊ตตี้ทันที (บรูซและเบ๊ตตี้มารักษาที่โรงพยาบาลเดียวกัน) เมื่อเห็นสภาพคนรักแล้วบรูซก็ตำหนิตัวเอง นายพลรอสซึ่งแขนหักจากเหตุการณ์นี้ด้วยเห็นบรูซมาเยี่ยมลูกสาวตน ก็บันดาลโทสะไล่บรูซออกจากห้องไป

สามวันหลังจากนั้น นายพลรอสก็พบบรูซอีกครั้งข้างเตียงผู้ป่วยของเบ๊ตตี้ นายพลรอสซึ่งใจเย็นลงแล้วเข้าไปพูดคุยกับบรูซ และเสนอให้บรูซเข้าห้องแลปฯที่รัฐแมรี่แลนด์ เพื่อวิจัยร่างกายบรูซอย่างละเอียด โดยนายพลรอสหวังจะค้นพบกุญแจสำคัญในตัวบรูซ และนำมาสร้างสุดยอดทหารเหนือมนุษย์ แต่บรูซปฏิเสธ นายพลรอสไม่มีทางเลือก จึงสั่งทหหารจับกุมบรูซ แต่บรูซก็หลบหนีมาได้ นายพลรอสจึงสั่งให้กองกำลังทหารในสังกัดของตนไล่ล่าบรูซอย่างเป็นทางการ

บรูซต้องตัดสินใจทิ้งเบ๊ตตี้คนรัก เพราะบรูซไม่อยากให้เบ๊ตตี้ต้องมาเดือดร้อนเพราะตนเอง บรูซพยายามจะหนีออกจากสหรัฐฯ โดยแอบไปในรถพ่วงซึ่งกำลังจะวิ่งไปประเทศแคนนาดา เมื่อถึงชายแดนแคนนาดา ก็พบว่ากองกำลังทหารของนายพลรอสมาดักตรวจรถไว้ที่ทางผ่านชานแดน ทหารมาเปิดรถพ่วงและพบบูซอยู่ภายใน บรูซตกใจจนหัวใจเต้นแรงชีพจรสูงจึงกลายร่างเป็นฮัล์ค และฮัล์คก็แหกด่านกองกำลังทหารของนายพลรอสหนีเข้าเขตแดนประเทศแคนาดาไปได้

ที่บาร์แห่งหนึ่งในแคนาดา นิค ฟิวรี่ ซึ่งติดตามเรื่องของบรูซมาได้ซักระยะ ก็เข้ามาพูดคุยกับบรูซแบบไม่เผยตัว นิคหวังที่จะประเมินบรูซเบื้องต้นว่าบรูซเป็นคนแบบใด และกลายเป็นอะไรไปหลังจากการทดลอง นิคพยายามตีสนิทบรูซโดยจะเลี้ยงเบียร์เขา แต่บรูซซึ่งอยู่ในอารมณ์หดหู่ ก็ปฎิเสธนิคไป นิคจึงถอยห่างออกมา นิคยังไม่ลดละ นิคจึงสั่งให้เจ้าหน้าที่ S.H.I.E.L.D. สองคนแกล้งเป็นอันธพาลไปยั่วโมโหบรูซและก่อกวนเขา และนิคจะสวมบทผู้เข้าไปช่วยเหลือบรูซจากอันธพาล เพื่อซื้อใจบรูซและตีสนิทบรูซนั่นเอง แต่สิ่งที่นิคยังไม่รู้ก็คือ อย่าทำให้บรูซโกรธ และบรูซก็กลายเป็นฮัล์ค

ทุกคนในบาร์ก็โดนบรูซซึ่งกลายร่างเป็นฮัล์คอาละวาดใส่ นิคพยายามปลอบฮัล์คสงบลง แต่ก็ไม่เป็นผล ฮัล์คอาละวาดวิ่งทะลุบาร์ออกไป เพราะสัญชาติญาณบรูซหรือฮัล์คที่มีในจิตสำนึกตลอดมา คือการหลบหนีนั่นเอง จึงไม่มีใครเป็นอันตราย

ผ.อ.นิค ฟิวรี่ เรียกประชุมจนท.พิเศษระดับ 7 และระดับ 8 ของชิลด์ทันที ซึ่งงมีโคลสันในการประชุมนี้ด้วย นิคประกาศว่าดร.บรูซ แบนเนอร์ หลังจากกลายเป้นฮัล์คแล้ว คือภัยอันตรายระดับสอง แต่ระดับแรกคือการช่วยเหลือบรูซก่อน (นั่นหมายความว่าเมื่อมีเหตุร้ายแรงให้ช่วยฮัล์คก่อนขั้นแรก ช่วยไม่ไหวจริงๆจึงหาทางล้มฮัล์คให้ได้นั่นเอง)

ดร.บรูซหดหู่ถึงขีดสุด เขาไม่ต้องการที่จะหลบหนีนายพลรอสอีกแล้ว เขาไม่ต้องการสร้างความเดือดร้อนให้ผู้คน เขาไม่ต้องการทำให้ใครบาดเจ็บ ที่สำคัญ เขาไม่อยากให้ใครอาจจะต้องมาเสียชีวิตเพราะเขา บรูซจึงตัดสินใจฆ่าตัวตายซะดีกว่า โดยการจะเอาปืนยิงกรอกปากตัวเอง ฉับพลันบรูชก็กลายเป็นฮัล์ค และฮัล์คก็คายลูกกระสุนออกมาจากปาก การฆ่าตัวตายของบรูซจึงไม่สำเร็จ
(อ้างอิงจากบทพูดของ ดร.บรูซในภาพยนตร์เรื่อง the Avengers 1 )

