Dracula : แดร็กคูลา อมตะตำนานผีดูดเลือด
รจนาโดย : Bram Stoker
บันทึกของโจนาธาน ฮาร์เกอร์
1.
เคาต์ แดร็กคูลา
เรื่องราวของผมเริ่มต้นขึ้นเมื่อเจ็ดปีก่อน ในปีค.ศ.1875 ชื่อของผมคือ โจนาธาน ฮาร์เกอร์ ผมอาศัยและทำงานอยู่ในกรุงลอนดอน อาชีพของผมคือการเป็นนายหน้าค้าบ้านและที่ดินให้แก่ลูกค้าทั่วไป วันหนึ่งมีจดหมายส่งมาถึงผม จากมหาเศรษฐีคนหนึ่งในทรานซิลเวเนีย เขาต้องการจะซื้อบ้านสักหลังในอังกฤษจึงต้องการความช่วยเหลือจากผม มหาเศรษฐีคนนั้นคือ ท่านเคาต์ แดร็กคูลา ผมตัดสินใจจะช่วยเขา
ในที่สุดผมก็พบบ้านที่เหมาะสำหรับเขา ทว่าเขากลับต้องการดูเอกสารทั้งหมดที่ทรานซิลเวเนีย ผมไม่พอใจกับเรื่องนี้นัก เพราะผมวางแผนจะแต่งงานในฤดูใบไม้ร่วงนี้ และอีกอย่างหนึ่งคือ ผมไม่ต้องการที่จะห่างกับ “มิน่า” เธอผู้แสนงดงามสำหรับผมเลย
“แต่คุณต้องไปนะคะ โจนาธาน” เธอกล่าว “ท่านเคาต์ร่ำรวยมาก ต่อไปเขาอาจมีงานมาให้คุณอีกก็ได้”
ผมเห็นด้วยกับมิน่าเรื่องงาน จึงได้ตัดสินใจจะไปที่นั่น โดยที่ผมไม่เคยรู้เลยว่า มีอันตรายบางอย่าง กำลังรอผมอยู่
ต่อมา ในวันที่ 4 เมษายน ผมเดินทางไปถึงเมือง “บิสตรีซา” เมืองเล็กๆเมืองหนึ่งในทรานซิลเวเนีย ทรานซิลเวเนียเป็นเมืองที่ทั้งสวยงามและค่อนข้างแปลกตาสำหรับผม มีทั้งเทือกเขา ต้นไม้ และแม่น้ำอยู่ล้อมรอบ สักแห่งบนเทือกเขาที่ตั้งตระหง่านนั้นคงจะเป็นที่ตั้งของบ้านท่านเคาต์ ปราสาทแดร็กคูลา ผมมีเวลาประมาณ 6 ชั่วโมงก่อนที่รถม้าจะมารับ ดังนั้นผมจึงตัดสินใจเดินเข้าไปนั่งรอในโรงแรมเล็กๆแห่งหนึ่ง อุณหภูมิภายในโรงแรมแห่งนี้ค่อนข้างอบอุ่นและมีบรรยากาศที่เป็นมิตร ผู้คนต่างสนทนาและส่งเสียงหัวเราะกันอย่างสนุกสนาน
“คุณจะไปที่ไหนหรือ” พวกเขาถาม
“ปราสาทแดร็กคูลาน่ะ” ผมตอบ
ทันใดนั้นทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบ สายตาทุกคู่จ้องมองมายังผม ผมเห็นความกลัวของพวกเขาได้อย่างชัดเจน ผมไม่เข้าใจ
“อย่าไปที่นั่นเลยคุณ” คนหนึ่งพูดขึ้น
“ไม่ได้หรอกครับ” ผมตอบ “มันเป็นงานของผม”
พวกเขาเริ่มพูดคุยกันอีกครั้ง ทว่าครั้งนี้มันกลับเคร่งเครียดและปราศจากเสียงหัวเราะอย่างสิ้นเชิง ครู่ต่อมาภรรยาของเจ้าของโรงแรมได้ปลดสร้อยคอรูปกางเขนสีทองจากลำคอของเธอ ก่อนจะนำมันมาวางไว้บนฝ่ามือผม
“รับนี่ไป” เธอกล่าว
“มีบางอย่างในปราสาทแดร็กคูลา บางทีสิ่งนี้อาจช่วยคุณได้”
เมื่อรถม้ามาถึง ผมก้าวเข้าไปภายในรถท่ามกลางฝูงชนที่พากันมามุงดู หากหูไม่ฝาดผมคิดว่าผมได้ยินพวกเขาพูดกันถึง “ผีดูดเลือด”
รถม้าค่อยๆเคลื่อนขึ้นสู่เทือกเขา สูงขึ้น สูงขึ้น มันเร็วขึ้น เร็วขึ้นเรื่อยๆ ดวงตะวันส่องแสงจ้า ทว่าพรรณไม้บนยอดเขากลับถูกปกคลุมไปด้วยหิมะขาวโพลน และแล้วทันใดนั้น ดวงตะวันก็คล้อยต่ำลับลงเบื้องหลังเทือกเขา เปลี่ยนให้สรรพสิ่งรอบกายตกอยู่ในความมืด ที่ไหนสักแห่งจากในป่าที่อยู่รอบๆตัวเรา มีหมาป่ากำลังเปล่งเสียงเห่าหอน...น่ากลัว
และแล้วต่อมารถม้าก็พลันจอดสนิท ก่อนที่รถม้าคันน้อยอีกคันจะวิ่งออกมาจากถนนแคบๆทางด้านขวา เหล่าม้าสีดำสนิท 4 ตัวกำลังเร่งออกแรงชักลาก ส่วนสารถีสวมชุดและหมวกสีดำซึ่งบัดนี้มันบดบังใบหน้าของเขาอยู่
“ชายชาวอังกฤษอยู่ที่ไหนรึ” เขาร้องเรียก “ฉันมาจากปราสาทแดร็กคูลา”
ช่างเป็นชายที่แปลกประหลาด ร่างของเขาเป็นเงาดำทะมึนท่ามกลางแสงจันทร์ที่สาดแสง ชั่วพริบตานั้นเองผมรู้สึกกลัว แต่ตอนนี้ช้าเกินไป มันสายเกินไป ผมถอยหลังกลับไม่ได้อีกแล้ว!
ในเวลาต่อมา พวกเราอยู่ระหว่างทางไปปราสาทแดร็กคูลา สองข้างทางเต็มไปด้วยเทือกเขารายล้อม ดวงจันทร์สีเหลืองหม่นบัดนี้อยู่ภายใต้หมู่เมฆดำอึมครึม ผมมองอะไรแทบไม่เห็น ทว่าโสตประสาทกลับยังคงได้ยินเสียงเห่าหอนของสุนัขป่าชัดเจน เหล่าอาชาวิ่งเร็วขึ้นและเร็วขึ้นอีก ขณะที่สารถีชุดดำกำลังส่งเสียงหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง
แล้วรถม้าก็หยุดลงอีกครั้ง ผมเปิดประตูและก้าวออกไปภายนอก รถม้าวิ่งออกไปแทบจะในทันที ทิ้งให้ผมยืนเดียวดายอยู่ท่ามกลางความมืดของปราสาทอันเงียบสงัดเบื้องหน้า ผมยืนนิ่งก่อนจะเลื่อนสายตาขึ้นไปบนตัวปราสาทช้าๆ แล้วสักครู่ต่อมาประตูไม้ขนาดใหญ่ก็พลันเปิดออก เผยให้เห็นบุรุษร่างสูงยืนอยู่เบื้องหน้าผม เขามีเส้นผมสีขาวโพลนทั้งศีรษะ สวมชุดสีดำตั้งแต่หัวจรดเท้า
“เชิญเข้ามาสิ คุณฮาร์เกอร์” เขาเอ่ย “ฉันคือเคาต์ แดร็กคูลา”
เขาว่าพลางยื่นมือออกมาให้ผมจับ สัมผัสที่ได้รับนั้นเย็นเยียบเหมือนกับน้ำแข็งไม่มีผิด!
ผมเดินเข้าไปในปราสาท เห็นท่านเคาต์ค่อยๆบรรจงล็อคกุญแจประตูอยู่ทางด้านหลัง จากนั้นจึงยัดพวงกุญแจพวงโตลงในกระเป๋าเสื้อก่อนจะเดินขึ้นไปชั้นบน ผมรีบตามขึ้นไปทันที เรามาถึงห้องห้องหนึ่งซึ่งสว่างไสวไปด้วยแสงไฟจากฟืนกองใหญ่ในเตา ตรงข้ามกันมีโต๊ะเล็กๆซึ่งเต็มไปด้วยอาหารและเครื่องดื่มอยู่พร้อมสรรพ ท่านเคาต์เอ่ยเชิญผมให้นั่งลงรับประทานอาหาร แต่เขากลับไม่ได้ทานด้วยเลยแม้แต่คำเดียว เวลาผ่านไปสักพักหนึ่งเราจึงเริ่มสนทนากันใต้แสงจากเปลวไฟนั้น ท่านเคาต์ใช้ภาษาอังกฤษได้ยอดเยี่ยมมาก ผมแอบถือวิสาสะขณะที่สนทนากันนั้นมองสำรวจเขาอย่างละเอียด ใบหน้าของเขาเป็นสีขาวเผือด ใบหูแหลมตรงปลายเหมือนกับหูของแมว และยังมีเขี้ยวที่แหลมคมเหมือนกับสัตว์ หลังมือที่โผล่พ้นแขนเสื้อออกมาปกคลุมไปด้วยเส้นขนมากมาย นิ้วมือที่เรียงกันทั้งห้าของเขาเหมือนจะมีความยาวมากกว่าคนทั่วไป ยามที่เขาสัมผัสถูกตัวผมนั้น มันทำให้ผมรู้สึกหวาดกลัวอย่างบอกไม่ถูก
ใกล้จะเช้าแล้ว ผมเพิ่งจะเข้านอน ท่ามกลางสติอันเลือนลางราวกับได้ยินเสียงเห่าหอนแว่วมาตามสายลม
เช้าวันต่อมา ผมพบอาหารเช้าวางอยู่บนโต๊ะเล็กๆตรงข้ามกับเตาไฟอันเดิมซึ่งตอนนี้มันยังคงส่องแสงอยู่ ทำให้ผมสามารถมองเห็นภายในปราสาทแดร็กคูลาที่ทั้งเก่าและสกปรกราวกับไม่เคยมีใครมาทำความสะอาดได้อย่างชัดเจน จะว่าไปแล้ว ตั้งแต่มาที่นี่ผมยังไม่เคยพบเด็กรับใช้แม้แต่คนเดียวเหมือนกัน
ท่านเคาต์ไม่ได้มาทานอาหารเช้า แต่ผมพบจดหมายของเขาวางอยู่บนโต๊ะ
“คุณสามารถไปได้ทุกที่ในปราสาท” เนื้อความว่าเช่นนั้น “แต่จะมีบางห้องถูกล็อคเอาไว้