The first glimpse often comes from

The first glimpse often comes from the road. Blurring past on the A303 thoroughfare that cuts heedlessly almost across the monument's very entrance, Stonehenge appears as a cluster of insignificant protrusions on the big, otherwise featureless plain; and yet, even from this profane and glancing vantage, the great-shouldered silhouette is so unmistakably prehistoric that the effect is momentarily of a time warp cracking onto a lost world.

Up close, amid the confusion of broken and standing stones, it still seems smaller than its reputation, notwithstanding the obvious feat represented by the erection of the famous sarsen stones; the largest weighs as much as 50 tons. Unique today, Stonehenge was probably also unique in its own time, some 4,500 years ago—a stone monument modeled on timber precedents. Indeed, its massive lintels are bound to their uprights by mortise-and-tenon joints taken straight from carpentry, an eloquent indication of just how radically new this hybrid monument must have been. It is this newness, this assured awareness that nothing like it had existed before, this revelatory quality, that is still palpable in its ruined stones. The people who built Stonehenge had discovered something hitherto unknown, hit upon some truth, turned a corner—there is no doubt that the purposefully placed stones are fraught with meaning.

But what in fact do they mean? Despite countless theories offered over centuries, no one knows. Stonehenge is the most famous relic of prehistory in Europe and one of the best known, most contemplated monuments in the world—and we have no clear idea what the people who built it actually used it for.

In the past, archaeologists sought to crack this enigma by wringing every fact they could from the stones themselves, subjecting their contours, marks, and even shadows to scrutiny. Recently, though, the search has led investigators farther afield, away from Stonehenge itself to the remains of a nearby Neolithic village on the one hand, and on the other to a craggy mountain peak in southwestern Wales. While no definitive answer has yet emerged, these two very different searches-in-progress have stirred tantalizing new possibilities.

STONEHENGE AROSE from a rich tradition of equally enigmatic structures. Henges—circular banks of earth paralleled by an internal ditch—earth barrows and mounds, circular timber structures, monoliths, and circles and horseshoes of stone were all common throughout Neolithic Britain and parts of continental Europe. (Strictly speaking, Stonehenge is not, as its name implies, a henge, because the position of its bank and ditch are reversed.) At different stages of its evolution Stonehenge reflected many of these traditions. The first certain structural stones of Stonehenge, the bluestones, which were floated, dragged, and hauled from Wales, most likely arrived sometime before 2500 B.C. The giant sarsens followed, filling out the monument, which was at some point linked by an avenue to the River Avon. Stonehenge, then, is the culmination of a dynamic evolution; the pre-stone earthworks thrown up in grassland probably embodied different beliefs than the later monument of stone that was resolutely connected to water.

Standing within the collapsed circles, it is not easy to make out the monument's original blueprint. Easier to imagine are the actions that lie behind it: the planning and engineering; the diplomacy required to negotiate transportation of stones through different territories; the logistical maneuvering to supply and equip a labor force; the ability to cajole, inspire, or compel able-bodied men to leave their animals, fields, and hunting grounds—in short, the many necessary human acts that we still recognize, although we know little about who these early Britons were, how they were organized, or what language they spoke.

We do know that some were farmers and pastoralists, and that they had long since begun the task of domesticating their landscape, making inroads into the ancient birch, pine, and hazel forests. Skeletal remains indicate that despite physically demanding lives, the people of Neolithic Britain were more lightly built than us. Their relative lack of dental decay suggests a diet low in carbohydrates, and although life expectancies are difficult to calculate, people seem, overall, to have enjoyed good health. Then as now, life held unexpected hazards. "Five to 6 percent of these populations showed massive blunt-force trauma to the crania," according to Michael Wysocki, a senior lecturer in forensic and investigative science at the University of Central Lancashire. "This was equally the case between male and female." Explanations for this trauma range from ritualized violence to the possibility that life of the era was simply brutal.