ฮัล์คมองดูปืนในมือหลังจากบรูซพยายามฆ่าตัวตาย



บรูซระหกระเหินหนีการตามล่าของนายพลรอสมาจนถึง ริโอเดอจาเนโร บราซิ
0/5000
จาก: -
เป็น: -
ผลลัพธ์ (ไทย) 1: [สำเนา]
คัดลอก!
Robert Bruce Banner เกิดวันที่ 18 ธันวาคม 1969 และพอถึงช่วงคาบเกี่ยวก่อนโตเป็นวัยรุ่น เขาก็เปลี่ยนไปใช้ชื่อกลางเป็นชื่อต้นแทน เหลือแค่ชื่อว่า บรูซ แบนเนอร์ บรูซได้พบกับ Betty Ross ในขณะกำลังศึกษาอยู่ในมหาวิทยาลัยเดียวกัน คือมหาลัย Stanley ทั้งสองก็ตกหลุมรักกันตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา และไม่เคยห่างกันอีกเลย ต่อมาเมื่อบรูซและเบ็ตตี้เรียนจบ ทั้งคู่ก็มาเป็นอาจารย์สอนอยู่ใน Culver University ด้วยกัน และที่มหาลัยแห่งนี้เอง ที่บรูซได้รู้จักกับนักฟิสิกซ์ดาราศาสตร์ผู้มากความสามารถ ซึ่งเป็นอาจารย์มหาลัยเดียวกัน ซึ่งก็คือ Dr. Erik Selvig(ฉากในเรื่อง Thor ปี 2011 ดร.เซลวิค เอ่ยถึงนักวิทยาศาสตร์ที่เป็นผู้บุกเบิกรังสีแกมม่า) ปี 2005 ดร.บรูซและดร.เบ็ตตี้ก็ได้รับการคัดเลือกจากกองทัพสหรัฐ ที่จะต้องทำงานในโปรเจคลับสุดยอดของกองทัพ ในชื่อเต็มๆว่า the Bio-Tech Force Enhancement Project แต่ความจริงแล้ว ทางกองทัพต้องการรื้อฟื้น Project Rebirth ขึ้นมาใหม่นั่นเอง โดยเอาขั้นตอนการทำงานของ ดร.เอิร์ลสกินในปี 1942 มาเป็นแนวทางให้ดร.บรูซ รวมถึงไครโอชิงค์ที่ฮาเวิร์ด สตาร์คผลิตมาให้ดร.บรูซศึกษาด้วย แต่ดร.บรูซซึ่งเชี่ยวชาญใน Gamma Radiation หรือรังสีแกมม่าเป็นพิเศษ ตัดสินใจวิจัยโปรเจคนี้ด้วยรังสีแกมม่าแทนเสูตรของเอิลสกิน และใช้ร่วมกับเซรุ่มที่ยังเหลือในไครโอชิงค์ ซึ่งทางกองทัพบอกแต่เพียงว่า โปรเจคนี้ต้องการสร้างทหารที่แข็งแกร่งขึ้น (แล้วมันแตกต่างกับโปรเจครี-เบิร์ธยังไง?) โดยหัวหน้าโครงการทางทหารนี้ก็คือ General Thaddeus Ross หรือนายพลรอส พ่อแท้ๆของดร.เบ็ตตี้ ไม่กี่เดือนต่อมา ดร.บรูซมีความเชื่อมั่นมาก ว่างานของเค้าสำเร็จลุล่วงดีไม่มีปัญหาแล้ว จึงทำการทดสอบเบื้องต้นด้วยตนเอง (คิดอะไรอยู่เนี่ย?) ดร.บรูซฉายแสงเพียงอ่อนๆด้วยรังสีแกมม่าที่ตนสังเคราะห์ขึ้นเป็นพิเศษในโปรเจคนี้ ซึ่งดร.บรูซจำลองรังสีแกมม่านี้ให้ได้ผลใกล้เคียงกับเซรุ่มของดร.เอิลสกินดร.บรูซทดลองฉายรังสีแกมม่ากับตัวเอง แต่ผลไม่เป็นออกมาตามที่คาด รังสีแกมม่านั้นฉายออกมารุนแรงและมากเกินไป ทุกคนในห้องทดลองต้องหนีตายออกมาหมด เหลือเพียงดร.บรูซคนเดียวในห้อง แล้วก็ บรึ้ม.. กลายเป็นโกโก้ครั๊นซ์..
ดร.บรูซดิ้นทุรนทุรายอย่างทรมาน และก่อนที่ดร.บรูซจะดิ้นจนหลุดออกจากเครื่องฉายรังสีแกมม่า ดร.เบ๊ตตี้ก็ตรวจพบว่าอัตราการเต้นของหัวใจของบรูซสูงและถี่มาก ก่อนที่บรูซจะกลายร่างเป็นฮัล์ค ร่างกายของบรูซขยายใหญ่โตขึ้น กล้ามเนื้อเพิ่มขึ้น ผิวกลายเป็นสีเขียว และร่างกายแข็งแกร่งขึ้นเกือบจะอมตะ ยิงฟันแทงไม่เข้า (แต่ยังรู้สึกเจ็บอยู่นะ) และดร.บรูซก็จำอะไรไม่ได้เลยขณะที่เป็นฮัล์ค ฮัล์คอาละวาดพังทุกอย่างในแลปฯ จึงทำให้ดร.เบ็ตตี้ได้รับบาดเจ็บค่อนข้างหนักมากจากเหตุการณ์นี้ อย่างไรก็ตาม การกลายร่างของดร.บรูซเป็นฮัล์คครั้งแรก ก็เกิดขึ้นในช่วงสั้นๆเท่านั้น และไม่นานบรูซก็กลับคืนสภาพร่างกายมนุษย์ปกติ และสลบไป

ดร.บรูซ แบนเนอร์ เฝ้าอาการ ดร.เบ๊ตตี้ รอส ซึ่งบาดเจ็บสาหัสจากความผิดของตน



ดร.บรูซหลังจากฟื้นคืนสติ ก็รีบถามถึงดร.เบ๊ตตี้คนรัก และรีบออกจากห้องรักษาตัวไปหาดร.เบ๊ตตี้ทันที (บรูซและเบ๊ตตี้มารักษาที่โรงพยาบาลเดียวกัน) เมื่อเห็นสภาพคนรักแล้วบรูซก็ตำหนิตัวเอง นายพลรอสซึ่งแขนหักจากเหตุการณ์นี้ด้วยเห็นบรูซมาเยี่ยมลูกสาวตน ก็บันดาลโทสะไล่บรูซออกจากห้องไป

สามวันหลังจากนั้น นายพลรอสก็พบบรูซอีกครั้งข้างเตียงผู้ป่วยของเบ๊ตตี้ นายพลรอสซึ่งใจเย็นลงแล้วเข้าไปพูดคุยกับบรูซ และเสนอให้บรูซเข้าห้องแลปฯที่รัฐแมรี่แลนด์ เพื่อวิจัยร่างกายบรูซอย่างละเอียด โดยนายพลรอสหวังจะค้นพบกุญแจสำคัญในตัวบรูซ และนำมาสร้างสุดยอดทหารเหนือมนุษย์ แต่บรูซปฏิเสธ นายพลรอสไม่มีทางเลือก จึงสั่งทหหารจับกุมบรูซ แต่บรูซก็หลบหนีมาได้ นายพลรอสจึงสั่งให้กองกำลังทหารในสังกัดของตนไล่ล่าบรูซอย่างเป็นทางการ

