A headland is a cliff that sticks o

A headland is a cliff that sticks out into the sea and is surrounded by water on three sides. Headlands are formed from hard rock, that is more resistant to erosion, such as limestone, chalk and granite.Headlands form along discordant coastlines where bands of soft and hard rock outcrop at a right angle to the coastline (see image below). Due to the different nature of rock erosion occurs at different rates. Less resistant rock (e.g. boulder clay) erodes more rapidly than more resistant rock (e.g. chalk).The bands of soft rock, such as sand and clay, erode more quickly than those of more resistant rock, such as chalk. This leaves a section of land jutting out into the sea called a headland. The areas where the soft rock has eroded away, next to the headland, are called bays. Sandy beaches are often found the sheltered bays where waves lose energy, and their capacity to transport material decreases resulting in material being deposited.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

แหลมคือหน้าผาที่ยื่นออกไปในทะเลและมีน้ำล้อมรอบทั้งสามด้าน แหลมเกิดจากหินแข็งซึ่งมีความทนทานต่อการกัดเซาะ เช่น หินปูน ชอล์ก และหินแกรนิต แหลมก่อตัวตามแนวชายฝั่งที่ไม่ลงรอยกัน โดยมีกลุ่มหินอ่อนและหินแข็งโผล่ขึ้นมาเป็นมุมฉากกับแนวชายฝั่ง (ดูภาพด้านล่าง) เนื่องจากลักษณะการกัดเซาะของหินที่แตกต่างกันจึงเกิดขึ้นในอัตราที่ต่างกัน หินที่มีความต้านทานน้อยกว่า (เช่น หินดินเหนียว) จะกัดกร่อนได้เร็วกว่าหินที่มีความต้านทานมากกว่า (เช่น ชอล์ก) แถบหินอ่อน เช่น ทรายและดินเหนียว จะกัดกร่อนได้เร็วกว่าแถบหินที่ทนทานกว่า เช่น ชอล์ก ทำให้มีแผ่นดินยื่นออกไปในทะเลที่เรียกว่าแหลม บริเวณที่หินอ่อนกัดกร่อนออกไปถัดจากแหลมเรียกว่าอ่าว หาดทรายมักพบในบริเวณอ่าวที่มีกำบังซึ่งคลื่นสูญเสียพลังงาน และความสามารถในการขนส่งวัสดุลดลงส่งผลให้วัสดุสะสมตัว

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

แหลมเป็นหน้าผาที่ยื่นออกไปในทะเลล้อมรอบด้วยน้ำ 3 ด้าน หัวโลกเกิดจากหินแข็งที่ทนต่อการกัดเซาะมากกว่า เช่น หินปูน ชอล์ก และหินแกรนิต
หัวโลกก่อตัวขึ้นตามแนวชายฝั่งที่ไม่ลงรอยกันซึ่งแถบหินนุ่มและแข็งโผล่ออกมาที่มุมขวาจากชายฝั่ง (ดูภาพด้านล่าง) เนื่องจากลักษณะการกัดเซาะของหินมีความแตกต่างกัน แต่อัตราการเกิดก็แตกต่างกัน หินที่มีแรงต้านน้อยกว่า (เช่น Bouldering Clay) จะกัดเซาะเร็วกว่าหินที่มีแรงต้านมากกว่า (เช่น ชอล์ก)
แถบหินอ่อนเช่นทรายและดินเหนียวจะกัดเซาะเร็วกว่าหินที่ทนต่อแรงเช่นชอล์ก สิ่งนี้ทําให้แผ่นดินที่ยื่นออกไปในทะเลเรียกว่าแหลม บริเวณที่หินอ่อนถูกกัดเซาะจนพังทลาย อยู่ใกล้กับแหลมที่เรียกว่าอ่าว หาดทรายมักจะเป็นอ่าวที่กําบังซึ่งคลื่นสูญเสียพลังงานและความสามารถในการขนส่งวัตถุของพวกเขาลดลงซึ่งนําไปสู่การสะสมของสาร

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

คางคกเป็นหน้าผาในทะเลล้อมรอบด้วยน้ําสามด้าน มุมที่เกิดจากหินแข็งซึ่งทนต่อการกัดกร่อนเช่นหินปูนขาวและหินแกรนิต

มุมกรวยเกิดขึ้นตามแนวชายฝั่งที่ไม่สอดคล้องกันซึ่งแถบหินอ่อนและแข็งจะปรากฏในมุมขวากับชายฝั่ง(ดูด้านล่าง) เนื่องจากลักษณะที่แตกต่างกันของการพังทลายของหินอุบัติการณ์ของมันก็แตกต่างกัน หินที่มีความต้านทานต่ํากว่า(เช่นดินเหนียว)จะกัดกร่อนได้เร็วกว่าหินที่มีความต้านทานสูงกว่าเช่นหอยขาว

หินอ่อนเช่นทรายและดินเหนียวกัดกร่อนเร็วกว่าหินที่แข็งกว่าเช่นนกแก้ว นี้ทิ้งชิ้นส่วนของแผ่นดินที่ทอดเข้าไปในทะเลเรียกว่าคางคก พื้นที่ที่หินอ่อนใกล้เคียงกับมุมถูกกัดเซาะเรียกว่าอ่าว ชายหาดมักเป็นอ่าวที่ซ่อนอยู่ซึ่งคลื่นสูญเสียพลังงานและความสามารถในการขนส่งวัสดุลดลงทําให้เกิดการสะสมของวัสดุ