Imam Yahya hamid ed-Din al-Mutawakk

Imam Yahya hamid ed-Din al-Mutawakkil was ruling the northern highlands independently from 1911. After the Ottoman departure in 1918 he sought to recapture the lands of his Qasimid ancestors. He dreamed of Greater Yemen stretching from Asir to Dhofar. These schemes brought him into conflict with the de facto rulers in the territories claimed, namely the Idrsids, Ibn Saud and the British government in Aden.[195] The Zaydi imam did not recognize the Anglo-Ottoman border agreement of 1905 on the grounds that it was made between two foreign powers occupying Yemen.[196] The border treaty effectively divided Yemen into "north" and "south."[197] In 1915 the British signed a treaty with the Idrsids guaranteeing their security and independence if they would fight against the Turks.[198] In 1919, Imam Yahya hamid ed-Din moved southward to liberate the nine British protectorates. The British responded by moving quickly towards Tihama and occupying al-Hudaydah. Then they handed it over to their Idrisi allies.[199] Imam Yahya attacked the southern protectorates again in 1922. The British bombed Yahya's tribal forces using aircraft to which the tribes had no effective counter.[200]

In 1925, Imam Yahya captured al-Hudaydah from the Idrsids.[201] He continued to follow and attack the Idrsids until Asir fell under the control of the Imam's forces, forcing the Idrisi to request an agreement that would enable them to administer the region in the name of the Imam.[201] Imam Yahya refused the offer on the grounds that the Idrisis were of a Moroccan decent. According to Imam Yahya, the Idrisis, along with the British, were nothing but recent intruders and ought to be driven out of Yemen permanently.[202] In 1927, Imam Yahya's forces were 50 kilometers away from Aden, Taiz and Ibb were bombed by the British for five days and the Imam had to pull back.[200] Small Bedouin forces mainly from the Madh'hij confederation of Marib, attacked Shabwah but were bombed by the British and had to retreat.


British colony of Aden: Queen Elizabeth II stamp, 1953
The Italian Empire was the first to recognize Imam Yahya as the King of Yemen in 1926. This created a great deal of anxiety for the British, who interpreted it as recognition of Imam Yahya's claim to sovereignty over Greater Yemen which included the Aden protectorate and Asir.[203] The idrisis turned to Ibn Saud seeking his protection from Yahya hamid ed-Din.However, in 1932, the Idrisis broke their accord with Ibn Saud and went back to Imam Yahya seeking help against Ibn Saud himself, who had begun liquidating their authority and express his desire to annex those territories into his own Saudi domain.[204][205] Imam Yahya demanded the return of all Idrisi dominion.[204] That same year, a group of Hejazi liberals fled to Yemen and plotted to expel Ibn Saud from the former Hashemite Kingdom of Hejaz which was conquered by the Saudis seven years earlier. Ibn Saud appealed to Britain for aid.[206] The British government sent arms and aeroplanes .[206] The British were anxious that Ibn Saud's financial difficulties may encourage the Italian Empire to bail him out.[204] Ibn Saud suppressed the Asiri rebellion in 1933, after which the Idrsids fled to Sana'a.[206] Negotiations between the Imam Yahya Hamid ed-Din and Ibn Saud proved fruitless. After a military confrontation, Ibn Saud announced a ceasefire in May 1934.[206] Imam Yahya agreed to release Saudi hostages and the surrender of the Idrisis to Saudi custody. Imam Yahya ceded the three provinces of Najran, Asir and Jazan for 20 years.[207] and signed another treaty with the British government in 1934. The Imam recognized the British sovereignty over Aden protectorate for 40 years.[208] Out of fear for Hudaydah, Yahya did submit to these demands. According to Bernard Reich, Professor of Political Science and International Affairs at George Washington University, Yahya could have done better by reorganizing the Zaydi tribes of the northern highlands as his ancestors did against the Turks and British intruders and turn the lands they captured into another graveyard.[209]