บรูซต้องตัดสินใจทิ้งเบ๊ตตี้คนรัก เพราะบรูซไม่อยากให้เบ๊ตตี้ต้องมาเดือดร้อนเพราะตนเอง บรูซพยายามจะหนีออกจากสหรัฐฯ โดยแอบไปในรถพ่วงซึ่งกำลังจะวิ่งไปประเทศแคนนาดา เมื่อถึงชายแดนแคนนาดา ก็พบว่ากองกำลังทหารของนายพลรอสมาดักตรวจรถไว้ที่ทางผ่านชานแดน ทหารมาเปิดรถพ่วงและพบบูซอยู่ภายใน บรูซตกใจจนหัวใจเต้นแรงชีพจรสูงจึงกลายร่างเป็นฮัล์ค และฮัล์คก็แหกด่านกองกำลังทหารของนายพลรอสหนีเข้าเขตแดนประเทศแคนาดาไปได้

ที่บาร์แห่งหนึ่งในแคนาดา นิค ฟิวรี่ ซึ่งติดตามเรื่องของบรูซมาได้ซักระยะ ก็เข้ามาพูดคุยกับบรูซแบบไม่เผยตัว นิคหวังที่จะประเมินบรูซเบื้องต้นว่าบรูซเป็นคนแบบใด และกลายเป็นอะไรไปหลังจากการทดลอง นิคพยายามตีสนิทบรูซโดยจะเลี้ยงเบียร์เขา แต่บรูซซึ่งอยู่ในอารมณ์หดหู่ ก็ปฎิเสธนิคไป นิคจึงถอยห่างออกมา นิคยังไม่ลดละ นิคจึงสั่งให้เจ้าหน้าที่ S.H.I.E.L.D. สองคนแกล้งเป็นอันธพาลไปยั่วโมโหบรูซและก่อกวนเขา และนิคจะสวมบทผู้เข้าไปช่วยเหลือบรูซจากอันธพาล เพื่อซื้อใจบรูซและตีสนิทบรูซนั่นเอง แต่สิ่งที่นิคยังไม่รู้ก็คือ อย่าทำให้บรูซโกรธ และบรูซก็กลายเป็นฮัล์ค

ทุกคนในบาร์ก็โดนบรูซซึ่งกลายร่างเป็นฮัล์คอาละวาดใส่ นิคพยายามปลอบฮัล์คสงบลง แต่ก็ไม่เป็นผล ฮัล์คอาละวาดวิ่งทะลุบาร์ออกไป เพราะสัญชาติญาณบรูซหรือฮัล์คที่มีในจิตสำนึกตลอดมา คือการหลบหนีนั่นเอง จึงไม่มีใครเป็นอันตราย

ผ.อ.นิค ฟิวรี่ เรียกประชุมจนท.พิเศษระดับ 7 และระดับ 8 ของชิลด์ทันที ซึ่งงมีโคลสันในการประชุมนี้ด้วย นิคประกาศว่าดร.บรูซ แบนเนอร์ หลังจากกลายเป้นฮัล์คแล้ว คือภัยอันตรายระดับสอง แต่ระดับแรกคือการช่วยเหลือบรูซก่อน (นั่นหมายความว่าเมื่อมีเหตุร้ายแรงให้ช่วยฮัล์คก่อนขั้นแรก ช่วยไม่ไหวจริงๆจึงหาทางล้มฮัล์คให้ได้นั่นเอง)

ดร.บรูซหดหู่ถึงขีดสุด เขาไม่ต้องการที่จะหลบหนีนายพลรอสอีกแล้ว เขาไม่ต้องการสร้างความเดือดร้อนให้ผู้คน เขาไม่ต้องการทำให้ใครบาดเจ็บ ที่สำคัญ เขาไม่อยากให้ใครอาจจะต้องมาเสียชีวิตเพราะเขา บรูซจึงตัดสินใจฆ่าตัวตายซะดีกว่า โดยการจะเอาปืนยิงกรอกปากตัวเอง ฉับพลันบรูชก็กลายเป็นฮัล์ค และฮัล์คก็คายลูกกระสุนออกมาจากปาก การฆ่าตัวตายของบรูซจึงไม่สำเร็จ
(อ้างอิงจากบทพูดของ ดร.บรูซในภาพยนตร์เรื่อง the Avengers 1 )