Recently, dramatic and wholly chance discoveries have provided biographical outlines of individual men. In 2002 archaeologists working on Boscombe Down, on the east side of the Avon, two

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

เหลือบแรกมักจะมาจากถนน เบลอภาพที่ผ่านมาบนหลวง A303 ที่ตัด heedlessly เกือบข้ามเข้ามากของอนุสาวรีย์ สโตนเฮนจ์ปรากฏเป็นกลุ่มของส่วนที่ยื่นออกไม่สำคัญบนราบขนาดใหญ่ หรือ featureless แต่ จากมุมนี้สวย และหยาบคาย เงารถดีไม่ให้อายยุคก่อนประวัติศาสตร์ว่า ผลที่ได้คือชั่วขณะของการ warp เวลาแตกบนโลกหายไปชิด ท่ามกลางความสับสนของแตกและหินยืน ยังคงดูเหมือนเล็กกว่าชื่อเสียง แม้จะมีความสำเร็จชัดเจนแสดง โดยแข็งตัวของหินที่มีชื่อเสียง sarsen ใหญ่ที่สุดมีน้ำหนัก ถึง 50 ตัน เฉพาะวันนี้ สโตนเฮนจ์ก็คงเอกลักษณ์ในตัวเองเวลา 4,500 ปีก่อน — อนุสาวรีย์หินจำลองในเซลล์ที่ถูกอ้างไม้ จริง ทับขนาดใหญ่ถูกผูกไว้กับเสาด้านของพวกเขา โดยรอยต่อร่อง และให้เลือกตามที่ถ่ายตรงจากงานไม้ การบ่งชี้ฝีปากรุนแรงเพียงวิธีใหม่ต้องมีอนุสาวรีย์นี้ไฮบริการ มันเป็นความใหม่นี้ นี้มั่นใจได้รับรู้ว่าไม่มีอะไรเหมือนมันก็มีอยู่ก่อน นี้คุณภาพ revelatory ที่ยังคงเห็นได้ชัดในหินมันเจ๊ง คนที่สร้างสโตนเฮนจ์ได้ค้นพบสิ่งที่ไม่รู้จักมาจนบัดนี้ ตีเมื่อความจริงบางอย่าง เปิดมุม — มีข้อสงสัยว่า ก้อนหินอยู่ทุกที่จะเต็มไป ด้วยความหมายแต่ในความเป็นจริงว่าอะไร แม้ มีทฤษฎีมากมายที่เสนอช่วงศตวรรษ ไม่มีใครรู้ สโตนเฮนจ์เป็นอนุสรณ์สถานระลึกของประวัติศาสตร์ในยุโรปและหนึ่งที่รู้จักกันดี เข้าใจมากที่สุดมีชื่อเสียงมากที่สุดในโลก — และเรามีความคิดชัดเจนว่าคนที่สร้างมันจริง ๆ ใช้มันสำหรับในอดีต นักโบราณคดีพยายามถอดรหัส enigma นี้ โดยบิดทุกข้อเท็จจริงที่จะทำจากหินตัวเอง เรื่องของรูปทรง เครื่องหมาย และแม้กระทั่งเงาให้คลุ้ง เมื่อเร็ว ๆ นี้ แม้ว่า การค้นหาได้นำนักวิจัยบ่งบอก ห่างจากสโตนเฮนจ์เองกับซากของหมู่บ้านใกล้เคียงผู้เชี่ยวชาญในด้านหนึ่ง และอื่น ๆ ไปยอดเขาขรุขระในเวลส์ตะวันตกเฉียงใต้ ในขณะที่ไม่มีคำตอบชัดเจนได้ยังโผล่ออกมา เหล่านี้สองแตกต่างกันมากการค้นหายู่มีกวนจนโอกาสใหม่สโตนเฮนจ์ที่เกิดขึ้นจากประเพณีของโครงสร้างที่ลึกลับอย่างเท่าเทียมกัน Henges — ธนาคารวงกลมของโลกขนาน