One great difficulty in the second

One great difficulty in the second language reading classroom is that even when language learners can read, much of their reading is not fluent. Often, in our efforts to assist students in increasing their reading rate, teachers overemphasize accuracy which impedes fluency. The teacher must work towards finding a balance between assisting students to improve their reading rate and developing reading comprehension skills. It is very important to understand that the focus is not to develop speed readers, but fluent readers. I define a fluent reader as one who reads at a rate of 200 words-per-minute with at least 70 percent comprehension. One focus here is to teach readers to reduce their dependence on a dictionary. Skills such as scanning, skimming, predicting, and identifying main ideas get students to approach reading in different ways. Readers should spend more time analyzing and synthesizing the content of the reading, and not focusing on moving through the passage one word at a time. Part of the joy of reading is being able to pick up a book and comprehend it, without having to struggle through the task of reading.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ยากมากที่หนึ่งในห้องเรียนอ่านภาษาที่สองได้ว่า แม้ผู้เรียนภาษาสามารถอ่าน มากของพวกเขาอ่านไม่คล่อง มักจะ ในความพยายามของเราจะช่วยเหลือนักเรียนในการเพิ่มอัตราการอ่าน ครู overemphasize ความถูกต้องที่ impedes แคล่ว ครูต้องทำงานต่อการหาสมดุลระหว่างการให้ความช่วยเหลือนักเรียนเพื่อปรับปรุงอัตราการอ่าน และพัฒนาทักษะความเข้าใจในการอ่าน มันเป็นสิ่งสำคัญมากที่จะเข้าใจว่า โฟกัสจะไม่พัฒนาความเร็วในการอ่าน แต่อ่านอย่างคล่องแคล่ว ฉันกำหนดอ่านคล่องเป็นคนที่อ่านในอัตรา 200 คำต่อนาทีกับน้อยร้อยละ 70 ทำความเข้าใจ หนึ่งโฟกัสที่นี่คือการ สอนอ่านเพื่อลดการพึ่งพาพจนานุกรม ทักษะเช่นการสแกน skimming คาดการณ์ และระบุความคิดหลักได้นักเรียนไปอ่านวิธีการหลายวิธี ผู้อ่านควรใช้เวลาวิเคราะห์ และสังเคราะห์เนื้อหาน่าอ่าน ไม่เน้นการเคลื่อนย้ายผ่านคำหนึ่งกาลครั้ง ส่วนหนึ่งของความสุขของการอ่านสามารถรับหนังสือ และเข้าใจได้ โดยไม่ต้องผ่านภารกิจของอ่าน

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

หนึ่งในความยากลำบากในห้องเรียนการอ่านภาษาที่สองก็คือว่าแม้ในขณะที่เรียนภาษาสามารถอ่านมากของการอ่านของพวกเขาไม่ได้อย่างคล่องแคล่ว บ่อยครั้งที่ความพยายามของเราในการให้ความช่วยเหลือนักเรียนในการเพิ่มอัตราการอ่านของพวกเขาครู overemphasize ความถูกต้องซึ่งขัดขวางความคล่องแคล่ว ครูจะต้องทำงานต่อการหาสมดุลระหว่างการให้ความช่วยเหลือนักเรียนที่จะเพิ่มอัตราการอ่านของพวกเขาและการพัฒนาทักษะการอ่านจับใจความ มันเป็นสิ่งสำคัญมากที่จะเข้าใจว่าโฟกัสไม่ได้ที่จะพัฒนาผู้อ่านความเร็ว แต่ผู้อ่านได้อย่างคล่องแคล่ว ผมกำหนดให้ผู้อ่านได้อย่างคล่องแคล่วเป็นหนึ่งในคนที่อ่านในอัตรา 200 คำต่อนาทีอย่างน้อย 70 เปอร์เซ็นต์เข้าใจ หนึ่งมุ่งเน้นที่นี่คือการสอนให้ผู้อ่านที่จะลดการพึ่งพาของพวกเขาในพจนานุกรม ทักษะเช่นการสแกน skimming ทำนายและระบุความคิดหลักได้รับนักเรียนที่จะเข้าใกล้การอ่านในรูปแบบที่แตกต่างกัน ผู้อ่านควรใช้เวลามากขึ้นในการวิเคราะห์และสังเคราะห์เนื้อหาของการอ่านและไม่ได้มุ่งเน้นไปที่การเคลื่อนย้ายผ่านทางหนึ่งคำที่เวลา เป็นส่วนหนึ่งของความสุขของการอ่านที่มีความสามารถในการรับหนังสือและเข้าใจมันได้โดยไม่ต้องผ่านการต่อสู้งานของการอ่าน

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

หนึ่งความยากลำบากในชั้นเรียนการอ่านภาษาที่สองคือ เมื่อผู้เรียนภาษาอ่าน มากของพวกเขาอ่านไม่คล่อง บ่อยๆ ในความพยายามของเราเพื่อช่วยนักเรียนในการเพิ่มอัตราการอ่าน ครูเน้นย้ำความถูกต้องที่ขัดขวางความสามารถ .ครูต้องทำงานเกี่ยวกับการหาสมดุลระหว่างการช่วยเหลือนักเรียนเพื่อเพิ่มอัตราการอ่านของตนเอง และพัฒนาทักษะการอ่านเพื่อจับใจความ มันเป็นสิ่งสำคัญที่จะเข้าใจว่าโฟกัสไม่ได้พัฒนาความเร็วอ่าน แต่อ่านคล่อง ฉันกำหนดอ่านคล่อง เป็นหนึ่งคนที่อ่าน ในอัตรา 200 คำต่อนาทีมีความเข้าใจอย่างน้อย 70 เปอร์เซ็นต์หนึ่ง ที่นี่เน้นการสอนผู้อ่าน เพื่อลดการพึ่งพาพจนานุกรม ทักษะเช่นการสแกน , skimming , ทำนาย , และการจับใจความสำคัญ ให้นักเรียนได้เข้าไปอ่านในวิธีที่แตกต่างกัน ผู้อ่านควรใช้เวลาในการวิเคราะห์และสังเคราะห์เนื้อหาที่อ่าน และไม่เน้นเคลื่อนที่ผ่านทางคำหนึ่งที่เวลาส่วนหนึ่งของความสุขของการอ่าน คือ ความสามารถในการรับส่งหนังสือ และเข้าใจมัน โดยไม่ต้องดิ้นรนผ่านงานอ่าน
.