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

Imam Yahya กร่างดิน ed al-Mutawakkil ถูกหุไฮแลนด์เหนืออิสระจาก 1911 หลังจากเดินทางออตโตมันใน 1918 เขาพยายามที่จะเรียกคืนดินแดนของบรรพบุรุษของเขา Qasimid เขาฝันของเยเมนมากยืดจาก Asir ไป Dhofar แผนงานเหล่านี้นำเขาไปขัดแย้งกับผู้ปกครองเดิมในดินแดนอ้าง ได้แก่การ Idrsids สะ อูดบิน และรัฐบาลอังกฤษในเอเดน อิมามเดอะ Zaydi [195] ไม่รู้จักข้อตกลงชายแดนอังกฤษออตโตมันของ 1905 ใน grounds ที่ทำระหว่างสองอำนาจต่างมีชาวเยเมน [196] สนธิสัญญาชายแดนได้อย่างมีประสิทธิภาพแบ่งเยเมน "เหนือ" และ "ใต้" 1915 [197] ในอังกฤษเซ็นสนธิสัญญากับ Idrsids รับประกันความปลอดภัยและความเป็นอิสระของพวกเขาหากพวกเขาจะต่อสู้ให้พวกเติร์ก [198] ใน 1919, ed Imam Yahya กร่างดินย้าย southward ปลด protectorates อังกฤษ 9 อังกฤษตอบสนอง โดยการย้ายอย่างรวดเร็วต่อ Tihama และมีอัล-Hudaydah แล้ว จะมอบมันให้พันธมิตร Idrisi [199] imam Yahya โจมตี protectorates ภาคใต้อีกครั้งในค.ศ. 1922 อังกฤษ bombed Yahya ของกองกำลังชาวที่ใช้เครื่องบินที่ชนเผ่ามีเคาน์เตอร์ไม่มีประสิทธิภาพ [200]ใน 1925, Imam Yahya จับอัล-Hudaydah จาก Idrsids เขา [201] อย่างต่อเนื่อง และโจมตี Idrsids จน Asir ตกภายใต้การควบคุมของกองทัพของอิมาม บังคับ Idrisi เพื่อขอข้อตกลงที่จะใช้ในการจัดการพื้นที่ในอิมาม [201] imam Yahya ปฏิเสธข้อเสนอใน grounds ที่ Idrisis อยู่ที่นั่งที่ดี ตาม Imam Yahya, Idrisis กับอังกฤษ มีแต่ผู้บุกรุกล่าสุด และควรจะถูกผลักดันจากเยเมนอย่างถาวร [202] ใน 1927 กอง Imam Yahya ได้ 50 กิโลเมตรเอเดน Taiz และมินสก์มี bombed โดยอังกฤษห้าวัน และอิมามมีร่น [200] วอินเล็กส่วนใหญ่จากสมาพันธ์ Madh'hij Marib โจมตี Shabwah แต่มี bombed โดยชาวอังกฤษ และได้ถอยอาณานิคมอังกฤษของเอเดน: ตราควีนเอลิซาเบธ II, 1953จักรวรรดิอาณานิคมอิตาลีคนแรกรู้จัก Imam Yahya เป็นกษัตริย์เยเมนใน 1926 นี้สร้างความวิตกกังวลในอังกฤษ ผู้แปลเป็นการรับรู้ของ Imam Yahya ณามากกว่าเยเมนซึ่งอยู่ในอารักขาของเอเดนและ Asir มาก [203] idrisis ที่เปิดบินสะอูดไม่ป้องกันจาก Yahya กร่าง ed-Din.However ในปี 1932, Idrisis ยากจนของตนสอดคล้องกับสะอูดบินกลับไป Imam Yahya กำลังช่วยกับสะอูดบินเอง ที่เริ่ม liquidating อำนาจของพวกเขา และแสดงความปรารถนาของเขาต่อท้ายดินแดนเหล่านั้นในโดเมนซาอุเขาเอง [204] [205] imam Yahya แค่ส่งคืนทั้งหมด Idrisi ไอศวรรย์ [204] ในปีเดียวกัน กลุ่มของ Hejazi แห่งหนีไปเยเมน และพล็อตออกสะอูดบินจากอดีต Hashemite อาณาจักรของ Hejaz ซึ่งถูกเอาชนะ โดยที่ Saudis เจ็ดปีก่อนหน้านี้ สะอูดบินอุทธรณ์ราชอาณาจักรช่วย [206] อังกฤษรัฐบาลส่งแขนและ aeroplanes [206] อังกฤษได้กังวลว่า ปัญหาทางการเงินบินสะอูดสนับสนุนจักรวรรดิอาณานิคมอิตาลีการประกันเขาออก สะอูดบิน [204] ถูกระงับกบฏ Asiri ในปี 1933 หลังจาก Idrsids หนีไปซานา [206] เจรจาระหว่าง Imam Yahya กร่าง ed-ดินและสะอูดบินพิสูจน์ fruitless หลังจากการเผชิญหน้าทางทหาร สะอูดบินประกาศหยิงใน 1934 พฤษภาคม [206] imam Yahya ตกลงปล่อยควบคุมซาอุและการยอมจำนนของ Idrisis การปกครองซาอุ Imam Yahya รับประกันภัยสามจังหวัดของ Najran, Asir และ Jazan 20 ปี [207] ลงนามสนธิสัญญาอื่นกับรัฐบาลอังกฤษใน 1934 อิมามรับรู้อำนาจอธิปไตยอังกฤษเหนือรัฐในอารักขาของเอเดนปี 40 ออก [208] ความกลัวสำหรับ Hudaydah, Yahya ได้ส่งไปตาม ตาม Bernard Reich ศาสตราจารย์รัฐศาสตร์ และ กิจการนานาชาติที่มหาวิทยาลัยจอร์จวอชิงตัน Yahya อาจได้กระทำดีตามระเบียบเผ่า Zaydi ของไฮแลนด์เหนือเป็นบรรพบุรุษของเขาได้รุกเติร์กและอังกฤษ และเปิดดินแดนที่พวกเขาจับเป็นสุสานอีก [209]