โดยมีคูภายใน — โลก barrows และกอง โครงสร้างไม้วงกลม โร และวงกลม และเกือกหินมีทั้งหมดทั่วราชอาณาจักรในยุคหินใหม่และบางส่วนของทวีปยุโรป (อย่างเคร่งครัดพูด สโตนเฮนจ์ไม่ พลัง เฮ้นจ์ เนื่องจากตำแหน่งของธนาคารและคูจะกลับ) ในระยะต่าง ๆ ของวิวัฒนาการของ สโตนเฮนจ์สะท้อนประเพณีเหล่านี้มากมาย หินบางโครงสร้างของสโตนเฮนจ์ bluestones ซึ่งถูกลอย ลาก ลากจากเวลส์ มากที่สุดถึงบางครั้งก่อนคศ. 2500 Sarsens ยักษ์ตาม กรอกอนุสาวรีย์ ซึ่งในบางจุดที่เชื่อมโยง โดยถนนไปเอเวอร์ สโตนเฮนจ์ แล้ว เป็นสุดยอดของวิวัฒนาการแบบไดนามิก ดินหินก่อนโยนขึ้นในทุ่งหญ้าอาจจะรวบรวมความเชื่อแตกต่างกว่าใหม่กว่าอนุสาวรีย์หินสะท้อนต่อไปน้ำยืนอยู่ภายในวงกลมยุบ มันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะทำให้พิมพ์เขียวของอนุสาวรีย์เดิม ง่ายต่อการจินตนาการเป็นการดำเนินการที่อยู่เบื้องหลัง: การวางแผน และ วิศวกรรม ทูตต้องเจรจาขนหินผ่านดินแดนที่แตกต่างกัน หลบหลีกจิสติกส์การจัดหา และจัดให้แรงงาน ความสามารถในการ cajole การสร้างแรงบันดาลใจ หรือดันมือผู้ชายจะปล่อยให้สัตว์ของพวกเขา เขตข้อมูล และล่าสัตว์บริเวณ — ในระยะสั้น การจำนวนมากจำเป็นฝีมือมนุษย์ที่เรายังคงจดจำ แม้ว่าเรารู้น้อยเกี่ยวกับที่ นี้ช่วงดึกได้ วิธีพวกเขาจัด หรือภาษาที่พวกเขาพูดเรารู้ว่า บางเกษตรกรและ pastoralists และว่า พวกเขาได้นานตั้งแต่เริ่มงานของ domesticating ภูมิทัศน์ของพวกเขา ทำให้แผ่เป็นโบราณไม้เบิร์ช ไม้สน และป่าสีน้ำตาลแดง ซากศพระบุว่า แม้ มีร่างกายชีวิต ชาวบริเตนยุคหินใหม่ถูกสร้างขึ้นเบา ๆ กว่าเรา ฟันผุขาดญาติแนะนำอาหารที่มีคาร์โบไฮเดรตต่ำ และถึงแม้ว่า expectancies ชีวิตยากที่จะคำนวณ คนดูเหมือนว่า ทั้งหมด จะมีความสุขสุขภาพดี แล้ว เป็นตอนนี้ ชีวิตจัดขึ้นอันตรายที่ไม่คาดคิด "5-6 เปอร์เซ็นต์ของประชากรเหล่านี้แสดงให้เห็นว่าบาดเจ็บแรงทื่อมากไป crania ตามไมเคิล Wysocki วิทยากรอาวุโสในการสอบสวน และนิติวิทยาศาสตร์ที่ไทย "นี้ก็เท่าเทียมกันระหว่างชายและหญิง" คำอธิบายสำหรับช่วงนี้บาดเจ็บจากความรุนแรง ritualized เพื่อความเป็นไปได้ว่าชีวิตของยุคก็โหดร้ายเมื่อเร็ว ๆ นี้ การค้นพบที่น่าทึ่ง และหมดโอกาสได้ให้เค้าโครงชีวประวัติของแต่ละคน ใน 2002 นักโบราณคดีที่ทำการลง Boscombe ด้านตะวันออกของเอวอน สอง

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

เหลือบแรกมักจะมาจากถนน ทำให้เปรอะเปื้อนที่ผ่านมาในการสัญจร A303 ที่ตัดชุ่ยเกือบข้ามทางเข้ามากอนุสาวรีย์ของโตนเฮนจ์ปรากฏเป็นกลุ่มที่ยื่นออกมาไม่มีนัยสำคัญในขนาดใหญ่ธรรมดาจุดเด่นอย่างอื่น; และยังได้จากดูหมิ่นนี้และวินาศภัยเปรียบเงาที่ดีไหล่จึงเป็นแน่แท้ยุคก่อนประวัติศาสตร์ที่มีผลคือชั่วขณะของวิปริตเวลาแตกบนโลกที่หายไป.

ใกล้ชิดท่ามกลางความสับสนของหินหักและยืนอยู่ก็ยังดูเหมือนว่า มีขนาดเล็กกว่าชื่อเสียงของตนแม้จะมีความสำเร็จที่เห็นได้ชัดตัวแทนจากการแข็งตัวของหิน sarsen ที่มีชื่อเสียง; ที่ใหญ่ที่สุดมีน้ำหนักมากถึง 50 ตัน วันนี้ที่ไม่ซ้ำกันโตนเฮนจ์ก็อาจจะยังไม่ซ้ำกันในเวลาของตัวเองบาง 4,500 ปีที่ผ่านมา-อนุสาวรีย์หินจำลองในทำนองไม้ แท้จริงทับหลังขนาดใหญ่ของมันถูกผูกไว้กับเสาของพวกเขาโดยข้อต่อร่องและเดือยถ่ายตรงจากช่างไม้ที่บ่งบอกฝีปากเพียงวิธีใหม่นี้อย่างรุนแรงอนุสาวรีย์ไฮบริดจะต้องได้รับ มันเป็นความแปลกนี้นี้การรับรู้มั่นใจได้ว่าไม่มีอะไรเหมือนที่มันเคยมีอยู่ก่อนนี้คุณภาพเปิดหูเปิดตาที่ยังคงเห็นได้ชัดในหินซากของมัน คนที่สร้างโตนเฮนจ์ได้ค้นพบบางสิ่งบางอย่างที่ไม่รู้จักมาจนบัดนี้ตีเมื่อความจริงบางอย่างเปิดมุมมีข้อสงสัยว่าก้อนหินที่วางเด็ดเดี่ยวจะเต็มไปด้วยความหมายไม่มี.

แต่สิ่งที่ในความเป็นจริงที่พวกเขาหมายถึงอะไร? แม้จะมีทฤษฎีที่นำเสนอนับไม่ถ้วนตลอดหลายศตวรรษที่ไม่มีใครรู้ว่า โตนเฮนจ์เป็นที่ระลึกที่มีชื่อเสียงที่สุดของประวัติศาสตร์ในยุโรปและเป็นหนึ่งในที่รู้จักกันดีอนุเสาวรีย์ครุ่นคิดมากที่สุดในโลกและเรามีความคิดที่ไม่มีความชัดเจนว่าคนที่สร้างมันจริงใช้มันสำหรับ.

ในอดีตที่ผ่านมานักโบราณคดีพยายามที่จะแตกนี้ ปริศนาโดยการบิดความเป็นจริงทุกคนที่พวกเขาได้จากหินตัวเองของพวกเขาหนอนบ่อนไส้รูปทรงเครื่องหมายและแม้กระทั่งเงาตรวจสอบข้อเท็จจริง เมื่อเร็ว ๆ นี้นักวิจัยแม้ว่าการค้นหาได้นำไกลออกไปในทุ่งนาห่างจากโตนเฮนจ์ตัวเองไปยังซากของหมู่บ้านยุคใกล้เคียงบนมือข้างหนึ่งและที่อื่น ๆ ไปยังยอดเขาแหลมทางตะวันตกเฉียงใต้ของเวลส์ ในขณะที่ไม่มีคำตอบที่ชัดเจนยังโผล่ออกมาทั้งสองค้นหาความคืบหน้าในที่แตกต่างกันมากได้ขยับเป็นไปได้ใหม่ยั่วเย้า.