ฮัล์คมองดูปืนในมือหลังจากบรูซพยายามฆ่าตัวตาย



บรูซระหกระเหินหนีการตามล่าของนายพลรอสมาจนถึง ริโอเดอจาเนโร บราซิ
การแปล กรุณารอสักครู่..
ผลลัพธ์ (ไทย) 2:[สำเนา]
คัดลอก!
โรเบิร์ตบรูซแบนเนอร์เกิดวันที่ 18 ธันวาคม 1969 เหลือแค่ชื่อว่าบรูซแบนเนอร์บรูซได้พบกับเบ็ตตี้รอสส์ คือมหาลัยสแตนเลย์ ทั้งคู่ก็มาเป็นอาจารย์สอนอยู่ในมหาวิทยาลัยคัลเวอร์ด้วยกันและที่มหาลัยแห่งนี้เอง ซึ่งเป็นอาจารย์มหาลัยเดียวกันซึ่งก็คือดร. เอริค Selvig (ฉากในเรื่อง ธ อร์ปี 2011 ดร. เซลวิค 2005 ในชื่อเต็ม ๆ ว่าโครงการเพิ่มประสิทธิภาพของกองทัพไบโอเทค แต่ความจริงแล้วทางกองทัพต้องการรื้อฟื้นโครงการเกิดใหม่ขึ้นมาใหม่นั่นเองโดยเอาขั้นตอนการทำงานของดร. เอิร์ลสกินในปี 1942 มาเป็นแนวทางให้ดร. บ รูซรวมถึงไครโอชิงค์ที่ฮาเวิร์ดสตาร์คผลิตมาให้ดร. บรูซศึกษาด้วย แต่ดร. บรูซซึ่งเชี่ยวชาญในการฉายรังสีแกมมาหรือรังสีแกมม่าเป็นพิเศษ ซึ่งทางกองทัพบอก แต่เพียงว่า โดยหัวหน้าโครงการทางทหารนี้ก็คือนายพลแธดเดียสรอสส์หรือนายพลรอส ดร. บรูซมีความเชื่อมั่นมาก จึงทำการทดสอบเบื้องต้นด้วยตนเอง (คิดอะไรอยู่เนี่ย?) เหลือเพียงดร. บรูซคนเดียวในห้องแล้วก็บรึ้ม .. ก่อนที่บรูซจะกลายร่างเป็นฮัล์คร่างกายของบรูซขยายใหญ่โตขึ้นกล้ามเนื้อเพิ่มขึ้นผิวกลายเป็นสีเขียว ยิงฟันแทงไม่เข้า (แต่ยังรู้สึกเจ็บอยู่นะ) ฮัล์คอาละวาดพังทุกอย่างในแลปฯ อย่างไรก็ตาม ก็เกิดขึ้นในช่วงสั้น ๆ เท่านั้น สลบและไปดร. บรูซแบนเนอร์เฝ้าอาการดร. เบ๊ตตี้รอส ก็รีบถามถึงดร. เบ๊ตตี้คนรัก เพื่อวิจัยร่างกายบรูซอย่างละเอียด และนำมาสร้างสุดยอดทหารเหนือมนุษย์ แต่บรูซปฏิเสธนายพลรอสไม่มีทางเลือกจึงสั่งทหหารจับกุมบรูซ แต่บรูซก็หลบหนีมาได้ บรูซพยายามจะหนีออกจากสหรัฐฯ เมื่อถึงชายแดนแคนนาดา ทหารมาเปิดรถพ่วงและพบบูซอยู่ภายใน นิคฟิวรี่ ก็เข้ามาพูดคุยกับบรูซแบบไม่เผยตัว และกลายเป็นอะไรไปหลังจากการทดลอง แต่บรูซซึ่งอยู่ในอารมณ์หดหู่ก็ปฎิเส ธ นิคไปนิคจึงถอยห่างออกมานิคยังไม่ลดละนิคจึงสั่งให้เจ้าหน้าที่ SHIELD แต่สิ่งที่นิคยังไม่รู้ก็คืออย่าทำให้บรูซโกรธ นิคพยายามปลอบฮัล์คสงบลง แต่ก็ไม่เป็นผลฮัล์คอาละวาดวิ่งทะลุบาร์ออกไป คือหัวเรื่อง: การหลบหนีนั่นเองจึงไม่มีใครเป็นอันตรายผ. อ. นิคฟิวรี่เรียกประชุมจนท. พิเศษระดับ 7 และระดับ 8 ของชิลด์ทันทีซึ่งงมีโคลสันในการประชุมนี้ด้วยนิคประกาศว่าดร . บรูซแบนเนอร์หลังจากกลายเป้นฮัล์คแล้วคือภัยอันตรายระดับสอง เขาไม่ต้องการทำให้ใครบาดเจ็บที่สำคัญ บรูซจึงตัดสินใจฆ่าตัวตายซะดีกว่าโดยการจะเอาปืนยิงกรอกปากตัวเองฉับพลันบรูชก็กลายเป็นฮัล์คและฮัล์คก็คายลูกกระสุนออกมาจากปาก ดร. บรูซในภาพยนตร์เรื่องเวนเจอร์ส 1 ริโอเดอจาเนโรบราซิ










