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

อิหม่ามยะห์ยา hamid เอ็ดดินอัล Mutawakkil ถูกปกครองที่ราบสูงทางตอนเหนือเป็นอิสระจาก 1911 หลังจากที่ออกเดินทางออตโตมันในปี 1918 เขาพยายามที่จะเอาคืนดินแดนของบรรพบุรุษของเขา Qasimid เขาฝันของมหานครเยเมนยืดออกจาก Asir เพื่อ Dhofar รูปแบบเหล่านี้นำเขาไปสู่ความขัดแย้งกับผู้ปกครอง de facto ในดินแดนที่อ้างว่าคือ Idrsids อิบันซูดและรัฐบาลอังกฤษในเอเดน. [195] อิหม่าม Zaydi ไม่รู้จักข้อตกลงชายแดนแองโกลออตโตมันของปี 1905 ในบริเวณที่ มันถูกสร้างขึ้นระหว่างสองประเทศมหาอำนาจครอบครองเยเมน. [196] สนธิสัญญาชายแดนแบ่งออกได้อย่างมีประสิทธิภาพเยเมนลงใน "เหนือ" และ "ภาคใต้." [197] ในปี 1915 อังกฤษได้ลงนามในสนธิสัญญากับ Idrsids รับประกันการรักษาความปลอดภัยและความเป็นอิสระของพวกเขาหากพวกเขาจะต่อสู้ กับพวกเติร์ก. [198] ในปี 1919 อิหม่ามยะห์ยา hamid เอ็ดดินย้ายไปทางทิศใต้เพื่อปลดปล่อยเก้าในอารักขาของอังกฤษ อังกฤษตอบโต้ด้วยการเคลื่อนย้ายได้อย่างรวดเร็วและต่อ Tihama ครอบครองอัล Hudaydah แล้วพวกเขาก็ส่งมันไปยังพันธมิตรของพวกเขา Idrisi. [199] อิหม่ามยะห์ยาโจมตีอารักขาภาคใต้อีกครั้งในปี 1922 อังกฤษระเบิดกองกำลังของชนเผ่ายะห์ยาโดยใช้เครื่องบินที่ชนเผ่าไม่มีประสิทธิภาพเคาน์เตอร์. [200] ในปี 1925 อิหม่ามยะห์ยาอัลจับ -Hudaydah จาก Idrsids. [201] เขายังคงที่จะปฏิบัติตามและการโจมตี Idrsids จนกว่า Asir ตกอยู่ภายใต้การควบคุมของกองกำลังของอิหม่ามบังคับ Idrisi เพื่อขอข้อตกลงที่จะช่วยให้พวกเขาที่จะจัดการกับภูมิภาคในชื่อของอิหม่าม [201] อิหม่ามยะห์ยาปฏิเสธข้อเสนอในบริเวณที่มีความ Idrisis โมร็อกโกดี ตามอิหม่ามยะห์ยา, Idrisis พร้อมกับอังกฤษไม่ได้เป็นอะไร แต่ผู้บุกรุกที่ผ่านมาและควรจะขับออกจากเยเมนอย่างถาวร. [202] ในปี 1927 กองกำลังอิหม่ามยะห์ยาของ 50 กิโลเมตรห่างจากเอเดน Taiz และ Ibb ถูกระเบิด อังกฤษเป็นเวลาห้าวันและอิหม่ามต้องดึงกลับมา [200] กองกำลังชาวเบดูอินขนาดเล็กส่วนใหญ่มาจากสมาพันธ์ Madh'hij ของ Marib โจมตี Shabwah แต่ถูกระเบิดจากอังกฤษและต้องล่าถอย.. อาณานิคมของอังกฤษเอเดน: Queen Elizabeth II แสตมป์ 1953 อิตาลีเอ็มไพร์เป็นครั้งแรกที่จะรับรู้อิหม่ามยะห์ยาเป็นพระมหากษัตริย์ของเยเมนในปี 1926 นี้สร้างการจัดการที่ดีของความวิตกกังวลสำหรับอังกฤษที่ตีความว่าเป็นข้อเรียกร้องการรับรู้ของอิหม่ามยะห์ยาเพื่ออธิปไตยเหนือมหานครเยเมนซึ่งรวมถึงเอเดน อารักขาและ Asir. [203] idrisis หันไปอิบันซูดที่กำลังมองหาการป้องกันของเขาจาก Yahya hamid เอ็ด-Din.However ในปี 1932 สอดคล้อง Idrisis ยากจนของพวกเขากับอิบันซูดและเดินกลับไปที่อิหม่ามยะห์ยาขอความช่วยเหลือกับอิบันซูดเองที่ ได้เริ่มชำระบัญชีผู้มีอำนาจและแสดงความปรารถนาของเขาที่พวกเขายึดครองดินแดนที่เป็นประเทศซาอุดิโดเมนของตัวเอง. [204] [205] อิหม่ามยะห์ยาเรียกร้องการกลับมาของอำนาจทั้งหมด Idrisi. [204] ในปีเดียวกันนั้นกลุ่มเสรีนิยม Hejazi หนีไปเยเมน และวางแผนที่จะขับไล่ซูดอิบันจากอดีตราชอาณาจักรฮัชไมต์จ๊าซซึ่งเอาชนะซาอุดิอาระเบียเจ็ดปีก่อน อิบันซูดยื่นอุทธรณ์ไปยังสหราชอาณาจักรสำหรับความช่วยเหลือ. [206] รัฐบาลอังกฤษส่งอาวุธและเครื่องบิน. [206] อังกฤษกำลังกังวลว่าปัญหาทางการเงินอิบันซูดอาจส่งเสริมให้จักรวรรดิอิตาลีที่จะประกันตัวเขาออก. [204] อิบันซูดปราบปรามจลาจล Asiri ในปี 1933 หลังจากที่หนีไป Idrsids เสนา. [206] การเจรจาระหว่างอิหม่ามยะห์ยาฮามิดเอ็ดดินและอิบันซูดได้รับการพิสูจน์ไร้ผล หลังจากการเผชิญหน้าทางทหารซูดอิบันประกาศหยุดยิงในเดือนพฤษภาคม 1934 [206] อิหม่ามยะห์ยาตกลงที่จะปล่อยตัวประกันซาอุดีอาระเบียและยอมจำนนของ Idrisis การดูแลซาอุดีอาระเบีย อิหม่ามยะห์ยายกสามจังหวัดของ Najran, Asir และ Jazan 20 ปี. [207] และลงนามในสนธิสัญญากับรัฐบาลอังกฤษอีกในปี 1934 ได้รับการยอมรับอิหม่ามอธิปไตยอังกฤษอารักขาเอเดน 40 ปี. [208] ออกจากความกลัว Hudaydah ยาห์ยาไม่ส่งไปยังความต้องการเหล่านี้ ตามเบอร์นาร์ดรีคศาสตราจารย์รัฐศาสตร์และกิจการระหว่างประเทศที่มหาวิทยาลัยจอร์จวอชิงตัน, Yahya จะทำได้ดีกว่าโดยการจัดระเบียบเผ่า Zaydi ของที่ราบสูงทางตอนเหนือเป็นบรรพบุรุษของพวกเขาทำกับพวกเติร์กและผู้บุกรุกอังกฤษและเปิดดินแดนที่พวกเขาถูกจับเข้าไปในสุสานอีก . [209]

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

อิหม่าม Yahya ฮามิดเอ็ดดินล มุตะวักกิลถูกปกครองภาคเหนือโดยอิสระจาก 1911 หลังจากการเดินทางในตุรกี 1918 เขาพยายามที่จะยึดดินแดนของบรรพบุรุษ qasimid ของเขา เขาฝันถึงมากขึ้นเยเมนยืดจาก asir เพื่อ pakistan . kgm . แผนการเหล่านี้ทำให้เขาขัดแย้งกับพฤตินัยผู้ปกครองในดินแดน idrsids อ้างว่า คือ ,บนุ ซาอุด และรัฐบาลอังกฤษในเอเดน [ 195 ] zaydi อิหม่ามไม่ได้รับรู้ข้อตกลงชายแดนอังกฤษตุรกี 1905 ในบริเวณที่มันถูกสร้างขึ้นระหว่างสองมหาอำนาจต่างชาติครอบครองเยเมน [ 196 ] ชายแดนสนธิสัญญามีประสิทธิภาพแบ่งเยเมนเป็น " เหนือ " และ " ใต้" [ 197 ] ใน พ.ศ. 2458 อังกฤษเซ็นสัญญากับ idrsids รับประกันความมั่นคงและความเป็นอิสระของพวกเขาหากพวกเขาจะต่อสู้กับเติร์ก [ 198 ] 1919 อิหม่าม Yahya ฮามิดเอ็ดดินย้ายไปทางใต้เพื่อปลดปล่อยเก้าอังกฤษรัฐในอารักขา . อังกฤษตอบโต้โดยการย้ายอย่างรวดเร็วและต่อ tihama ครอบครอง yemen . kgm . แล้วจะส่งไปให้กับพันธมิตร idrisi ของพวกเขา[ 199 ] อิหม่าม Yahya โจมตีรัฐในอารักขาภาคใต้อีกครั้งใน ค.ศ. 1922 . อังกฤษทิ้งระเบิด Yahya เป็นเผ่าซึ่งใช้อากาศยานกองกำลังชนเผ่าไม่มีประสิทธิภาพเคาน์เตอร์ [ 200 ]

1925 อิหม่าม Yahya จับ yemen . kgm จาก idrsids [ 201 ] เขายังคงติดตาม และโจมตี idrsids จนกว่า asir ตกอยู่ภายใต้ การควบคุมของอิหม่ามกำลังบังคับ idrisi ขอข้อตกลงที่จะช่วยให้พวกเขาจัดการภูมิภาคในชื่อของอิหม่าม [ 201 ] อิหม่าม Yahya ปฏิเสธข้อเสนอในพื้นที่ที่เป็น idrisis โมร็อกโกที่เหมาะสม ตามอิหม่าม Yahya , idrisis พร้อมกับอังกฤษ ไม่มีอะไร แต่ล่าสุด ผู้บุกรุก และควรจะถูกขับออกจากเยเมนอย่างถาวร [ 202 ] ในปีอิหม่าม Yahya กำลังพล 50 กิโลเมตรห่างจากเมือง Taiz Ibb , และถูกวางระเบิด โดยอังกฤษ เป็นเวลา 5 วัน และ อิหม่าม ต้องดึงกลับมา [ 200 ] ขนาดเล็ก เบดูอิน กองกำลังส่วนใหญ่จาก madh'hij สมาพันธ์มะริบโจมตีชับวะห์ แต่ถูกวางระเบิด โดยอังกฤษ และต้องถอย


อังกฤษอาณานิคมของเดน แสตมป์ : Queen Elizabeth II , 1953
อาณาจักรอิตาลีเป็นแรกที่รู้จักอิหม่าม Yahya เป็นกษัตริย์ของเยเมนใน 1926 . นี้ได้สร้างการจัดการที่ดีของความกังวลให้กับอังกฤษ ซึ่งเกิดความรับรู้ของอิหม่าม Yahya เป็นอ้างอธิปไตยเหนือมากขึ้น เยเมน ซึ่งรวมรวมและอาหาร asir [ 203 ] idrisis หันไปแสวงหาการคุ้มครองจาก Yahya อิบนุซาอุด ฮามิด ed-din.however ใน 2475การ idrisis ทำลายข้อตกลงของเขากับ ibn Saud และ กลับ ไปขอความช่วยเหลือกับอิหม่าม Yahya อิบนุซาอุด ตัวเองได้เริ่มแก้ไขอำนาจของพวกเขาและแสดงความปรารถนาของเขาที่จะผนวกดินแดนเหล่านั้นให้เป็นโดเมนประเทศของเขาเอง [ 204 ] [ 205 ] อิหม่าม Yahya เรียกร้องการกลับมาของ idrisi การปกครอง [ 204 ] ในปีเดียวกันนั้น ,กลุ่ม hejazi Liberals หลบหนีไปยังเยเมน และวางแผนที่จะขับไล่ ibn Saud จากอดีตราชอาณาจักรฮัชไมต์จ๊าซซึ่งถูกเอาชนะโดยซาอุฯเจ็ดปีก่อนหน้านี้ บนุ ซาอุด ได้เรียกร้องให้อังกฤษเพื่อช่วยเหลือ [ 206 ] รัฐบาลอังกฤษส่งอาวุธและเครื่องบิน [ 206 ] อังกฤษกำลังวิตกว่า อิบนุซาอุด ปัญหาทางการเงินอาจจะให้อาณาจักรอิตาลีเพื่อประกันตัวเขาออกมา[ 204 ] บนโอกาสจะ asiri การจลาจล 1933 หลังจากที่ idrsids หนีไป sana'a. [ 206 ] การเจรจาระหว่างอิหม่าม Yahya ฮามิดเอ็ดดินและบนโอกาสพิสูจน์ไร้ประโยชน์ หลังจากการเผชิญหน้าทางทหาร บนุ ซาอุด ประกาศหยุดยิงในเดือนพฤษภาคม 1934 [ 206 ] อิหม่าม Yahya ตกลงที่จะปล่อยประเทศตัวประกันและการยอมจำนนของ idrisis ซาอุฯ แล้วอิหม่าม Yahya ยกให้สามจังหวัดของ Najran asir jazan , และ 20 ปี [ 207 ] และลงนามในสนธิสัญญาใหม่กับรัฐบาลอังกฤษใน 1934 อิหม่ามยอมรับอธิปไตยเหนือดินแดนในอารักขาของอังกฤษใน 40 ปี [ 208 ] กลัวสำหรับ hudaydah Yahya ทำ , ยื่นความต้องการเหล่านี้ ตามเบอร์นาร์ด Reichศาสตราจารย์ด้านรัฐศาสตร์และความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ที่มหาวิทยาลัยจอร์จ วอชิงตัน Yahya จะทำได้ดีขึ้น โดยการจัดการ zaydi ตระกูลของภาคเหนือที่บรรพบุรุษของเขาได้กับเติร์กและผู้บุกรุกที่อังกฤษและเปิดที่ดินพวกเขาจับลงสุสานอื่น [ 209 ]