โตนเฮนจ์เกิดขึ้นจากประเพณีที่อุดมไปด้วยโครงสร้างลึกลับอย่างเท่าเทียมกัน ธนาคาร Henges วงกลมของแผ่นดินขนานโดยสุสานภายใน Ditch-แผ่นดินและกองโครงสร้างไม้วงกลมเสาหินและแวดวงและเกือกม้าของหินทุกคนร่วมกันตลอดยุคของสหราชอาณาจักรและบางส่วนของทวีปยุโรป (พูดอย่างเคร่งครัดโตนเฮนจ์ไม่ได้เป็นชื่อของมันหมายถึงเฮนจ์เพราะตำแหน่งของธนาคารและคูน้ำที่จะกลับ.) ในแต่ละขั้นตอนของวิวัฒนาการของมันโตนเฮนจ์สะท้อนให้เห็นหลายประเพณีเหล่านี้ ครั้งแรกที่ก้อนหินที่มีโครงสร้างบางอย่างของโตนเฮนจ์ bluestones ซึ่งถูกลอยลากและลากจากเวลส์ส่วนใหญ่มีแนวโน้มเข้ามาบางครั้งก่อน 2500 ก่อนคริสต์ศักราช sarsens ยักษ์ตามมากรอกอนุสาวรีย์ซึ่งในบางจุดที่เชื่อมโยงกันด้วยถนนไป แม่น้ำเอวอน สโตนเฮนนั้นเป็นสุดยอดของวิวัฒนาการแบบไดนามิก; กำแพงก่อนโยนหินขึ้นมาในทุ่งหญ้าอาจจะเป็นตัวเป็นตนความเชื่อที่แตกต่างจากอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิต่อมาของหินที่ถูกเชื่อมต่อเฉียบขาดไปในน้ำ.

ยืนอยู่ภายในวงกลมยุบมันไม่ได้เป็นเรื่องง่ายที่จะทำออกมาอนุสาวรีย์พิมพ์เขียวเดิม ง่ายที่จะจินตนาการได้มีการดำเนินการที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้: การวางแผนและวิศวกรรม การเจรจาต่อรองที่จำเป็นในการเจรจาต่อรองการขนส่งของหินผ่านดินแดนที่แตกต่างกัน หลบหลีกจิสติกส์ในการจัดหาและจัดให้มีผลบังคับใช้แรงงาน; ความสามารถในการหว่านล้อมให้แรงบันดาลใจหรือบังคับให้ชายฉกรรจ์ที่จะออกจากสัตว์ทุ่งนาและการล่าสัตว์ของพวกเขาบริเวณในระยะสั้นที่มนุษย์จำเป็นจำนวนมากทำหน้าที่ที่เรายังคงรับรู้ถึงแม้ว่าเรารู้เล็ก ๆ น้อย ๆ เกี่ยวกับการที่เหล่านี้ในช่วงต้นของอังกฤษเป็นวิธีที่พวกเขา ถูกจัดหรือสิ่งที่พวกเขาพูดภาษา.

เราจะรู้ว่าบางคนเกษตรกรและปศุสัตว์และพวกเขาก็เริ่มยาวตั้งแต่งานของการ domesticating ภูมิทัศน์ของพวกเขาทำให้การรุกล้ำเข้าไปในเบิร์ช, ป่าสนและสีน้ำตาลแดงโบราณ ซากโครงกระดูกแสดงให้เห็นว่าแม้จะมีความต้องการทางร่างกายชีวิตของผู้คนในยุคของสหราชอาณาจักรที่ถูกสร้างขึ้นกว่าเรามากขึ้นเบา ๆ ไม่มีญาติของพวกเขาแสดงให้เห็นฟันผุอาหารคาร์โบไฮเดรตต่ำและแม้ว่าอายุขัยเป็นเรื่องยากในการคำนวณคนดูเหมือนโดยรวมจะมีความสุขมีสุขภาพที่ดี จากนั้นเป็นตอนนี้ชีวิตจัดขึ้นอันตรายที่ไม่คาดคิด "ห้าถึงร้อยละ 6 ของประชากรเหล่านี้แสดงให้เห็นว่าการบาดเจ็บทื่อแรงมากในกะโหลก" ตามที่ไมเคิล Wysocki เป็นวิทยากรอาวุโสในทางนิติวิทยาศาสตร์และสืบสวนที่ University of Central Lancashire "นี่เป็นอย่างเท่าเทียมกันกรณีระหว่างเพศชายและเพศหญิง." คำอธิบายสำหรับช่วงนี้การบาดเจ็บจากความรุนแรง ritualized ความเป็นไปได้ว่าชีวิตของยุคโหดร้ายเพียง.

เมื่อเร็ว ๆ นี้อย่างมากและการค้นพบทั้งหมดมีโอกาสได้ให้เค้าโครงชีวประวัติของแต่ละคน ในปี 2002 นักโบราณคดีที่ทำงานเกี่ยวกับ Boscombe ลงบนฝั่งตะวันออกของเอวอนสอง

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

แวบแรกมักจะมาจากถนน เบลอภาพอดีตใน a303 ทางสัญจรที่ตัดพล่อย ๆเกือบทั่วมากของอนุสาวรีย์ทางเข้าสโตนเฮนจ์ปรากฏเป็นกระจุกน้อยๆ protrusions บนใหญ่ อย่างอื่นซึ่งไม่น่าสนใจธรรมดา และยังแม้จาก Vantage หยาบคายและผาดนี้ ใหญ่ ไหล่เงาจึงติดหูติดตายุคก่อนประวัติศาสตร์ที่ผลเป็นชั่วขณะของเวลาบิดแตกลง โลกที่หายไปใกล้ๆ ท่ามกลางความสับสนของแตก และมีหิน ก็ยังดูเหมือนว่ามีขนาดเล็กกว่าชื่อเสียงของมัน , แต่ชัดเจน Feat แสดงโดยการติดตั้งหิน sarsen มีชื่อเสียง ใหญ่ที่สุด หนักตันมากที่สุดเท่าที่ 50 เฉพาะวันนี้ สโตนเฮนจ์คงยังเป็นเอกลักษณ์ในเวลาของมันเอง บาง 4 , 500 ปี ago-a หินอนุสาวรีย์จำลองบนไม้ตัวอย่าง . แท้จริงทับหลังขนาดใหญ่ของมันถูกผูกไว้เพื่อ uprights ของร่องและข้อต่อเดือยถ่ายตรงจากงานไม้ มีวาทศิลป์ ระบุเพียงว่าทรงใหม่อนุสาวรีย์นี้ไฮบริด ต้องมี มันเป็นตามนี้ มั่นใจ การตระหนักว่า ไม่มีอะไรเหมือนมันเคยมีอยู่ก่อนนี้คุณภาพซึ่งเผยให้เห็นสิ่งที่ไม่รู้มาก่อน นั่นคือยังคงเห็นได้ชัดในการทำลายหิน คนที่สร้างสโตนเฮนจ์ได้ค้นพบอะไรบางอย่างจนบัดนี้ไม่ทราบตีเมื่อความจริงบางอย่าง เปิดมุม ไม่ต้องสงสัยเลยว่า ตั้งใจวางหินจะเต็มไปด้วยความหมายแต่ในความเป็นจริงพวกเขาหมายถึง ? แม้จะมีทฤษฎีที่เสนอผ่านนับไม่ถ้วนศตวรรษ ไม่มีใครรู้ สโตนเฮนจ์เป็นพระธาตุที่มีชื่อเสียงที่สุดของประวัติศาสตร์ในยุโรปและเป็นหนึ่งในที่ดีที่สุดที่รู้จักกันมากที่สุดพิจารณาอนุสาวรีย์ในโลกและเราไม่มีความคิดที่ชัดเจนว่าคนที่สร้างมันใช้จริงได้ในอดีต นักโบราณคดีพยายามที่จะถอดรหัสปริศนานี้โดยวิธีดึงทุกข้อเท็จจริงที่ได้จากหินตัวเอง , subjecting เส้น , เครื่องหมาย , และแม้แต่เงา เพื่อตรวจสอบอย่างละเอียด เมื่อเร็ว ๆนี้ , แม้ , ค้นหาได้นำพนักงานสอบสวนไกลออกไป , ห่างจากสโตนเฮนจ์ตัวเองไปยังซากของหมู่บ้านใกล้เคียงสมัยหินใหม่ในมือข้างหนึ่ง และอีกด้านหนึ่งเป็นยอดภูเขาหินในทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของเวลส์ . ในขณะที่ไม่มีคําตอบที่ชัดเจนก็ยังชุมนุม สองคนนี้แตกต่างกันมากค้นหาในความคืบหน้าได้กวนยั่วเย้าความเป็นไปได้ใหม่การเกิดขึ้นจากประเพณีรวยโครงสร้างลึกลับพอๆ กัน henges ธนาคารวงกลมของโลกได้ โดยภายในหลุมดินรดน้ำพรวนดินและกองวงกลม , ไม้โครงสร้างระนาบ และวงกลมและเกือกม้าของหินเป็นทั้งหมดทั่วไปตลอดยุคอังกฤษ และบางส่วนของทวีปยุโรปด้วย ( พูดอังกฤษไม่ได้ เป็นชื่อ implies , เฮนจ์ เพราะตำแหน่งของธนาคารและคูจะกลับ ) ในแต่ละขั้นตอนของการวิวัฒนาการของมันสะท้อนให้เห็นมากของประเพณีเหล่านี้ ครั้งแรกที่บางโครงสร้างหินสโตนเฮนจ์ , bluestones ซึ่งกำลังลอย ลาก และลากจากเวลส์ น่าจะมาถึงก่อน 2 , 500 B.C . ที่ sarsens ยักษ์ตามกรอกอนุสาวรีย์ ซึ่งเป็นจุดที่เชื่อมโยงโดย avenue กับแม่น้ำเอวอน . สโตนเฮนจ์ นั้น เป็นสุดยอดของการวิวัฒนาการแบบไดนามิก ก่อนโยนหินกำแพงขึ้นในทุ่งหญ้าอาจถึงความเชื่อที่แตกต่างกันกว่าในภายหลัง อนุสาวรีย์หินที่เด็ดเดี่ยว เชื่อม ต่อ กับ น้ำยืนอยู่ภายในวงกลมล้มลง มันไม่ง่ายที่จะทำให้ออกอนุสาวรีย์ของพิมพ์เขียวเดิม ง่ายต่อการจินตนาการการกระทำที่อยู่เบื้องหลังมัน : การวางแผนและวิศวกรรม การทูตต้องเจรจาการขนส่งหินผ่านดินแดนที่แตกต่างกัน ; maneuvering จิสติกส์จัดหาและจัดให้แรงงาน ; ความสามารถที่จะโน้มน้าว , สร้างแรงบันดาลใจ , หรือบังคับให้ฉกรรจ์คนออกจากสัตว์ ไร่นา และสนามล่าในสั้น หลายมนุษย์กระทำที่เราจำเป็นจำ แต่เรารู้เพียงเล็กน้อยเกี่ยวกับที่อังกฤษก่อน เหล่านี้เป็นวิธีที่พวกเขามีการจัด หรือภาษาอะไรก็พูดได้เรารู้ว่าบางส่วนของเกษตรกรและ pastoralists , และว่าพวกเขามีความยาวตั้งแต่เริ่มงานของ domesticating ภูมิทัศน์ของพวกเขา inroads ในโบราณเบิร์ช , สน , และเฮเซลป่า โครงกระดูกยังคงพบว่าแม้ร่างกายเรียกร้องชีวิตผู้คนสมัยหินใหม่สหราชอาณาจักรมากขึ้นเบา ๆสร้างไปกว่าเรา การขาดญาติของฟันผุแนะนำอาหารต่ำในคาร์โบไฮเดรต และถึงแม้ว่า expectancies ชีวิตยากที่จะคำนวณ คนดูโดยรวมแล้ว มีความสุข สุขภาพแข็งแรง แล้วตอนนี้ชีวิตจัดอันตรายที่ไม่คาดคิด . 5 ถึง 6 เปอร์เซ็นต์ของประชากรเหล่านี้มีขนาดใหญ่บาดแผลที่คราเนีย " ตามไมเคิลวายซ คี เป็นรุ่นพี่อาจารย์นิติศาสตร์สืบสวนที่มหาวิทยาลัยเซ็นทรัลแลนคาเชียร์ " กรณีนี้อย่างเท่าเทียมกันระหว่างชายและหญิง . " คำอธิบายนี้บาดเจ็บช่วงจาก ritualized ความรุนแรงที่จะเป็นไปได้ว่าชีวิตของยุคก็โหดร้ายเมื่อเร็วๆ นี้ เร้าใจ และทั้งหมดโอกาสค้นพบมีชีวประวัติสรุปของมนุษย์แต่ละคน ในปี 2002 นักโบราณคดีทำงาน boscombe ลงบนฝั่งตะวันออกของเอวอน สอง