การแปล กรุณารอสักครู่..
ผลลัพธ์ (ไทย) 3:[สำเนา]
คัดลอก!
เหม็นเหม็นเหม็นเหม็นเหม็นเหม็นเหม็นเหม็นเหม็นเหม็นเหม็นเหม็นเหม็นเหม็นเหม็นเหม็นเหม็นเหม็นเหม็นเหม็นเหม็นเหม็นเหม็นเหม็นเหม็นเหม็นเหม็นเหม็นเหม็นเหม็นเหม็นเหม็นเหม็นเหม็นเหม็นเหม็น
การแปล กรุณารอสักครู่..
 
ภาษาอื่น ๆ
การสนับสนุนเครื่องมือแปลภาษา: กรีก, กันนาดา, กาลิเชียน, คลิงออน, คอร์สิกา, คาซัค, คาตาลัน, คินยารวันดา, คีร์กิซ, คุชราต, จอร์เจีย, จีน, จีนดั้งเดิม, ชวา, ชิเชวา, ซามัว, ซีบัวโน, ซุนดา, ซูลู, ญี่ปุ่น, ดัตช์, ตรวจหาภาษา, ตุรกี, ทมิฬ, ทาจิก, ทาทาร์, นอร์เวย์, บอสเนีย, บัลแกเรีย, บาสก์, ปัญจาป, ฝรั่งเศส, พาชตู, ฟริเชียน, ฟินแลนด์, ฟิลิปปินส์, ภาษาอินโดนีเซี, มองโกเลีย, มัลทีส, มาซีโดเนีย, มาราฐี, มาลากาซี, มาลายาลัม, มาเลย์, ม้ง, ยิดดิช, ยูเครน, รัสเซีย, ละติน, ลักเซมเบิร์ก, ลัตเวีย, ลาว, ลิทัวเนีย, สวาฮิลี, สวีเดน, สิงหล, สินธี, สเปน, สโลวัก, สโลวีเนีย, อังกฤษ, อัมฮาริก, อาร์เซอร์ไบจัน, อาร์เมเนีย, อาหรับ, อิกโบ, อิตาลี, อุยกูร์, อุสเบกิสถาน, อูรดู, ฮังการี, ฮัวซา, ฮาวาย, ฮินดี, ฮีบรู, เกลิกสกอต, เกาหลี, เขมร, เคิร์ด, เช็ก, เซอร์เบียน, เซโซโท, เดนมาร์ก, เตลูกู, เติร์กเมน, เนปาล, เบงกอล, เบลารุส, เปอร์เซีย, เมารี, เมียนมา (พม่า), เยอรมัน, เวลส์, เวียดนาม, เอสเปอแรนโต, เอสโทเนีย, เฮติครีโอล, แอฟริกา, แอลเบเนีย, โคซา, โครเอเชีย, โชนา, โซมาลี, โปรตุเกส, โปแลนด์, โยรูบา, โรมาเนีย, โอเดีย (โอริยา), ไทย, ไอซ์แลนด์, ไอร์แลนด์, การแปลภาษา.

Copyright ©2024 I Love Translation. All reserved.

E-mail: