Postwar yearsIn 1920, for the 25th

Postwar years
In 1920, for the 25th anniversary of the discovery of radium, the French government established a stipend for her; its previous recipient was Louis Pasteur (1822–95).[43] In 1921, Marie was welcomed triumphantly when she toured the United States to raise funds for research on radium. Mrs. William Brown Meloney, after interviewing Marie, created a Marie Curie Radium Fund and raised money to buy radium, publicising her trip.[43][52] In 1921, US President Warren G. Harding received her at the White House to present her with the 1 gram of radium collected in the United States.[53][54] Before the meeting, recognising her growing fame abroad, and embarrassed by the fact that she had no French official distinctions to wear in public, the French government offered her a Legion of Honour award, but she refused.[54][55] In 1922 she became a fellow of the French Academy of Medicine.[43] She also travelled to other countries, appearing publicly and giving lectures in Belgium, Brazil, Spain, and Czechoslovakia.[56]

Led by Curie, the Institute produced four more Nobel Prize winners, including her daughter Irène Joliot-Curie and her son-in-law, Frédéric Joliot-Curie.[57] Eventually, it became one of four major radioactivity research laboratories, the others being the Cavendish Laboratory, with Ernest Rutherford; the Institute for Radium Research, Vienna, with Stefan Meyer; and the Kaiser Wilhelm Institute for Chemistry, with Otto Hahn and Lise Meitner.[57][58]

In August 1922, Marie Curie became a member of the newly created International Commission for Intellectual Cooperation of the League of Nations.[59] In 1923, she wrote a biography of Pierre, entitled Pierre Curie.[60] In 1925, she visited Poland, to participate in the ceremony that laid foundations for the Radium Institute in Warsaw.[43] Her second American tour, in 1929, succeeded in equipping the Warsaw Radium Institute with radium; it was opened in 1932 and her sister Bronisława became its director.[43][54] These distractions from her scientific labours and the attendant publicity caused her much discomfort but provided resources needed for her work.[54] In 1930, she was elected a member of the International Atomic Weights Committee where she served until her death.[61]

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

พ้นปีในปี 1920 วันครบรอบ 25 ของการค้นพบเรเดียม รัฐบาลฝรั่งเศสก่อตั้งขึ้นช่วยเธอ ผู้รับก่อนหน้านี้ระดับ Louis (1822-95) [43] ในปี 1921 มารีได้รับประสบความสำเร็จเมื่อเธอออกเดินทางไปสหรัฐอเมริกาเพื่อกุศลสำหรับการวิจัยเกี่ยวกับเรเดียม นาง William Brown Meloney หลังจากการสัมภาษณ์ข้อมูลส่วนตัวมารี สร้างกองทุนมารีกูรีเรเดียม และยกเงินซื้อเรเดียม publicising การเดินทางของเธอ [43] [52] ในปี 1921 สหรัฐอเมริกาประธานาธิบดีวอร์เรนกรัมดดิงเธอที่ไวท์เฮ้าส์นำเสนอเธอกับ 1 กรัมของเรเดียมที่รวบรวมในสหรัฐอเมริการับ [53] [54] ก่อนการประชุม ตระหนักถึงชื่อเสียงของเธอเติบโตต่างประเทศ และอายความจริงที่ว่า เธอมีความไม่เป็นทางฝรั่งเศสจะสวมใส่ในที่สาธารณะ รัฐบาลฝรั่งเศสเสนอให้เธอเป็นรางวัลพยุหะเกียรติ แต่เธอปฏิเสธ [54] [55] ในค.ศ. 1922 เธอเป็นเพื่อนของสถาบันแพทย์ฝรั่งเศส [43] เธอยังเดินทางไปประเทศอื่น ๆ ปรากฏทั่วไป และงานบรรยายในเบลเยียม บราซิล สเปน และเชโกสโลวาเกีย [56]นำ โดยปีแอร์กูรี สถาบันผลิต 4 อย่างผู้ชนะรางวัลโนเบล Irène Joliot-Curie ลูกสาวและลูกเขยของเธอ Frédéric Joliot-Curie [57] ในที่สุด มันกลายเป็นหนึ่งในสี่หลัก radioactivity วิจัย อื่น ๆ เป็นห้องปฏิบัติการ คาเวนดิช กับเออร์เนสต์รูเทอร์ฟอร์ด สถาบันวิจัยเรเดียม เวียนนา กับ Stefan Meyer และ สถาบันวิลเฮล์มนิคมเคมี ออตโตฮาห์นและ Lise Meitner [57] [58]ในเดือนสิงหาคมค.ศ. 1922 มารีกูรีเป็น สมาชิกคณะกรรมการนานาชาติสร้างขึ้นใหม่สำหรับความร่วมมือทางปัญญาของสันนิบาตชาติ [59] ใน 1923 เธอเขียนชีวประวัติของ Pierre ปีแอร์กูรี Pierre ได้รับ [60] ใน 1925 เธอชมโปแลนด์ การเข้าร่วมในพิธีที่วางรากฐานสำหรับ สถาบันเรเดียมในวอร์ซอ [43] เธอสองอเมริกันทัวร์ 1929 ประสบความสำเร็จในการเน้น สถาบันเรเดียมวอร์ซอกับเรเดียม เปิดในปี 1932 และ Bronisława น้องสาวของเธอเป็น ผู้อำนวยการ [43] [54] รบกวนจากหน้าของวิทยาศาสตร์และประชาสัมพันธ์ผู้ดูแลเหล่านี้ทำให้เธอเกิดความรู้สึกไม่สบายมาก แต่มีทรัพยากรที่จำเป็นสำหรับการทำงานของเธอ [54] ใน 1930 เธอได้รับเลือกเป็นกรรมการนานาชาติน้ำหนักอะตอมที่เธอเสิร์ฟจนตายของเธอ [61]

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

สงครามปีในปี 1920 สำหรับการครบรอบ 25 ปีของการค้นพบเรเดียมที่รัฐบาลฝรั่งเศสที่จัดตั้งขึ้นค่าจ้างสำหรับเธอ
ผู้รับก่อนหน้านี้ก็คือหลุยส์ปาสเตอร์ (1822-1895). [43] ในปี 1921 มารีได้รับการต้อนรับชัยเมื่อเธอได้ไปเที่ยวประเทศสหรัฐอเมริกาเพื่อระดมทุนสำหรับการวิจัยเกี่ยวกับเรเดียม นางวิลเลียมบราวน์ Meloney หลังจากการสัมภาษณ์มารีสร้างกองทุนมารีกูรีเรเดียมและยกเงินที่จะซื้อเรเดียมเผยแพร่การเดินทางของเธอ. [43] [52] ในปี 1921 ประธานาธิบดีสหรัฐวอร์เรนฮาร์ดิงกรัมรับเธอที่ทำเนียบขาวที่จะนำเสนอ เธอกับ 1 กรัมของเรเดียมที่เก็บรวบรวมในประเทศสหรัฐอเมริกา. [53] [54] ก่อนการประชุมตระหนักถึงชื่อเสียงของเธอเติบโตในต่างประเทศและอายด้วยความจริงที่ว่าเธอไม่ได้มีความแตกต่างอย่างเป็นทางการฝรั่งเศสที่จะสวมใส่ในที่สาธารณะรัฐบาลฝรั่งเศสที่นำเสนอ เธอกองทัพที่ได้รับรางวัลเกียรติยศ แต่เธอปฏิเสธ. [54] [55] ใน 1922 เธอกลายเป็นเพื่อนของฝรั่งเศสสถาบันการแพทย์. [43] นอกจากนี้เธอยังได้เดินทางไปยังประเทศอื่น ๆ ที่ปรากฏต่อสาธารณชนและให้การบรรยายในเบลเยียม, บราซิล, สเปนและสโลวาเกีย. [56] นำโดยกูสถาบันที่ผลิตอีกสี่ผู้ชนะรางวัลโนเบลรวมทั้งลูกสาวของเธอIrène Joliot-Curie และลูกชายในกฎหมายของเธอFrédéric Joliot-Curie. [57] ในที่สุดก็กลายเป็นหนึ่งใน สี่ห้องปฏิบัติการวิจัยกัมมันตภาพรังสีที่สำคัญคนอื่น ๆ เป็นห้องปฏิบัติการคาเวนดิชกับเออร์เนสรัทเธอร์; สถาบันเพื่อการวิจัยเรเดียมเวียนนากับสเตฟานเมเยอร์; และไกเซอร์วิลเฮล์สถาบันเคมีกับอ็อตโตฮาห์นและ Lise Meitner. [57] [58] ในเดือนสิงหาคม 1922 มารีกูรีเป็นสมาชิกของที่สร้างขึ้นใหม่คณะกรรมาธิการระหว่างประเทศเพื่อความร่วมมือทางปัญญาของสันนิบาตแห่งชาติ. [59] ในปี 1923 เธอเขียนชีวประวัติของปิแอร์สิทธิ Pierre Curie ได้. [60] ในปี 1925 ที่เธอไปเยี่ยมประเทศโปแลนด์จะเข้าร่วมในพิธีที่วางรากฐานสำหรับเรเดียมสถาบันในกรุงวอร์ซอ. [43] เธอสองทัวร์อเมริกาในปี 1929 ประสบความสำเร็จใน เตรียมวอร์ซอเรเดียมกับสถาบันเรเดียม; มันก็เปิดในปี 1932 และน้องสาวBronisławaเธอกลายเป็นผู้อำนวยการ. [43] [54] รบกวนเหล่านี้จากแรงงานทางวิทยาศาสตร์ของเธอและการประชาสัมพันธ์เข้าร่วมประชุมที่เกิดความรู้สึกไม่สบายมากของเธอ แต่ทรัพยากรให้ที่จำเป็นสำหรับการทำงานของเธอ. [54] ในปี 1930 เธอได้รับการเลือกตั้ง เป็นสมาชิกของคณะกรรมการน้ำหนักปรมาณูระหว่างประเทศที่เธอทำหน้าที่จนตาย. [61]

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

หลังสงครามปี
ในปี 1920 ในโอกาสครบรอบ 25 ปี ของการค้นพบของเรเดียม รัฐบาลฝรั่งเศสก่อตั้งขึ้นค่าจ้างให้เธอ ผู้รับหน้าที่เป็นหลุยส์ ปาสเตอร์ ( 1822 – 95 ) [ 43 ] ใน 1921 มารียินดีอย่างลิงโลดเมื่อเธอเที่ยวประเทศสหรัฐอเมริกา เพื่อระดมทุนสำหรับการวิจัยเรเดียม คุณนายวิลเลี่ยม บราวน์ meloney หลังจากสัมภาษณ์ มารีสร้างกองทุนเรเดียม มารี คูรี และยกเงินเพื่อซื้อเรเดียม การเผยแพร่การเดินทางของเธอ [ 43 ] [ 52 ] ใน 1921 ประธานาธิบดีวาร์เรน จี. ฮาร์ดิงได้รับของเธอที่ทำเนียบขาว เพื่อนำเสนอของเธอกับ 1 กรัมของเรเดียมที่รวบรวมในสหรัฐอเมริกา . [ 53 ] [ 54 ] ก่อนประชุม ตระหนักถึงชื่อเสียง เธอเติบโตในต่างประเทศ และอายที่เธอไม่มีการแบ่งแยกฝรั่งเศสอย่างเป็นทางการที่จะสวมใส่ในที่สาธารณะรัฐบาลฝรั่งเศสเสนอให้เธอเป็นรางวัลเกียรติยศของอัศวิน แต่เธอปฏิเสธ [ 54 ] [ 55 ] ในประโยคนี้เธอกลายเป็นเพื่อนของโรงเรียนภาษาฝรั่งเศสการแพทย์ [ 43 ] เธอยังเดินทางไปยังประเทศอื่น ๆ ที่ปรากฏต่อสาธารณะและให้การบรรยายในเบลเยียม , บราซิล , สเปน และอิตาลี [ 56 ]

นำโดย คูรี่ สถาบันผลิตสี่รางวัลโนเบลมากกว่าผู้ชนะรวมถึงลูกสาว IR . เน่ joliot คูรี่ และลูกเขยของเธอ , เฟรเดริก joliot คูรี [ 57 ] ในที่สุดก็กลายเป็นหนึ่งใน 4 สาขารังสีงานวิจัยห้องปฏิบัติการ , คนอื่นถูกห้องทดลองคาเวนดิช กับ แอนน์ แฮททาเวย์ สถาบันการวิจัยเรเดียมเวียนนา กับ สเตฟาน เมเยอร์ และ ไกเซอร์วิลเฮล์มสถาบันเคมีกับออตโตฮาห์น และลิซ ไมท์เนอร์ [ 57 ] [ 58 ]

ในเดือนสิงหาคมนี้ มารี คูรี่ กลายเป็นสมาชิกของที่สร้างขึ้นใหม่ระหว่างประเทศคณะกรรมาธิการความร่วมมือทรัพย์สินทางปัญญาของสันนิบาตชาติ [ 59 ] ในปี 1923 ที่เธอเขียนชีวประวัติของปิแอร์ สิทธิ ปิแอร์ คูรี [ 60 ] 1925 เธอเยือนประเทศโปแลนด์ เข้าร่วมพิธีที่วางพื้นฐานสำหรับสถาบันเรเดียมใน วอร์ซอ [ 43 ] ที่สองอเมริกันทัวร์ ใน ปี ค.ศ. 1929ได้เตรียม วอร์ซอ สถาบันเรเดียมกับเรเดียม ; มันถูกเปิดในปี 1932 และน้องสาว bronis łอะวะกลายเป็นผู้อำนวยการของ [ 43 ] [ 54 ] เหล่านี้ การรบกวนจากแรงงานทางวิทยาศาสตร์ของเธอและชื่อเสียงพ่อบ้านทำให้ไม่สบายของเธอมากแต่ให้ทรัพยากรที่จำเป็นสำหรับการทำงานของเธอ [ 54 ] ในปี 1930 ,