As highlighted above, this article

As highlighted above, this article carries a number of implications for future
research. First, researchers should consider developing measures of supply chain
relationships and the supply chain as a whole, rather than measures of
intra-organizational performance (Lambert and Pohlen, 2001). Moreover, the paucity
of qualitative metrics and non-financial measures of innovativeness and customer
satisfaction should also be addressed. Second, future research needs to explore more
thoroughly how to design performance measurement systems which complement
HRM and modern manufacturing practices, including JIT, TQM and BPR. Third, the
factors influencing the success or failure of attempts to implement measurement
systems for supply chains should be investigated. Fourth, it is important to treat
measurement systems as dynamic entities that must respond to environmental and
strategic changes. Consequently, further work is needed to investigate the factors
influencing the evolution of performance measurement systems for supply chains and
how to handle their ongoing maintenance. Finally, there is a need to investigate
whether implementing measurement systems to evaluate supply chain performance is
cost effective, especially for small and medium enterprises.

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ในฐานะที่เป็นไฮไลท์ข้างต้นบทความนี้ดำเนินการจำนวนของผลกระทบต่ออนาคต
การวิจัย ครั้งแรกที่นักวิจัยควรพิจารณาการพัฒนามาตรการของห่วงโซ่อุปทาน
ความสัมพันธ์และห่วงโซ่อุปทานโดยรวมมากกว่าการวัด
ประสิทธิภาพการทำงานภายในองค์กร (แลมเบิร์และ Pohlen, 2001) นอกจากนี้ความยากจน
ของตัวชี้วัดเชิงคุณภาพและมาตรการที่ไม่ใช่ทางการเงินของนวัตกรรมและลูกค้า
พึงพอใจก็ควรได้รับการแก้ไข ประการที่สองการวิจัยในอนาคตความต้องการที่จะสำรวจเพิ่มเติม
อย่างละเอียดวิธีการออกแบบระบบการวัดประสิทธิภาพการทำงานที่เสริม
HRM และการปฏิบัติการผลิตที่ทันสมัยรวมทั้ง JIT, TQM และ BPR ประการที่สาม
ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อความสำเร็จหรือความล้มเหลวของความพยายามที่จะใช้การวัด
ระบบห่วงโซ่อุปทานควรได้รับการตรวจสอบ ประการที่สี่มันเป็นสิ่งสำคัญที่จะรักษา
ระบบการวัดในฐานะหน่วยงานแบบไดนามิกที่ต้องตอบสนองต่อสิ่งแวดล้อมและ
การเปลี่ยนแปลงเชิงกลยุทธ์ ดังนั้นการทำงานต่อไปเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อศึกษาปัจจัย
ที่มีอิทธิพลต่อวิวัฒนาการของการทำงานของระบบการวัดสำหรับโซ่อุปทานและ
วิธีการจัดการการบำรุงรักษาอย่างต่อเนื่องของพวกเขา ในที่สุดก็มีความจำเป็นต้องตรวจสอบ
ว่าการดำเนินการระบบการวัดการประเมินประสิทธิภาพห่วงโซ่อุปทานเป็น
ค่าใช้จ่ายที่มีประสิทธิภาพโดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับองค์กรขนาดเล็กและขนาดกลาง

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

เป็นไฮไลต์ข้างต้น บทความนี้มีจำนวนของข้อเสนอแนะในการวิจัยในอนาคต

ครั้งแรกที่นักวิจัยควรพิจารณามาตรการการพัฒนาโซ่อุปทาน
ความสัมพันธ์และห่วงโซ่อุปทานโดยรวม มากกว่าการวัดประสิทธิภาพภายในองค์การ
( Lambert และ pohlen , 2001 ) นอกจากนี้ ความขัดสนของตัวชี้วัดเชิงคุณภาพและมาตรการทางการเงิน

ของนวัตกรรมและลูกค้าความพึงพอใจควรจะ addressed ประการที่สอง อนาคตการวิจัยต้องศึกษาเพิ่มเติม
อย่างละเอียด วิธีการออกแบบระบบการวัดสมรรถนะที่เติมเต็ม
HRM และการปฏิบัติการผลิตที่ทันสมัยรวมทั้ง JIT TQM และ BPR . 3
ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อความสำเร็จหรือความล้มเหลวของความพยายามที่จะใช้วัด
ระบบห่วงโซ่อุปทานควรจะตรวจสอบ ประการที่สี่มันเป็นสิ่งสำคัญที่จะรักษา
ระบบการวัดเป็นองค์กรแบบไดนามิกที่ต้องตอบสนองต่อสิ่งแวดล้อมและ
การเปลี่ยนแปลงเชิงกลยุทธ์ จากนั้น งานก็ต้องศึกษาปัจจัย
มีอิทธิพลต่อวิวัฒนาการของระบบการวัดสมรรถนะโซ่อุปทานและ
วิธีการจัดการกับการบํารุงรักษาอย่างต่อเนื่องของพวกเขา สุดท้ายมีต้องสืบ
ไม่ว่าจะใช้ระบบการวัดเพื่อประเมินสมรรถนะของโซ่อุปทานคือ
ต้นทุนที่มีประสิทธิภาพโดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม